สุราษฎร์ธานี - เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งสุราษฎร์ธานีดิ้นหนีตาย หลังเจอภาวะราคาตกต่ำ อากาศร้อนกระทบการเลี้ยง ต้องรีบจับขาย ด้านสหกรณ์ลุ่มน้ำท่าทอง เตรียมจัดงานวิชาการให้ความรู้นำไปปรับปรุงลดต้นทุน
วันนี้ (23 เม.ย.) เมื่อเวลา 16.00 น.ที่ห้องประชุมมรกต โรงแรมไดมอนด์ พลาซ่า สุราษฎร์ธานี นายโกศล หนูกลิ่น ประธานสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำท่าทอง จำกัด พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารฯ ได้แถลงข่าวเตรียมจัดงานสัมมนาเชิงวิชาการ ครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 10-11 พฤษภาคม 2562 ณ โรงแรมไดมอนด์ พลาซ่า ภายใต้หัวข้อ ร่วมคิด ร่วมทำ ตอกย้ำความสำเร็จ Version 2
โดยเชิญนักวิชาการที่ชำนาญด้านการเพาะเลี้ยงกุ้งชั้นนำทั่วประเทศ จากภาควิชาการ ภาครัฐ และภาคเอกชน มาให้ความรู้เสริมสร้างศักยภาพแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในพื้นที่ภาคใต้ หลังประสบปัญหาราคากุ้งตกต่ำอย่างต่อเนื่อง และปัญหาสภาพอากาศร้อนจัดอุณหภูมิน้ำเปลี่ยนแปลงส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงกุ้ง
นายโกศล หนูกลิ่น ประธานสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำท่าทอง จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์ราคา “กุ้งขาวแวนนาไม” ทั่วโลก รวมทั้งไทยได้ปรับลดลงอย่างรวดเร็ว จนส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ที่จับกุ้งในช่วงนี้ ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงที่ผลผลิตกุ้งออกมาพร้อมกันทำให้เกิดภาวะราคากุ้งตกต่ำที่มาเร็วกว่าทุกปี ราคาในตลาดโลกที่ลดลงอย่างต่อเนื่องนั้น มาจากปัจจัยปริมาณผลผลิตกุ้งที่เพิ่มขึ้นจากหลายประเทศ โดยเฉพาะอินเดีย เอกวาดอร์ และเวียดนาม ทำให้ปริมาณการผลิตในตลาดโลกมีจำนวนเพิ่มขึ้น จนส่งผลกระทบต่อราคากุ้งขาวแวนนาไมที่ลดลงในตลาดหลักๆ อย่างอเมริกา
สำหรับราคากุ้งในประเทศไทยที่ตกต่ำในช่วงนี้ถือว่าเกิดขึ้นเร็วกว่าทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งราคากุ้งวันนี้จะอยู่ที่ 40 ตัว/กก.ละ 180 บาท 50 ตัว/กก.ละ 160 บาท 60 ตัว/กก.ละ 140 บาท 70 ตัว/กก.ละ 130 บาท 80 ตัว/กก.ละ 120 บาท 90 ตัว/กก.ละ 105 บาท 100 ตัว/กก.ละ 95 บาท 110 ตัว/กก.ละ 85 บาท 120 ตัว/กก.ละ 75 บาท ราคาที่เกษตรกรจะอยู่ได้และคุ้มทุนควรจะอยู่ที่ 60 ตัว ถึง 120 ตัวต่อกิโลกรัม ควรจะบวกเพิ่มประมาณ 20 บาทต่อกิโลกรัม
ซึ่งราคาดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตกุ้งที่กำลังจะออกมาในช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี จึงทำให้ผู้เลี้ยงกุ้งบางรายตัดสินใจชะลอการเลี้ยงออกไป เพราะไม่อยากเสี่ยงกับความผันผวนของราคา และเป็นเหตุทำให้ปริมาณการผลิตกุ้งไทยปีนี้อาจจะไม่เป็นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ประมาณ 3.1 แสนตัน
ดังนั้น สหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำท่าทอง จำกัด จึงมีแนวทางบรรเทาความเดือดร้อน โดยแนะนำให้เกษตรกรลดต้นทุนการผลิต ทั้งปัจจัยการผลิต อาหารกุ้ง และพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นต้นทุนการเลี้ยงที่สำคัญ และขอให้วางแผนในการผลิตกุ้งขนาดใหญ่มากขึ้น เพราะได้ราคาดีและมีตลาดรองรับ เนื่องจากกุ้งขนาดใหญ่เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ และน่าจะช่วยให้ผู้เลี้ยงกุ้งมีกำลังใจกล้าลงทุน และสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงกุ้งต่อไปได้
วันนี้ (23 เม.ย.) เมื่อเวลา 16.00 น.ที่ห้องประชุมมรกต โรงแรมไดมอนด์ พลาซ่า สุราษฎร์ธานี นายโกศล หนูกลิ่น ประธานสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำท่าทอง จำกัด พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารฯ ได้แถลงข่าวเตรียมจัดงานสัมมนาเชิงวิชาการ ครั้งที่ 7 ระหว่างวันที่ 10-11 พฤษภาคม 2562 ณ โรงแรมไดมอนด์ พลาซ่า ภายใต้หัวข้อ ร่วมคิด ร่วมทำ ตอกย้ำความสำเร็จ Version 2
โดยเชิญนักวิชาการที่ชำนาญด้านการเพาะเลี้ยงกุ้งชั้นนำทั่วประเทศ จากภาควิชาการ ภาครัฐ และภาคเอกชน มาให้ความรู้เสริมสร้างศักยภาพแก่เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในพื้นที่ภาคใต้ หลังประสบปัญหาราคากุ้งตกต่ำอย่างต่อเนื่อง และปัญหาสภาพอากาศร้อนจัดอุณหภูมิน้ำเปลี่ยนแปลงส่งผลกระทบต่อการเลี้ยงกุ้ง
นายโกศล หนูกลิ่น ประธานสหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำท่าทอง จำกัด กล่าวว่า สถานการณ์ราคา “กุ้งขาวแวนนาไม” ทั่วโลก รวมทั้งไทยได้ปรับลดลงอย่างรวดเร็ว จนส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ที่จับกุ้งในช่วงนี้ ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงที่ผลผลิตกุ้งออกมาพร้อมกันทำให้เกิดภาวะราคากุ้งตกต่ำที่มาเร็วกว่าทุกปี ราคาในตลาดโลกที่ลดลงอย่างต่อเนื่องนั้น มาจากปัจจัยปริมาณผลผลิตกุ้งที่เพิ่มขึ้นจากหลายประเทศ โดยเฉพาะอินเดีย เอกวาดอร์ และเวียดนาม ทำให้ปริมาณการผลิตในตลาดโลกมีจำนวนเพิ่มขึ้น จนส่งผลกระทบต่อราคากุ้งขาวแวนนาไมที่ลดลงในตลาดหลักๆ อย่างอเมริกา
สำหรับราคากุ้งในประเทศไทยที่ตกต่ำในช่วงนี้ถือว่าเกิดขึ้นเร็วกว่าทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งราคากุ้งวันนี้จะอยู่ที่ 40 ตัว/กก.ละ 180 บาท 50 ตัว/กก.ละ 160 บาท 60 ตัว/กก.ละ 140 บาท 70 ตัว/กก.ละ 130 บาท 80 ตัว/กก.ละ 120 บาท 90 ตัว/กก.ละ 105 บาท 100 ตัว/กก.ละ 95 บาท 110 ตัว/กก.ละ 85 บาท 120 ตัว/กก.ละ 75 บาท ราคาที่เกษตรกรจะอยู่ได้และคุ้มทุนควรจะอยู่ที่ 60 ตัว ถึง 120 ตัวต่อกิโลกรัม ควรจะบวกเพิ่มประมาณ 20 บาทต่อกิโลกรัม
ซึ่งราคาดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตกุ้งที่กำลังจะออกมาในช่วงเดือนพฤษภาคมของทุกปี จึงทำให้ผู้เลี้ยงกุ้งบางรายตัดสินใจชะลอการเลี้ยงออกไป เพราะไม่อยากเสี่ยงกับความผันผวนของราคา และเป็นเหตุทำให้ปริมาณการผลิตกุ้งไทยปีนี้อาจจะไม่เป็นตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ประมาณ 3.1 แสนตัน
ดังนั้น สหกรณ์ผู้เลี้ยงกุ้งลุ่มน้ำท่าทอง จำกัด จึงมีแนวทางบรรเทาความเดือดร้อน โดยแนะนำให้เกษตรกรลดต้นทุนการผลิต ทั้งปัจจัยการผลิต อาหารกุ้ง และพลังงานไฟฟ้า ซึ่งเป็นต้นทุนการเลี้ยงที่สำคัญ และขอให้วางแผนในการผลิตกุ้งขนาดใหญ่มากขึ้น เพราะได้ราคาดีและมีตลาดรองรับ เนื่องจากกุ้งขนาดใหญ่เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ และน่าจะช่วยให้ผู้เลี้ยงกุ้งมีกำลังใจกล้าลงทุน และสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงกุ้งต่อไปได้