xs
xsm
sm
md
lg

ไต๋เรือประมงร้องถูกศูนย์ PIPO ปรับหนึ่งแสน ข้อหาไม่แจ้งนำเรือเข้าฝั่ง อ้างระบบล่ม แจ้งทางไลน์แล้ว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


พังงา - ไต๋เรือประมงพาณิชย์ร้องเดือดร้อนหนัก ต้องหาเงินแสนจ่ายค่าปรับ หลังถูกข้อหาของศูนย์ PIPO ไม่แจ้งเข้าเทียบท่าเรือ หลบมรสุม เผยแจ้งแล้วแต่ระบบผิดพลาด มีหลักฐานเจ้าหน้าที่ตอบรับทางไลน์

วันนี้ (23 พ.ค.) ที่บริเวณท่าเทียบเรือประมงพาณิชย์ (แพปลา) ป.ดวงทวีพร หมู่ 5 ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา นายศุภศิลป์ อร่ามเนตร อายุ 29 ปี ไต๋เรือ ป.ดวงทวีพร 111 เข้าแจ้งความเดือดร้อนต่อผู้สื่อข่าว ว่า ตนออกเรือหาสัตว์น้ำ ตั้งแต่วันที่ 10 พ.ค.62 ที่ผ่านมา ซึ่งได้แจ้งเจ้าหน้าที่ศูนย์รับแจ้งเข้าออกเรือจังหวัดพังงา หรือศูนย์ PIPO ตามข้อบังคับของทางศูนย์ฯ ปกติ จนกระทั่งเจอมรสุม ประกอบกับไม่สามารถจับสัตว์น้ำได้ จึงได้แจ้งขอเข้าฝั่งเพื่อเทียบท่าเรือตามระเบียบปฏิบัติของทางศูนย์ฯ ช่วงประมาณ 03.00 น. ของวันที่ 12 พ.ค.62 ทาง E-PIPO หรือทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นระบบที่ใช้อินเทอร์เน็ตแจ้งสำหรับเรือประมงพาณิชย์ที่ต้องแจ้งเข้าท่าเทียบเรือ หรือออกจากท่าเทียบเรือ พบว่าระบบดังกล่าวไม่สามารถแจ้งได้ การแจ้งถูกระบบยกเลิกไม่สามารถเข้าระบบได้ จึงได้แจ้งทางโปรแกรมไลน์กลุ่มประมง ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ศูนย์ PIPO อยู่ในกลุ่มไลน์ด้วย เนื่องจากที่ผ่านมา จะแจ้งเข้าหรือออกท่าเทียบเรือต้องแจ้งทั้งระบบ E-PIPO และแจ้งทางโปรแกรมไลน์กลุ่มประมงดังกล่าว จากนั้นมีไลน์ของทางเจ้าหน้าที่แจ้งมาว่า สามารถขึ้นสัตว์น้ำได้ จึงได้เข้าเทียบท่าเรือ ป.ดวงทวีพร ตามปกติ ในเวลาประมาณ 05.30 น.ของวันเดียวกัน (12 พ.ค.)

ต่อมา ในวันที่ 14 พ.ค.62 เจ้าหน้าที่จากศูนย์ PIPO พังงา ได้นำหนังสือบันทึกข้อกล่าวหา โดยตั้งข้อกล่าวหาว่า ไม่ได้แจ้งนำเข้าเรือประมงพาณิชย์ ทำให้ผิดกฎหมาย มีโทษปรับ จำนวน 100,000 บาท ขณะที่ตนพยายามบอกเจ้าหน้าที่ว่าแจ้งทางระบบ E-PIPO แล้ว แต่ไม่สามารถเข้าระบบได้ จึงได้แจ้งเข้าโปรแกรมแอปพลิเคชันไลน์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งตอบกลับเจ้าของเรือ ป.ดวงทวีพร 111 ว่า “เรือถึงฝั่งสามารถขึ้นสัตว์น้ำได้ตามเวลาที่แจ้งเข้าเลยครับ” ตนเองจึงได้เทียบเรือเข้าท่าเรือ ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ฟังอ้างว่าตามกฎหมายต้องแจ้งทาง E-PIPO เท่านั้น พร้อมนำอุปกรณ์เข้าล็อกเรือไม่อนุญาตให้ออกเรือหาสัตว์น้ำจนกว่าจะจ่ายค่าปรับ จำนวน 100,000 บาท ทำให้ตนต้องหาเงินจ่ายค่าปรับ เพื่อประกอบอาชีพ

นายศุภศิลป์ กล่าวว่า ตนต้องการขอให้เจ้าหน้าที่คำนึงถึงสภาพความเป็นจริงในขณะนี้ ที่ต้องนำเรือเข้าเนื่องจากเจอมรสุม พยายามที่จะแจ้งตามระบบ E-PIPO แล้วแต่อินเทอร์เน็ตไม่เสถียร ไม่สามารถแจ้งได้ อีกทั้งตนเองแจ้งในแอปพลิเคชันไลน์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตอบรับให้สามารถเข้าเทียบท่าได้ตามเวลาที่ได้ในไลน์กลุ่ม แต่ยังถูกตั้งข้อหาและล็อกเรือซึ่งเป็นเครื่องมือในการประกอบอาชีพ ทำมาหากินกับทะเล จนยอมจ่ายค่าปรับ 100,000 บาท เพื่อต้องการออกเรือไปหาสัตว์น้ำ ประทังชีวิตครอบครัว ชีวิตลูกเรือ ซึ่งยังไม่แน่ใจว่าจะมีหนังสือยอมให้ออกจากท่าเรือเพื่อจับสัตว์น้ำอีกเมื่อไหร่

ด้าน น.ส.ธนาภรณ์ เกตุสอาด อายุ 28 ปี เสมียนท่าเทียบเรือ ป.ดวงทวีพร ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากไต๋เรือว่ามีลมพายุจำเป็นต้องเข้าเทียบท่าเรือในช่วงเวลา 03.00 น.วันที่ 10 พ.ค.62 ให้ทางสำนักงานท่าเทียบเรือ ป.ดวงทวีพร แจ้งเข้าเทียบท่าเรือให้ ซึ่งมีเรือแจ้งเข้ามาจำนวนหลายลำ รวมทั้งเรือใหญ่และเรือเล็กประมาณ 30 ลำ ทำให้ระบบที่แจ้งเข้าไปอาจจะเกิดผิดพลาดได้ ซึ่งต้องการให้ทราบว่า การกระทำผิดของชาวประมงค่าปรับไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท โดยตนเองมองว่าเป็นเงินจ่ายค่าปรับที่ไม่น้อย บางข้อหามากถึง 500,000 บาท ไม่มีข้อหาใดต่ำกว่า 100,000 บาท หากเป็นอาชีพอื่นที่ไม่ใช่ประมงจะหาเงินมาอย่างไร
 
ที่ผ่านมา ทางชาวประมงยินยอมจ่ายค่าปรับทุกครั้ง แต่ต้องการให้ภาครัฐหาแนวทาง วิธีการ จ่ายค่าปรับในการกระทำผิดลดลงบ้าง ขอให้คำนึงถึงวิถีชาวประมงบ้างไม่ว่าจะเป็นประมงพาณิชย์ หรือประมงพื้นบ้าน ค่าปรับควรที่จะสมเหตุสมผลมากกว่านี้ ทั้งที่ไม่ได้มีเจตนาจะไม่แจ้งหรือกระทำผิดกฎหมาย สำคัญคือหลบลมมรสุมเข้ามา ไม่มีสัตว์น้ำ นำพาลูกเรือกว่า 20 ชีวิตเข้ามาเพื่อให้ปลอดภัย ซึ่งได้แจ้งทางไลน์แล้ว ขณะที่ระบบ E-PIPO อาจจะผิดพลาดจากคลื่นลม มรสุม ทำให้สัญญาณหลุด หรือผิดพลาดได้บ้าง เนื่องจากระบบใช้สัญญาณอินเทอร์เน็ตทำให้สัญญาณหรือระบบล่มได้ ทางประมงได้คุยกับหน่วยงานแล้วแต่ไม่มีคำตอบหรือการแก้ปัญหาให้ทางกลุ่มประมงแต่อย่างใด เนื่องจากสุดท้ายเจ้าหน้าที่เป็นผู้รับคำสั่งมาจากเบื้องบนไม่คิดรับฟังปัญหาหรือคำแนะนำจากกลุ่มประมง

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังศูนย์ควบคุมการแจ้งเข้าออกเรือประมงพังงา บ้านทับละมุ ต.ลำแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา พบเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ปฏิเสธให้สัมภาษณ์พร้อมแจ้งว่า หัวหน้าศูนย์ฯ ไม่อยู่ ส่วนการให้สัมภาษณ์ไม่สามารถกระทำได้เนื่องจากมีคำสั่งจาก ศร.ชล.เขต 3 ระบุห้ามให้ข่าวใดๆ ต่อสื่อมวลชน ทางผู้สื่อข่าวพยายามชี้แจงให้เจ้าหน้าที่รับทราบว่าต้องการให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย ขอให้ชี้แจงข้อสงสัย ระเบียบในการปฏิบัติ เพื่อความเข้าใจของทุกฝ่าย แต่ทางเจ้าหน้าที่ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ใดๆขอให้ทางสื่อมวลชนทำหนังสือร้องขอต่อ ศร.ชล.เขต 3 เท่านั้น


กำลังโหลดความคิดเห็น