ปัตตานี - รองโฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า แถลงเหตุปะทะในพื้นที่ อ.ยะหา จ.ยะลา และเหตุระเบิดตลาดบ่อทอง จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และได้รับบาดเจ็บหลายราย หนึ่งในนั้นเป็นเด็กชายอายุเพียงแค่ 14 ปี
วันนี้ (28 พ.ค.) พ.อ.ธนาวีร์ สุวรรณรัตน์ รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเหตุเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่าย ได้ปะทะกับกลุ่มคนร้ายในพื้นที่บ้านเจาะตาแม ต.กาตอง อ.ยะหา จ.ยะลา เมื่อช่วงเที่ยงของวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้คนร้ายเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 1 ราย ทราบชื่อคือ นายอับดุลเลาะ ลาเต๊ะ เป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ/สั่งการ มีหมายจับ ป.วิอาญา จำนวน 7 หมาย ส่วนเจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ที่ได้กำชับให้เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมพื้นที่ และบังคับใช้กฎหมายในช่วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน เพื่อทำลายความพยายามของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มุ่งสร้างสถานการณ์เพื่อสร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชน ตามความเชื่อที่ถูกบิดเบือนว่าจะได้บุญมากขึ้น
จากการสูญเสียของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้มีการตอบโต้การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ด้วยการลอบวางระเบิดบริเวณตลาดนัดบ่อทอง บ้านบ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อเวลา 16.15 น. ของวันที่ 27 พฤษภาคม 2562 โดยอาศัยช่วงเวลาที่พี่น้องประชาชนออกมาจับจ่ายซื้อหาอาหารเพื่อเตรียมละศีลอด เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 2 ราย ทราบชื่อคือ ด.ช.อัยดิลฟิตลี ยะโก๊ะ อายุ 14 ปี และนางสารีปะห์ อาเย๊าะแซ อายุ 35 ปี และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก จำนวน 23 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 4 ราย และประชาชนอีก จำนวน 19 ราย เบื้องต้น ผู้บาดเจ็บได้ถูกนำตัวส่งรักษายังโรงพยาบาลหนองจิก และโรงพยาบาลปัตตานี จ.ปัตตานี แล้ว
ภายหลังเกิดเหตุ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้แสดงความเสียใจต่อญาติ และครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บจากการกระทำของกลุ่มสุดโต่งนอกศาสนา พร้อมทั้งสั่งกำชับให้หน่วยที่เกี่ยวข้องเข้าให้การช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบโดยเร็วที่สุด พร้อมทั้งให้รวบรวมวัตถุพยานเพื่อติดตามกลุ่มผู้ก่อเหตุมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป
จากพฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายที่มุ่งก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในห้วงเดือนรอมฎอนอันประเสริฐของมุสลิมทั่วโลก ถือเป็นช่วงเวลาแห่งการทำความดี ละเว้นจากสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง ด้วยการทำลายชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ขัดต่อหลักคำสอนทางศาสนาอิสลามอย่างร้ายแรง นอกจากจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว จะต้องได้รับผลกรรมตามบทบัญญัติแห่งอิสลาม จึงขอให้ทุกภาคส่วนได้รวมพลังอันบริสุทธิ์ต่อต้าน และประณามการกระทำอันสุดโต่งนี้กันอย่างกว้างขวาง เพื่อไม่ให้บุคคลเหล่านี้มีที่ยืนในสังคมอีกต่อไป
ทั้งนี้ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ยังคงเพิ่มมาตรการควบคุมพื้นที่ให้ปลอดภัย ควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะห้วง 10 วันสุดท้ายของเดือนรอมฎอน จึงขอความร่วมมือพี่น้องประชาชนให้ช่วยกันเฝ้าระวัง และเป็นหูเป็นตา หากพบสิ่งผิดปกติหรือบุคคลแปลกปลอมเข้ามาในพื้นที่ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ หรือฝ่ายปกครองในพื้นที่ของท่าน หรือโทร.ที่สายด่วน 1341 ตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ตู้ ปณ.41 ปณจ.ยะลา 95000