โดย...ศูนย์ข่าวภาคใต้
.
เหมือน “ระเบิดลูกโต” ที่คนในสังคมบ่มเก็บจนอัดอั้นมานานนม พอมีคนมาช่วยปลดสลักแรงๆ ความสั่นสะเทือนจึงปรากฏขึ้นมากมายและขยายจากลูกแล้วลูกเล่ามาต่อเนื่อง
.
นั่นคือกรณีคลิป “ผมเพื่อนโชค” ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช อัดไว้ขณะปฏิบัติงานบริเวณด่านตรวจเมื่อวันที่ 2 พ.ค.2562 จากนั้นผ่านไปประมาณ 1 สัปดาห์กลับกลายเป็น “คลิปหลุด” ถูกเผยแพร่ไปในโลกสื่อสังคมออนไลน์อย่างกว้างขวาง แล้วได้สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอย่างหนักหน่วง
.
เป็นคลิปเรื่องราวที่ตำรวจชั้นผู้น้อยประจำด่านขอดูใบอนุญาตขับขี่รถยนต์จาก “นายไกรรัตน์ วีรพัฒนาสุวรรณ” แต่ปรากฏว่านอกจากจะไม่ยอมควักให้แล้ว ยังกลับพูดจากับตำรวจชั้นผู้น้อยนั้นกลับไปว่า ตนเองมีตำแหน่งเป็นถึง “อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8” พร้อมๆ กับหลุดประโยคสำคัญอันเป็นไฮไลต์ของเรื่องราวว่า
.
ตนเองเป็น “เพื่อนกับผู้กำกับฯ โชคคนที่ย้ายมาใหม่”!
.
.
พร้อมท้าทายว่า ให้โทรศัพท์ไปหาผู้กำกับฯ เลย ยังอยากจะค้นไหม ก่อนที่ตำรวจจะตอบไปว่า ขอดูใบขับขี่ ไม่ได้อยากจะค้นรถ ทั้งนี้ก่อนจะขับรถยนต์ออกไป ยังได้ถามชื่อตำรวจทั้ง 2 นายที่ขอดูใบขับขี่ด้วย
.
หลังคลิปนี้ว่อนไปทั่วโลกโซเชียลมีเดียเมื่อราววันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมา ชาวเน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างชนิดที่เรียกว่าไม่ค่อยบันยะบันยังสักเท่าไหร่ โดยเฉพาะเป็นไปในทำนองว่า ทุกคนควรมีความเท่าเทียมกันในทางกฎมาย ไม่ควรมีใครมีอภิสิทธิ์เหนือใคร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่มีตำแหน่งเป็นถึง “ผู้พิพากษา” ยิ่งจะต้องเคารพกฎหมายมากกว่า
.
บ้างก็ว่าต่อไปนี้คนทั้งสังคมไม่ต้องพกใบขับขี่แล้ว ให้บอกไปเลยว่าขนาดอธิบดีผู้พิพากษายังไม่ต้องหยิบใบขับขี่ให้ตำรวจดู ประชาชนก็ไม่ต้องให้ดูได้บ้างเช่านกัน และก็มีที่เอาไปล้อเลียน เอาไปเขียนเป็นการ์ตูน หรือกระทั่งทำสติกเกอร์ติดรถ “ผมเพื่อนโชค” จนเกิดการแซวกันว่าติดแล้วแคล้วคลาดจากด่านตรวจแน่นอน
.
.
หลังคลิปฉาวปรากฎต่อสาธารณชน กลับเกิดปรากฏการณ์ที่เหมือนมีคนเอาน้ำมันไปราดรดลงบนกองเพลิงต่อเนื่องตามมา เนื่องจาก “พ.ต.อ.โชคดี รักษ์วัฒพงษ์” ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ ได้สั่งย้ายตำรวจชั้นผู้น้อยที่เป็นลูกน้องทั้ง 2 นายพ้นจากการทำหน้าที่จราจร พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อเชิงตำหนิและต่อว่าที่ทำให้เรื่องราวเกิดขึ้น
.
“ตำรวจจราจรมีการตั้งด่าน ปรากฏว่าท่านมากับเพื่อนท่านหลังไปกินข้าว บ้านท่านก็ใกล้เคียงกับที่มีการตั้งด่าน ท่านไม่ได้พกกระเป๋าสตางค์มา มีแต่เพื่อนท่านพกมา เพราะเป็นการกินข้าวใกล้บ้าน”
.
.
จากนั้นก็ยังมีหนังสือจาก พ.ต.อ.โชคดีรายงานต่อผู้อำนวยการศูนย์โซเชียลมีเดีย ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) เนื้อหาตอนหนึ่งระบุว่า
.
“ได้เรียกเจ้าหน้าที่จราจรมาทำความเข้าใจในการปฏิบัติหน้าที่ โดยให้ใช้หลักรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ควบคู่กันไป ตลอดจนให้มีปฏิภาณไหวพริบในการตรวจค้นบุคคลและยานพาหนะ อย่าให้เกิดความเสียหายต่อราชการและหน่วยงาน...”
.
“ต่อมาเมื่อวันที่ 7 พ.ค. ผกก.ได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นายไปขอพบเพื่อปรับความเข้าใจในการปฏิบัติหน้าที่ และท่านก็เข้าใจไม่ติดใจอะไร”
.
จากคำชี้แจงดังกล่าวนับว่ายิ่งทำให้กระแสความไม่พอใจของสังคมรุนแรงมากขึ้น!
.
.
จากนั้นกระแสเริ่มหันไปหา พ.ต.อ.โชคดีมากขึ้น หลายคนให้ความเห็นแทบจะเป็นเสียงเดียวกันว่า ลูกน้องทำในเรื่องที่ถูกต้องเหมาะสม แทนที่จะปกป้องลูกน้อง แต่กลับสั่งย้าย นอกจากต่อว่าเรื่องการทำหน้าที่แล้ว ยังถึงขั้นยังพาตำรวจชั้นผู้น้อยทั้ง 2 นายไปขอโทษ “ท่าน” อีกด้วย
.
ณ เวลานี้แม้ว่าเรื่องจะผ่านมาหลายวันแล้ว แต่ชาวเน็ตในโลกโซเชียลมีเดียยังคงไม่ลืม ต่างจากหลายเรื่องที่มักจะดังขึ้นมาแล้วก็ดับไปภายใน 1-2 วัน อันเป็นไปตามกระแสสังคมในโลกปัจจุบันที่เรื่องจะเข้ามาเร็ว แล้วก็ออกไปจากกระแสเร็วมาก
.
.
โดยชาวเน็ตยังคงมีการเกาะติดกันชนิดกัดไม่ปล่อย ช่วยกันเจาะข้อมูลแม้แต่ที่เคยโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวที่ดูได้แต่เพื่อนของ พ.ต.อ.โชคดีเท่านั้นที่จะเข้าไปดูได้ ทั้งคัดลอกข้อความและบันทึกภาพหน้าจอออกมาเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ชี้ให้เห็นว่า “เพื่อนโชค” บางคนก็ไม่น่าจะเห็นด้วยกับการกระทำของนายไกรรัตน์และ พ.ต.อ.โชคดี ถึงขั้น “หักเพื่อน” เอาข้อความในที่ลับ ออกมาแฉในที่แจ้ง
.
ข้อความดังกล่าวระบุเกี่ยวกับสาเหตุที่ต้องจัดการเรื่องคลิปชายที่อ้างตัวเป็นผู้พิพากษาไม่ยอมให้ดูใบขับขี่ว่า เพราะไม่ต้องการให้เขามาฟ้องร้องตำรวจของตัวเองในภายหลัง โดยเฉพาะผู้ที่ถูกตรวจค้นเป็นนักกฎหมาย แม้ว่า พ.ร.บ.รถยนต์ มาตรา 42 บัญญัติไว้ว่า “ผู้ขับรถต้องมีใบอนุญาตขับรถในขณะขับ เพื่อแสดงต่อเจ้าพนักงานได้ทันที” แต่นั่นมิได้หมายความว่าให้อำนาจเจ้าพนักงานมีอำนาจเรียกตรวจสอบได้ทุกกรณี เจ้าหน้าที่จะเรียกตรวจสอบได้เฉพาะมีเหตุสงสัยเท่านั้น ตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้
.
การใช้อำนาจเกินเลยของเจ้าพนักงานย่อมถูกปฏิเสธได้เทียบตามนับฎีกาที่ 8722/2555 เมื่อไม่มีเหตุอันควรสงสัยตามกฎหมายที่จะทำการตรวจค้นได้การตรวจค้น จึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำเลยที่ถูกกระทำโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายจึงมีสิทธิโต้แย้งและตอบโต้ เพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง ตลอดจนเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งใดๆ อันเนื่องมาจากการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบดังกล่าวได้
.
ผู้ใช้เฟซบุ๊กจำนวนมากอ่านแล้ว ก็เข้ามาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมาย หลายคนไม่เห็นด้วย แถมยังโพสต์สอนกฎหมายให้ผู้กำกับว่า “เป็นถึง ผกก. แต่ยกฎีกามาเทียบกับข้อเท็จจริงผิด ไปเอาฎีกาเรื่องอำนาจค้น มาเทียบกับอำนาจขอตรวจใบขับขี่ แถมยังอ้างรัฐธรรมนูญในส่วนที่รับรองสิทธิขั้นพื้นฐานของบุคคลที่จะไม่โดนใช้อำนาจเกินเลย ซึ่งจะกระทบต่อสิทธิขั้นพื้นฐานนั้น มาใช้กับการที่บุคคลต้องมีหน้าที่แสดงใบขับขี่ตามกฎหมาย สิทธิก็ส่วนสิทธิ หน้าที่ก็ส่วนหน้าที่ แยกออกจากกันก่อน”
.
หลังจากโพสต์ข้อความนี้ได้ไม่นาน ผกก.โชคก็ลบทิ้ง แล้วยังไล่ปิดสื่อโซเชียลของตนเองทั้งหมด ทั้งเฟซบุ๊ก และแฟนเพจ
.
.
จนในที่สุด “หน่วยเหนือ” ทั้งฝ่ายตุลาการและตำรวจต่างก็ต้องตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบข้อเท็จจริง ทั้งจาก พล.ต.ต.ฐากูร เนตรพุกกณะ ผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ที่ตั้งกรรมการสอบ พ.ต.อ.โชคดี และคณะกรรมการตุลาการศาลยุติธรรม (ก.ต.) ที่ตั้งกรรมการสอบนายไกรรัตน์
.
หลายคนอาจจะมองว่าเป็นการซื้อเวลา เพื่อให้กระแสสังคมลดความรุนแรงลง แต่เรื่องนี้อาจจะไม่จบง่ายๆ อย่างนั้น!
.
เนื่องเพราะหลายปีที่ผ่านมา หลายเรื่องในกระบวนการยุติธรรม ทั้งจากต้นน้ำคือ “ตำรวจ” ไล่เรื่อยไปจนถึงปลายน้ำที่ “ผู้พิพากษา” ถูกสังคมตั้งคำถามมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนเท่าครั้งนี้ ทำให้ที่ผ่านมาคนส่วนใหญ่เลือกที่จะเก็บเนื้อเก็บตัวเอาไว้ เพราะอย่างน้อยๆ ก็ไม่มีใครอยากมีคดีความกับคนที่อยู่ในแวดวงกฎหมาย
.
.
จนมาถึงคลิปฉาว “เพื่อนโชค” นี่แหละ!
.
ชัดเจนมากว่าคนที่เป็นผู้พิพากษาปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้น้อย ในกรณีที่มองว่าเป็นกรณีขั้นพื้นฐานมากๆ ที่คนไทยพึงกระทำ นั่นคือ เมื่อคุณขับรถ คุณก็ต้องมีใบอนุญาตขับขี่ติดตัว
.
ไม่มีทางเลยที่ประชาชนคนทั่วไปจะไปบอกตำรวจจราจรว่า ฉันเป็นประชาชน ฉันไม่ให้ดูใบขับขี่ได้ไหม หรือจะขอดูอะไรอีก!
.
แล้ว “ผู้กำกับฯโชค” คนที่ถูกอ้างชื่อแทนที่จะปกป้องผู้ใต้บังคับบัญชาที่ทำตามหน้าที่ถูกต้อง กลับสั่งย้ายพ้นการทำหน้าที่เดิม แถมถูกนำตัวไปขอโทษบุคคลที่ไม่ขับรถโดยไม่พกใบขับขี่ อีกทั้งยังไปหาข้อกฎหมายมาช่วยแก้ตัวให้อีก
.
คนจำนวนมากมายในสังคมที่เคยอึดอัดขัดข้องหมองขุนกับเรื่องราวต่างๆ ที่ไม่เป็นธรรมหรือไม่ถูกต้องในสังคม หลายคนถึงขั้นสะสมจนกลายเป็นระเบิดเวลาบ่มเพาะไว้ในจิตใจ เมื่อได้เห็นได้ชม “คลิปเพื่อนโชค” ก็ไม่รีรอที่จะออกมาแสดงความเห็น อันเป็นเหมือนได้ถอดสลักจุดชนวนระเบิดที่อัดอั้นอยู่ในใจพวกเขาออกมา
.
ไม่เพียงเท่านั้น ยิ่งเมื่อไม่นานมานี้มี “คลิปฉาวทนายไม่ยอมเป่า” ปรากฏต่อชาวเน็ตตามมาในลักษณะคล้อยๆ กัน ไฟกองในใจผู้คนในสังคมกองใหญ่กองนี้มีแต่ยิ่งจะโหมแรงหนักขึ้นเข้าไปอีก
.
แรงจนดูเหมือนว่า ใครคิดจะให้จบง่ายๆ คงเป็นไปได้ยากแน่ๆ
.