ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เปิดใจ “ทนายแก้ว” คนขับรถพยาบาลอาสาสมัครมูลนิธิกุศลธรรมฯ เล่าวินาทีถูก 2 วัยรุ่นคู่กรณีใช้ขวานไล่ทุบรถ ยอมรับกลัวอันตราย แต่ไม่ขับรถชนคู่กรณีเพราะถูกสอนมาให้ช่วยคนไม่ใช่ฆ่าคน

จากกรณีได้มีการแชร์คลิปวิดีโอจากกล้องหน้ารถและหลังรถ ของ นายเดชณรงค์ ส่งแสง หรือทนายแก้ว ซึ่งเป็นอาสาสมัครมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต ที่ขับรถพยาบาลคันที่ถูก 2 โจ๋หัวร้อนใช้ขวานทุบรถจนได้รับความเสียหาย ได้กล่าวเปิดใจเล่าถึงนาทีเกิดเหตุ 2 คนร้ายไล่ทุบรถด้วยอาวุธมีดและขวาน หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ ว่า ตนเองมีอาชีพเป็นทนายความและเป็นอาสาสมัครมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต นามเรียกขาน ว่า เทพกระษัตรี 05 เป็นคนขับรถคันดังกล่าว โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 16.45 น. วันที่ 20 พ.ค.62 ที่ผ่านมา ตนได้ขับรถพยาบาลอาสาสมัคร รหัสเทพกระษัตรี 05 จากพื้นที่นาคามุ่งหน้าแยกเซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต เพื่อไปซื้อยาที่ห้างแห่งหนึ่ง
หลังจากขับรถขึ้นจากอุโมงค์หน้าเซ็นทรัลเฟสติวัล ภูเก็ต ก็วิ่งอยู่เลนขวาสุด แล้วก็เปลี่ยนเข้าเลนกลาง เมื่อเข้าเลนกลางแล้ว มองกระจกข้างด้านซ้าย เห็นรถจักรยานยนต์จากเลนซ้ายจะแซงรถกระบะสีแดง จึงได้บีบแตรเตือน เพราะรถเกือบจะชนด้านซ้ายของรถพยาบาลแล้ว ปรากฏว่า คนซ้อนรถจักรยานยนต์ได้ใช้ของแข็งขว้างใส่กระจกหลังรถพยาบาล ตนจึงชะลอรถ คนขับรถจักรยานยนต์ได้ขับมาเทียบข้างและบอกให้จอด แต่ตนไม่จอด แต่มองเห็นทางกระจกว่า คนซ้อนได้ชักอาวุธสีดำออกมา จึงได้ขับรถต่อไป
แต่ทั้ง 2 คนก็ยังคงขับตามมา และบอกให้จอด ตนก็ขับไปเรื่อยๆ เพื่อจะเลี้ยวกลับตรงยูเทิร์นโลตัสสามกอง เพื่อไปซื้อยาใส่รถพยาบาล ปรากฏว่าช่วงยูเทิร์น ทั้ง 2 คน ได้ลงมาจากรถจักรยานยนต์และวิ่งตามมา ตนจึงได้เร่งเครื่องขับออกไป แต่ทั้ง 2 ยังไม่ยอมหยุดและกลับไปที่รถและขับตามมาขว้างของแข็งใส่กระจกอีกครั้ง หลังจากนั้นเร่งแซงขึ้นมาทางด้านคนขับ และคนซ้อนได้เงื้อมีดจะแทงกระจกฝั่งคนขับ ตนจึงเบี่ยงรถไปหาเขาเพื่อให้เขาหลบออกไป แต่เขาได้เร่งแซงขึ้นหน้ารถ และชี้หน้าด้วยมีดในมือ

ตนเห็นว่าเขาไม่ปล่อยตนแน่ ตนจึงได้เบิ้ลเครื่องรถยนต์ขู่ แต่ทั้ง 2 ยังไม่ยอมหยุดและใช้มีดแทงหน้ารถ ตนจึงเร่งเครื่องเบียดรถจักรยานยนต์ เพื่อให้เขากลัว แต่ปรากฏว่า เขาได้ขับไล่ตามมาใช้ขวานฟันกระจกหลังรถและกระจกด้านข้าง ตนจึงได้เร่งเครื่องหนี เพราะคิดว่าไม่ปลอดภัยแล้ว แต่ขณะที่ขับรถไปโชคดีที่ข้างหน้ามีตำรวจจราจรขับรถอยู่ด้านหน้าไกลๆ เมื่อทั้ง 2 เห็นตำรวจจึงเลี้ยวรถกลับและหลบหนีไป
นายเดชณรงค์ กล่าวต่ออีกว่า ยอมรับว่าตอนนั้นรู้สึกกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะกลัวอันตรายจะเกิดขึ้นกับตัวเอง และเกรงว่าจะทำให้รถคันอื่นเกิดความไม่ปลอดภัยด้วย แต่ก็ยังยืนยันว่าที่ไม่ตัดสินขับรถชนผู้ก่อเหตุทั้ง 2 เพื่อป้องกันตัวเองนั้น เพราะว่าตนถูกสอนมาให้ช่วยคนจึงไม่ต้องการทำร้ายคู่กรณี ในส่วนรถอาสาของตนที่เสียหาย กระจกด้านหลังและด้านข้างแตกเสียหาย จำนวน 3 บาน หลังเกิดเหตุตนก็ได้ไปเปลี่ยนเรียบร้อยแล้วซึ่งความเสียหายครั้งนี้ประมาณ 5 หมื่นบาท
อย่างไรก็ตาม นายเดชณรงค์ ได้กล่าวขอบคุณ พ.ต.อ.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจทีมงานชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วิชิต ที่ร่วมกันทำงานสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้อย่างรวดเร็ว และอยากฝากเตือนผู้ขับขี่รถบนท้องถนนทุกท่านในการที่บีบแตรไม่ใช่เป็นการด่า แค่เป็นการเตือนสติในการขับรถ และการขับรถขอให้ใช้สติ
จากกรณีได้มีการแชร์คลิปวิดีโอจากกล้องหน้ารถและหลังรถ ของ นายเดชณรงค์ ส่งแสง หรือทนายแก้ว ซึ่งเป็นอาสาสมัครมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต ที่ขับรถพยาบาลคันที่ถูก 2 โจ๋หัวร้อนใช้ขวานทุบรถจนได้รับความเสียหาย ได้กล่าวเปิดใจเล่าถึงนาทีเกิดเหตุ 2 คนร้ายไล่ทุบรถด้วยอาวุธมีดและขวาน หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ ว่า ตนเองมีอาชีพเป็นทนายความและเป็นอาสาสมัครมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต นามเรียกขาน ว่า เทพกระษัตรี 05 เป็นคนขับรถคันดังกล่าว โดยเหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 16.45 น. วันที่ 20 พ.ค.62 ที่ผ่านมา ตนได้ขับรถพยาบาลอาสาสมัคร รหัสเทพกระษัตรี 05 จากพื้นที่นาคามุ่งหน้าแยกเซ็นทรัล เฟสติวัล ภูเก็ต เพื่อไปซื้อยาที่ห้างแห่งหนึ่ง
หลังจากขับรถขึ้นจากอุโมงค์หน้าเซ็นทรัลเฟสติวัล ภูเก็ต ก็วิ่งอยู่เลนขวาสุด แล้วก็เปลี่ยนเข้าเลนกลาง เมื่อเข้าเลนกลางแล้ว มองกระจกข้างด้านซ้าย เห็นรถจักรยานยนต์จากเลนซ้ายจะแซงรถกระบะสีแดง จึงได้บีบแตรเตือน เพราะรถเกือบจะชนด้านซ้ายของรถพยาบาลแล้ว ปรากฏว่า คนซ้อนรถจักรยานยนต์ได้ใช้ของแข็งขว้างใส่กระจกหลังรถพยาบาล ตนจึงชะลอรถ คนขับรถจักรยานยนต์ได้ขับมาเทียบข้างและบอกให้จอด แต่ตนไม่จอด แต่มองเห็นทางกระจกว่า คนซ้อนได้ชักอาวุธสีดำออกมา จึงได้ขับรถต่อไป
แต่ทั้ง 2 คนก็ยังคงขับตามมา และบอกให้จอด ตนก็ขับไปเรื่อยๆ เพื่อจะเลี้ยวกลับตรงยูเทิร์นโลตัสสามกอง เพื่อไปซื้อยาใส่รถพยาบาล ปรากฏว่าช่วงยูเทิร์น ทั้ง 2 คน ได้ลงมาจากรถจักรยานยนต์และวิ่งตามมา ตนจึงได้เร่งเครื่องขับออกไป แต่ทั้ง 2 ยังไม่ยอมหยุดและกลับไปที่รถและขับตามมาขว้างของแข็งใส่กระจกอีกครั้ง หลังจากนั้นเร่งแซงขึ้นมาทางด้านคนขับ และคนซ้อนได้เงื้อมีดจะแทงกระจกฝั่งคนขับ ตนจึงเบี่ยงรถไปหาเขาเพื่อให้เขาหลบออกไป แต่เขาได้เร่งแซงขึ้นหน้ารถ และชี้หน้าด้วยมีดในมือ
ตนเห็นว่าเขาไม่ปล่อยตนแน่ ตนจึงได้เบิ้ลเครื่องรถยนต์ขู่ แต่ทั้ง 2 ยังไม่ยอมหยุดและใช้มีดแทงหน้ารถ ตนจึงเร่งเครื่องเบียดรถจักรยานยนต์ เพื่อให้เขากลัว แต่ปรากฏว่า เขาได้ขับไล่ตามมาใช้ขวานฟันกระจกหลังรถและกระจกด้านข้าง ตนจึงได้เร่งเครื่องหนี เพราะคิดว่าไม่ปลอดภัยแล้ว แต่ขณะที่ขับรถไปโชคดีที่ข้างหน้ามีตำรวจจราจรขับรถอยู่ด้านหน้าไกลๆ เมื่อทั้ง 2 เห็นตำรวจจึงเลี้ยวรถกลับและหลบหนีไป
นายเดชณรงค์ กล่าวต่ออีกว่า ยอมรับว่าตอนนั้นรู้สึกกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะกลัวอันตรายจะเกิดขึ้นกับตัวเอง และเกรงว่าจะทำให้รถคันอื่นเกิดความไม่ปลอดภัยด้วย แต่ก็ยังยืนยันว่าที่ไม่ตัดสินขับรถชนผู้ก่อเหตุทั้ง 2 เพื่อป้องกันตัวเองนั้น เพราะว่าตนถูกสอนมาให้ช่วยคนจึงไม่ต้องการทำร้ายคู่กรณี ในส่วนรถอาสาของตนที่เสียหาย กระจกด้านหลังและด้านข้างแตกเสียหาย จำนวน 3 บาน หลังเกิดเหตุตนก็ได้ไปเปลี่ยนเรียบร้อยแล้วซึ่งความเสียหายครั้งนี้ประมาณ 5 หมื่นบาท
อย่างไรก็ตาม นายเดชณรงค์ ได้กล่าวขอบคุณ พ.ต.อ.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจทีมงานชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วิชิต ที่ร่วมกันทำงานสามารถจับกุมผู้ก่อเหตุได้อย่างรวดเร็ว และอยากฝากเตือนผู้ขับขี่รถบนท้องถนนทุกท่านในการที่บีบแตรไม่ใช่เป็นการด่า แค่เป็นการเตือนสติในการขับรถ และการขับรถขอให้ใช้สติ