ศูนย์ข่าวภาคใต้ - ระลึกถึง! “ป๋าเปรม” ผู้จุดพลุ “ยุคโชติช่วงชัชวาล” ผู้ถือกำเนิดโครงการ Eastern Seaboard (ESB) ที่ยกระดับประเทศไทยจากประเทศด้อยพัฒนา มาเป็นประเทศกำลังพัฒนา
วันนี้ (27 พ.ค.) นายชาย ซีโฮ่ สื่อมวลชนอาวุโสระดับอดีตบรรณาธิการค่ายสื่อใหญ่ ชาวจังหวัดตรัง ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวในชื่อ “Chai Seeho” เพื่อเป็นการระลึกถึง “พล.อ.เปรม” ผู้จุดพลุใน “ยุคโชติช่วงชัชวาล” ผู้ถือกำเนิดโครงการ Eastern Seaboard ที่ยกระดับประเทศไทยจากประเทศด้อยพัฒนา มาเป็นประเทศกำลังพัฒนา โดยระบุว่า...
“ป๋าเปรม”
ผมเจอ “ป๋าเปรม” ครั้งแรกเมื่อตอนเปิดโครงการ Eastern Seaboard (ESB)
เมื่อรู้ว่าเป็น “คนใต้” ป๋าก็พูดกับผมภาษาใต้ว่า “เหร่าคนใต้ ต้องแหลงภาษาใต้” และผมเชื่อว่าหลายคนคงได้รับคำแนะนำนี้จาก “ป๋า” ..เมื่อ “ป๋า” รู้ว่าเป็น “คนใต้”
ผมไม่เจอ “ป๋าเปรม” บ่อยนัก แต่ผมกล้ารับรองกับทุกคนในโลกว่าใครก็ตามที่ “ในหลวง” 2 รัชกาลทรงไว้วางพระราชหฤทัย ผมถือว่า “ไม่ธรรมดา”
น่าเสียดายที่เด็กๆ สมัยนี้ มันอ่านหนังสือไม่เกิน 8 บรรทัด บวกกับ “พ่อแม่ไม่สั่งสอน” ..มันจึงไม่รู้จัก “ป๋าเปรม” แบบที่ควรรู้จัก
ผมจะเขียนถึง “ป๋าเปรม” ที่ผมรู้จักและสัมผัสได้ในฐานะนักบริหาร
“ป๋าเปรม” นี่ถือเป็นสุดยอดนักบริหาร และรู้จัก “ใช้คน” ในแบบ “ใช้คนอย่าระแวง ระแวงอย่าใช้คน”
“ป๋าเปรม” เป็นนายกรัฐมนตรีไทยในสมัย “โชติช่วงชัชวาล” จึงเป็นจุดกำเนิดโครงการ Eastern Seaboard ที่ยกระดับประเทศไทยจากประเทศด้อยพัฒนา มาเป็นประเทศกำลังพัฒนา ในโครงการท่าเรือน้ำลึก และโรงงานอุตสาหกรรมใหญ่มากมายทางตะวันออกที่ชลบุรี ระยอง
คนที่ “ป๋า” เลือกใช้งานในโครงการนี้ “สาวิตต์ โพธิวิหค” ดร.หนุ่มสาขา SYSTEM ANALYSIS จากฮาวาร์ด ในฐานะนักวิชาการที่สภาพัฒน์ ที่มาเขียนแม่บทโครงการที่หลายคนตั้งคำถาม “มันเป็นไปได้จริงหรือ”
พูดถึง Eastern Seaboard ต้องต่อเนื่องเรื่องพลังงาน ที่แม้จะไม่ได้ถือกำเนิดในยุคป๋า แต่เมื่อป๋าเป็นนายกฯ ทั้ง ปตท. ไทยออยล์ กระทั่งบางจาก ก็เพิ่ง “ตั้งไข่” ทำให้ “ป๋า” ต้องเข้ามาจัดระเบียบการบริหาร
“ศุลี มหาสันทนะ” เพื่อนร่วมรุ่นสวนกุหลาบ คือคนที่ป๋าขอให้ทิ้งเงินแสน มารับเงินหมื่นในตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้กำกับนโยบายด้านพลังงาน และน้ำมันเชื้อเพลิง ตลอดสมัยรัฐบาลป๋าในช่วงปี 2524-2531
“ศุลี” เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทน้ำมันบางจากปิโตรเลียม โดยเห็นว่าการเป็นหน่วยงานในสังกัดกรมการพลังงาน หรือหากไปขึ้นกับ ปตท.ก็จะไม่สะดวก จึงเสนอให้ตั้งเป็นบริษัท และเป็นผู้เสนอให้ “ป๋า” ดึง “เกษม จาติกวณิช” ผู้ว่าการ กฟผ. มาเป็นประธาน และ “โสภณ สุภาพงษ์” รองผู้ว่าการ ปตท. มาเป็นกรรมการผู้จัดการ และ “เกษม จาติกวณิช” ก็เป็นคนที่ “ป๋าเปรม” ขอให้เป็นประธานบริษัท ปุ๋ยแห่งชาติ ที่ใช้ผลต่อเนื่องจากปิโตรเคมีมาผลิต
ขณะเดียวกัน เด็กๆ รุ่นใหม่อาจจะไม่รู้ว่าในช่วงที่ “ป๋าเปรม” เป็นนายกฯ คือช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ จนรัฐบาลต้องตัดสินใจ “ลดค่าเงินบาท” และเข้าโครงการรับความช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เป็นครั้งแรก โดยมีการอนุมัติเงิน จำนวน 814.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ในเดือนมิถุนายน 2524 มาให้ประเทศไทยกู้ โดย IMF ยื่นเงื่อนไขให้ไทยปรับปรุงกลไกการหารายได้เพิ่มของรัฐบาลหลายเรื่อง
ในตอนนั้น ระบบการเงินไทยเปลี่ยนโฉมมากมาย ไฟแนนซ์ ธนาคาร ได้รับผลกระทบมากมาย แต่โชคดีที่ “ป๋าเปรม” ใช้คนถูกงาน จนทุกวันนี้คนรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้จักชื่อบริษัท เครดิตฟองซิเอร์ ที่มีมากมายก่อนหน้านี้
คนแรกคือ “สมหมาย ฮุนตระกูล” อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย ที่ถือเป็น “ขุนคลังคู่บารมี” ของป๋าเปรม โดยดำรงตำแหน่งในช่วงปี 2523-2529 ก่อนโยนไม้ส่งต่อถึง “สุธี สิงห์เสน่ห์” ที่เข้ามาครั้งแรกในฐานะ รมช.คลัง ก่อนขยับขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการ
แม้ในช่วงนั้นจะเป็นยุค “โชติช่วงชัชวาล” แต่เศรษฐกิจที่ไม่ดีนัก กระทรวงการคลัง จึงมีนโยบายทั้งจำกัดเพดานเงินกู้ กำหนดเพดานอัตราดอกเบี้ย ที่แม้จะเป็น “ยาขม” แต่สุดท้าย ...เศรษฐกิจไทยก็พ้นห่วงกรรม
ที่ต้องยกย่องอีกคนในฐานะ “ลูกป๋า” ที่ถูกดึงมาช่วยงาน คือ “ไตรรงค์ สุวรรณคีรี” ลูกศิษย์ ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ดีกรีปริญญาเอก สาขาเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยฮาวาย ที่ “ป๋าเปรม” ดึงมาเป็น “โฆษกรัฐบาล”
แม้จะแถลงข่าวแบบสำเนียง “ทองแดง” แต่ “สามสี ภูเขาทอง” ก็แถลงข่าวโดยแทรกความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ และบอก “ความจริง” จนคนไทยไม่ตระหนกว่าในตอนนั้น ประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ แม้จะมีรูปธรรม เช่น ทีวีต้องปิดสถานีในเวลา 18.30-20.00 น. เพื่อประหยัดไฟ
“ป๋าเปรม” ถือเป็นคนใช้งานคนเป็น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ “ชาญ มนูธรรม”
“ชาญ มนูธรรม” เป็นเพื่อนร่วมรุ่นสวนกุหลาบอีกคนที่ “ป๋าเปรม” ไว้ใจ โดยเคยดำรงตำแหน่ง รมช.คมนาคม และรัฐมนตรีสำนักนายกฯ โดย “ป๋า” จะตอบคำถามสื่อถึงการเลือก “เพื่อน” มาเป็นรัฐมนตรี ในทำนองว่า “ผมรู้จักเพื่อนผมดี”
ที่สำคัญก็คือ คนทำงานที่ “ป๋าเปรม” เลือกมาทำงานด้วย ทุกคนไม่เคยมีข่าวฉาวเรื่องเงินๆ ทองๆ และทุกคนมุ่งมั่นทำงานเพื่อ “แทนคุณแผ่นดิน” อย่างแท้จริง
พวกที่อ่านหนังสือไม่เกิน 8 บรรทัด.. จึงไม่รู้เรื่องพวกนี้
ทั้งที่ “ป๋าเปรม” คือต้นแบบ “แทนคุณแผ่นดิน” ที่รับใช้ในหลวง 2 รัชกาลจนวาระสุดท้ายของการดำรงชีพ