xs
xsm
sm
md
lg

แม้‘บิ๊กป้อม’ประสานเสียง‘บิ๊กปู’โวไว้เยอะ! ยากลบปมบึ้มป่วนสตูล-พัทลุงโยงการเมือง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

 
รายงานโดย... ศูนย์ข่าวหาดใหญ่
 

 
หากมองย้อนเหตุการณ์ “บึ้มป่วนเมืองเย้ยอำนาจรัฐ” เมื่อค่ำคืนวันที่ 9 มี.ค.ต่อเนื่องถึงตลอดวันของวันที่ 10 มี.ค.2562 ที่ผ่านมา จากกรณีกลุ่มคนร้ายใช้จักรยานยนต์ตระเวนลอบวางระเบิดแสวงเครื่องในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างต่อเนื่องถึงภาคใต้ตอนกลางคือ จ.สตูล และ จ.พัทลุง ซึ่งทั้ง 2 จังหวัดถือว่าเป็นปฏิบัติการนอกเขต “แผ่นดินไฟใต้” ที่ถูกกำลังขึ้นจากฝ่ายความมั่นคงให้ประกอบด้วย จ.ปัตตานี จ.ยะลา จ.นราธิวาส กับ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ได้แก่ อ.จะนะ อ.เทพา อ.นาทวี และ อ.สะบ้าย้อย
 
ทั้งนี้ในพื้นที่ จ.สตูล มีเหตุระเบิดเกิดขึ้นที่หน้ากองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสตูล(บก.ภ.จ.สตูล) ลานจอดรถของกลาง สภ.เมืองสตูล ร้านค้าและร้านขายของชำ รวมแล้ว 6 ลูก แถมยังมีท่อพีวีซีเปล่าที่ใช้หลอกเจ้าหน้าที่ว่าเป็นระเบิดอีก 1 ท่อน ส่วนที่ จ.พัทลุง มีเหตุเกิดขึ้นใน 2 อำเภอคือ อ.ปากพะยูน และ อ.เมืองพัทลุง รวม 11 ลูก อย่างไรก็ดีเหตุบิ้มทั้ง 2 จังหวัดไม่มีทั้งผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด

เมื่อเวลาล่วงเลยมารวมแล้วกว่า 1 เดือน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลับแทบไม่มีอะไรคืบหน้า เวลานี้ก็ยังไม่สามารถออกหมายจับใครได้เลยแม้แต่คนเดียว โดยเฉพาะในทางคดีที่ผู้มีอำนาจเคยประกาศไว้หลังเกิดเหตุแบบย้ำนักย้ำหนาว่าจะต้อง “จับมือคนร้ายมาดม” ให้ได้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้สังคม
 
ณ เวลานี้จึงมีคำถามเกิดขึ้นหนาหูว่า ตกลงแล้วเป็น “ฝีมือใคร” หรือ “กลุ่มใด” และเกี่ยวข้องกับ “ขบวนการแบ่งแยกดินแดน” แห่งแผ่นดินจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ อย่างไร?

เมื่อมองแบบผิวเผินในช่วงหลังเกิดเหตุใหม่ๆ หลายคนคงคิดไปในทางเดียวกันคือ เป็นเรื่อง “การเมือง” ที่ต้องเชื่อมโยงกับ “การเลือกตั้ง” เป็นแน่ เนื่องเพราะเกิดเหตุในช่วงก่อนวันกำหนดหย่อนบัตรเลือกตั้ง ส.ส.อาทิตย์ที่ 24 มี.ค.2562 เพียงไม่กี่วัน อีกทั้งพื้นที่ของทั้ง 2 จังหวัดดังกล่าวก็ถือเป็นเขตทำศึกแบบ “ช้างชนช้าง” ที่มีการขับเขี้ยวกันอย่างดุเดือดของพรรคการเมืองใหญ่อย่าง ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย และ พลังประชารัฐ 
 
ถึงกระนั้นควันระเบิดยังไม่จางหาย 11 มี.ค.2562 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เดินทางลงพื้นที่เกิดเหตุทั้ง 2 จังหวัด พร้อมกับระบุว่า จากการข่าวของเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองและของกองทัพภาคที่ 4 ชี้ชัดว่า เป็น “ฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้”แม้แต่รถจักรยานยนต์ที่นำมาใช้ระเบิดที่ สภ.เมืองสตูล ก็นำมาจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพียงแต่ยังยืนยันเต็มที่ไม่ได้ ต้องรอการสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน

“เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รถจักรยานยนต์ที่ใช้ก่อเหตุก็มาจากจังหวัดชายแดนใต้ ที่เขาขึ้นมาก่อเหตุที่ จ.พัทลุง และ จ.สตูล เพราะเขาไม่สามารถก่อเหตุในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ อย่างไรก็ตามคิดว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง” พล.อ.ประวิตรกล่าว
 
คำพูดจากเรียวปาก “บิ๊กป้อม” แม้จะพยายามปัดเป่าเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองทิ้งไป แต่ในใจของคนจำนวนมากก็ยังยากที่จะเลิกคิดว่า เป็นผลมาจาก 2 ประเด็นหลักที่พอจะเข้าข่ายได้คือ ไม่ “การเมือง” ก็ต้อง “ฝีมือโจรใต้”?

อีกไม่กี่วันต่อมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีเหตุระเบิดในพื้นที่ จ.สตูล และ จ.พัทลุง ไว้ว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดและพยานหลักฐาน คาดว่าเหตุการณ์ป่วนครั้งนี้เชื่อมโยงกับเหตุการณ์ลอบวางระเบิดรูปปั้น “นางเงือก” ที่แหลมสมิหลา อ.เมือง จ.สงขลา เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2561 ที่ผ่านมา เนื่องจากพบวัสดุอุปกรณ์ รวมถึงยานพาหนะที่กลุ่มคนร้ายใช้ก่อเหตุเป็นชนิดเดียวกัน
 
พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าวต่อว่า ส่วนกลุ่มคนร้ายจากการสืบสวนและการข่าวสันนิษฐานว่ามี 2 คน แต่ไม่เกิน 6 คน และเป็นกลุ่มที่มาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ใช่คนในพื้นที่ที่เกิดเหตุ ส่วนระเบิดมีการประกอบจากพื้นที่อื่นก่อนนำเข้าไปก่อเหตุ ลักษณะเหตุการณ์นอกจากเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดที่รูปปั้นนางเงือกแล้ว ยังคล้ายคลึงกับเหตุความไม่สงบอีกหลายเหตุการณ์ใน จ.นราธิวาส ทั้งยังย้ำว่า “ไม่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง ส.ส.” และตอบไม่ได้ว่าคนที่ก่อเหตุเป็นระดับปฏิบัติการหรือระดับสั่งการ
 
“ยังไม่มีการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยเข้าสู่กระบวนการซักถามตามที่เป็นกระแสข่าวก่อนหน้านั้น ส่วนการออกหมายจับต้องรอพยานหลักฐานให้รัดกุมกว่านี้ ยอมรับว่าเหตุระเบิดที่ จ.สตูล และ จ.พัทลุง การข่าวทราบล่วงหน้าประมาณ 1 สัปดาห์ และผมได้กำชับให้ฝ่ายปฏิบัติในพื้นที่คุมเข้มแล้ว แต่ก็ยังเกิดเหตุขึ้น ซึ่งไม่ได้รู้สึกเสียหน้าอะไร เพราะตำรวจทำเต็มที่แล้ว” พล.ต.อ.ศรีวราห์กล่าว

ในเมื่อทั้ง “บิ๊กป้อม” ผู้เป็นถึง รมว.กลาโหม และนายตำรวจเก้าอี้ใหญ่อย่าง “บิ๊กปู” รอง ผบ.ตร.ได้พูดค่อนไปในทางเดียวกันว่า จากหลักฐานและข่าวกรองความเคลื่อนไหว เชื่อว่าเป็น “ฝีมือกลุ่มก่อเหตุความไม่สงบชายแดนใต้” พร้อมกับปัดทิ้งเชื่อมโยง “การเมือง” อย่างไร้เยื่อใย

จากนั้นเมื่อวันที่ 12 มี.ค.2562 ตำรวจสตูลได้เปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิด ขณะ “บุคคลต้องสงสัย” ที่พบว่ามีไม่ต่ำกว่า 2 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์มุ่งหน้ามาจาก อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ในวันที่ 9 มี.ค.2562 และเชื่อว่าเข้าไปก่อเหตุระเบิดภายใน สภ.เมืองสตูล โดยเจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามตัว เร่งรวมรวบภาพจากกล้องวงจรปิดทุกตัวมาตรวจสอบ พร้อมกับสอบพยานแวดล้อมและพยานวัตถุ
 
เช่นกันหลังถัดจากผ่านเหตุการณ์มาได้ประมาณ 3-4 วัน ตำรวจชุดสืบ บก.ภ.จ.พัทลุง ได้เร่งเกาะรอยจากภาพกล้องวงจรปิดในพื้นที่ 3 อำเภอของ จ.สงขลา ซึ่งเป็นรอยต่อกับเขตของ จ.พัทลุง ในพื้นที่ อ.ปากพะยูน เพื่อนำมาเป็นพยานในการจับกุมคนร้าย โดยพบว่ากลุ่มคนร้ายเป็นชายวัยรุ่นอายุ 18-30 ปี มีด้วยกัน 6 คน ใช้รถจักยานยนต์สภาพเก่า เริ่มขับขี่มาตามถนนสายรองในพื้นที่ จ.สงขลา ก่อนจะเข้ามาในพื้นที่ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง และแวะพักโรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนออกปฏิบัติการวางระเบิดตามจุดต่างๆ ในพื้นที่ อ.ปากพะยูน และ อ.เมืองพัทลุง

นอกจากเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบกล้องวงจรปิดแล้ว ยังสอบพยานที่เห็นเหตุการณ์ไปกว่า 15 ปาก ทำให้ทราบว่ากลุ่มคนร้ายใช้ “ภาษายาวี” ในการ “สื่อสารกันเอง” และสื่อสารภาษา “ไทยกลาง” ในการทำทีเข้าไปซื้อสิ่งของตามร้านค้าต่างๆ ที่เป็นเป้าหมายลอบวางระเบิด พร้อมกับเตรียมรวบรวมหลักฐานและคาดว่าจะมีการออกหมายจับคนร้ายได้ไม่ต่ำกว่า 3-4 รายในจำนวนผู้ต้องสงสัยทั้งหมด 6 คน
 
อันเป็นหลักฐานที่ตรงกับทางด้านของ พล.ต.อ.ศรีวราห์ที่ได้กล่าวยืนยันขณะลงพื้นที่ จ.สตูล ว่าขณะนี้ทางสำนวนตำรวจ จ.สตูล และ จ.พัทลุง รู้ตัวบุคคลต้องสงสัยแล้ว พร้อมเตรียมรวบรวมพยานหลักฐานการขออำนาจศาลออกหมายจับ เพราะเป็นกลุ่มคนก่อเหตุที่เชื่อมโยงกัน โดยรูปแบบการสร้างสถานการณ์มีความคล้ายคลึงเหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้

เมื่อพิจารณาจากการดำเนินการตรวจสอบของทุกฝ่ายดังกล่าว โดยเฉพาะจากเรียวปากบางของทั้ง “บิ๊กป้อม”และ “บิ๊กปู” ต่างแสดงออกถึงการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายอย่างจริงจัง จนเกิดความมั่นใจว่า “เดินไปถูกทางแล้ว” แล้วทำไมเวลาผ่านเลยไปกว่า 1 เดือนยังคงไร้หมายจับใดๆ ปรากฏให้สังคมได้เห็น?!
 
อย่างนี้แล้วจะลบล้างความเชื่อของผู้คนในสังคมได้อย่างไรว่า ถ้าไม่ใช่เป็นวิกฤตเชื่อมโยงจาก “ไฟใต้” ที่กระจายออกนอกพื้นที่ เหตุบึ้มป่วนเมืองครั้งนี้ก็ต้องเป็นประเด็นความขัดแย้งและการแย่งชิงประโยชน์ทาง “การเมือง” อย่างแน่นอน?!
 
ถ้าเป็นประเด็นหลังนี่ก็ล่วงเลยวันเลือกตั้ง ส.ส.และพอจะทราบผลลัพธ์อย่างไม่เป็นทางการกันแล้วว่า พรรคไหนหรือใครได้เก้าอี้ ส.ส.ไปครอง ทำไมยังไม่มีความกระจ่างของเหตุบึ้มป่วนเมืองใน 2 จังหวัดให้สังคมรับรู้เล่า?!
 




กำลังโหลดความคิดเห็น