ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - แม่ค้าออนไลน์เศร้าถูกโจรโซเชียลแฮกเฟซบุ๊กหลอกเงินลูกค้า และยืมเงินคนสนิทได้ไปนับหมื่นบาท เดือนร้อนหนักเสียเครดิตกระทบต่ออาชีพขายของออนไลน์
วันนี้ (9 เม.ย.) กลุ่มมิจฉาชีพที่แฝงตัวมากับสังคมโซเชียลยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในธุรกิจขายของออนไลน์ ซึ่งมีการเข้าไปแฮกเฟซบุ๊กของคนอื่น หลอกขายสินค้าและยืมเงินคนรู้จัก
ล่าสุด แม่ค้าขายของออนไลน์ที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดนอีก 1 ราย โดยผู้เสียหายรายนี้ คือ น.ส.ลัดดาวัลย์ ขวัญจุ้ย อายุ 23 ปี หรือน้องนา ซึ่งขายของออนไลน์ประเภทเครื่องนึ่งขวดนม ที่ปั๊มนมและของใช้เด็กทุกอย่าง ซึ่งเป็นสินค้ามือสองที่บ้านพักในซอยควนสันติ 4 หมู่ 1 ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และยอมออกมาเปิดเผยเรื่องนี้เพื่อเป็นอุทาหรณ์ เพราะเดือดร้อนมากส่งผลกระทบต่ออาชีพ
โดยโจรออนไลน์แฮกเฟซบุ๊กซึ่งใช้ในการขายของออนไลน์ซึ่งมีชื่อเฟซบุ๊กว่า “น.ส.ลัดดาวัลย์ ขวัญจุ้ย” ทำให้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก ทั้งโดนลูกค้าโทร.มาด่าหาว่าโกงเพราะไม่ได้สินค้าตามที่สั่ง และทำให้เสียเครดิตในการขายสินค้าออนไลน์โดยเฉพาะลูกค้าหน้าใหม่
รวมทั้งยังถูกนำไปหลอกยืมเงินญาติและคนที่สนิทจนเดือดร้อนไปตามๆ กัน มีคนเชื่อโอนเงินไปแล้วกว่า 1 หมื่นบาท โดยใช้บัญชีปลอมชื่อ น.ส.เพชรรัตน์ดา เหลืองอร่าม ธนาคารกสิกรไทย หมายเลขบัญชี 0538088765 ในการโอนเงินซึ่งไม่ใช่บัญชีของตน
น.ส.ลัดดาวัลย์ กล่าวว่า เริ่มรู้ว่าเฟซบุ๊กที่ใช้ขายของออนไลน์ผิดปกติเมื่อมีคนโทร.มาต่อว่าหาว่าโกง รวมทั้งมีคนรู้จักโทร.มาสอบถามเรื่องขอยืมเงินตอนดึกว่าเดือดร้อนอะไร ที่ชัดเจนคือทักเฟซบุ๊กไปขอเลขบัญชีพี่ชายตนเพื่อใช้ในการโอนเงิน ซึ่งพี่ชายก็ให้ไปเพราะคิดว่าเป็นตนยืมบัญชีไปใช้ แล้วก็ให้พี่ชายโอนเงินต่อเข้าไปในบัญชี “น.ส.เพชรรัตน์ดา เหลืองอร่าม” ซึ่งพี่ชายก็โอนให้เพราะคิดว่าเป็นการโอนเงินเกี่ยวกับการขายของออนไลน์ รวมเบ็ดเสร็จมีการโอนเงิน 3 ครั้ง จำนวน 400 บาท 22,000 บาท และ 7,800 บาท
น.ส.ลัดดาวัลย์ เปิดเผยว่า เรื่องนี้ตนได้เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.หาดใหญ่ ไว้แล้ว เพื่อให้ตำรวจสืบสวนและตรวจสอบผู้ที่แฮกเฟซบุ๊กของตนเอง และพยายามโทร.ไปบอกและใช้เฟซบุ๊กสำรองของตนแจ้งไปยังลูกค้าและคนรู้จักว่า หากมีเฟซบุ๊กชื่อ “น.ส.ลัดดาวัลย์ ขวัญจุ้ย” ติดต่อไปก็อย่าหลงเชื่อหรือโอนเงินไปให้ เพราะเป็นเฟซบุ๊กที่ถูกกลุ่มมิจฉาชีพแฮกไป ส่วนเฟซจริงที่ใช้ขายของออนไลน์หรือติดต่อกับลูกค้าคือ “Laddawan Kwanjui”
