สตูล - สะเทือนขวัญ! คนร้ายขับกระบะถืออาวุธสงคราม ยิงถล่มร้านค้าโชวห่วยใน อ.ท่าแพ จ.สตูล ราว 20 นัด ปลอกกระสุนตกเกลื่อน จนท.รุดตรวจสอบ เผยหลักฐานจากกล้องวงจรปิด พบกลุ่มผู้ก่อเหตุนั่งท้ายกระบะกระหน่ำยิงก่อนฟ้าสาง
วันนี้ (30 มี.ค.) ที่สามแยกแป-ระเหนือ (ทางลัดไปบ้านผัง 1 ต.อุใดเจริญ อ.ควนกาหลง) หมู่ 1 บ้านแป-ระ อ.ท่าแพ จ.สตูล เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าแพ พร้อมชุดพิสูจน์หลักฐาน จ.สตูล เข้าตรวจสอบร่องรอยวิถีกระสุนปืนที่ตกเกลื่อนกลาดเต็มท้องถนนรวม 20 นัด โดยกั้นห้ามบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าใกล้จุดเกิดเหตุ ซึ่งรวมไปถึงร้านค้าตรงทางสามแยกดังกล่าว
ร.ต.อ.สมพงษ์ ดำจุติ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ท่าแพ จ.สตูล หลังรับแจ้งเหตุมีคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มใส่ร้านขายของชำเลขที่ 103,103/1 และ 103/3 ย่านถนนสายบ้านฉลุง-ละงู หมู่ 1 (บ้านควนเก) ต.แป-ระ อ.ท่าแพ จ.สตูล จึงรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูมิสิทธิ์ นาวัง ผกก.สภ.ท่าแพ นายยงยุทธ ถนอมศรีมงคล นายอำเภอท่าแพ รอง ผกก.สส.สภ.ท่าแพ พ.ต.ต.ประจวบ สุวรรณรัตน์ สว.สส.สภ.ท่าแพ ร.ต.อ.เกียรติศักดิ์ เผือกผ่อง รอง สว.สส.สภ.ท่าแพ และชุดสืบสวนรุดไปยังบ้านเกิดเหตุ
โดยพบว่าเป็นบ้าน 3 ห้อง ประกอบด้วย เลขที่ 103 เป็นร้านขายของชำ เลขที่ 1031 เปิดเป็นร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ และเลขที่ 103/3 เปิดเป็นร้านขายสินราคาถูก 20 บาท บริเวณหน้าร้านทั้งหมดดังกล่าว ทั้งหน้าร้าน ผนังร้านมีร่องรอยถูกกระสุนปืนอาวุธสงครามหลายสิบแห่ง และรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า ที่อยู่หน้าร้านถูกกระสุนกระจกข้างแตกกระจายกองบนพื้น
นอกจากนั้น ลูกกระสุนปืนยังวิ่งไปโดนฝาผนังบ้านเลขที่ 389 เป็นบ้านของ ด.ต.สมควร หนูสุด อายุ 65 ปี ที่อยู่ห่างออกไปจากร้านที่เกิดเหตุกว่า 50 เมตร โดยจุดนี้พบกระสุนตกอยู่ 1 ปลอก ส่วนบนถนนสายบ้านฉลุง-ละงู (บนถนนหน้าร้าน) พบปลอกกระสุนอาวุธสงคราม 2 ปลอก และบนถนนสายบ้านแป-ระเหนือ พบกระสุนปืนอาวุธสงคราม จำนวน 18 ปลอก รวม 21 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน
โดยบ้านที่เกิดเหตุเลขที่ 103 หมู่ 1 ต.แป-ระ อ.ท่าแพ จ.สตูล และร้านค้า 20 บาท ซึ่งอยู่ติดกัน มีนายอดิศักดิ์ รังสรรค์ อายุ 61 ปี เป็นเจ้าของบ้าน อาชีพขายของชำ และลูกชายคือ นายศุภชัย หรือซัน รังสรรค์ อายุ 31 ปี อาชีพซ่อมและแต่งรถจักรยานยนต์ และนายศักดิ์ตะวัน สันเกาะ อายุ 48 ปี อาชีพรับราชการ อบต.อุใดเจริญ อ.ควนกาหลง จ.สตูล ผู้เสียหาย
จากการสอบสวนเบื้องต้น นายอดิศักดิ์ รังสรรค์ อายุ 61 ปี เจ้าของร้าน (อดีตนักการภารโรง โรงเรียนบ้านควนเก) ให้การว่า ช่วงเกิดเหตุพร้อมด้วยภรรยา และลูกกำลังนอนพักผ่อนอยู่ภายในบ้าน กระทั่งเวลาประมาณ 03.00 น. มีเสียงอาวุธปืนสงครามดังขึ้นบนถนนสายบ้านฉลุง-ละงู (บนถนนหน้าบ้าน) จำนวน 2 นัด แล้วมีเสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวที่ข้างบ้าน (บนถนนสายบ้านแป-ระเหนือ) จำนวนหลายสิบนัด แล้วมีเสียงรถยนต์ขับออกไปทางถนนสายบ้านแป-ระเหนือ-อุใดเจริญ
แต่ตนไม่คาดคิดว่าคนร้ายจะยิงบ้านของตัวเอง เนื่องจากครอบครัวตนไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใครทั้งสิ้น ทันทีที่ฟ้าสางก็เปิดประตูร้านไปทำธุระนอกบ้าน จึงพบว่ากระจกประตูข้างซ้ายรถยนต์แตกกระจายเกลื่อนกลาดกองบนพื้น จึงได้สำรวจตรวจสอบบ้าน พบว่า คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงใส่ร้านผนังบ้านเสียหายหลายแห่ง ต่อมาจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบในที่สุด
มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า ก่อนเกิดเหตุได้มีคนร้ายกลุ่มหนึ่งขับรถกระบะอีซูซุ สีดำ ไม่ทราบป้ายทะเบียน ขับมาบนถนนสายบ้านฉลุง-ละงู (มาจากฝั่ง อ.ท่าแพ จ.สตูล) เมื่อมาถึงหน้าร้านที่เกิดเหตุมาจอดบนถนนสายบ้านฉลุง-ละงู จากนั้นคนร้ายที่นั่งอยู่ภายในกระบะหลัง ใช้อาวุธปืนสงครามรัวยิงถล่มใส่จนถูกร้านเลขที่ 103/3 (ร้านขายสินค้า 20 บาท เป็นร้านน้องชายภรรยานายอดิศักดิ์) และถูกตู้บุญเติม รวมทั้งกระสุนถูกกระจกข้างรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน
จากนั้นคนร้ายขับรถเข้ามาจอดบนถนนสายบ้านแป-ระเหนือ แล้วใช้อาวุธปืนรัวยิงถล่มชุดใหญ่ใส่ผนังบ้าน จำนวน 18 นัด จนปลอกกระสุนตกเกลื่อนกลาดอยู่บนถนน จากนั้นคนร้ายได้ขับรถยนต์คันก่อเหตุมุ่งหน้าไปทางถนนสายบ้านแป-ระเหนือ ต.แป-ระ อ.ท่าแพ หนีไปอย่างลอยนวล แต่อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์สะเทือนขวัญในครั้งนี้ โชคดีที่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต สำหรับสาเหตุนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปแล้ว
ด้าน นายยงยุทธ ถนอมศรีมงคล นายอำเภอท่าแพ กล่าวว่า ลักษณะการก่อเหตุในครั้งนี้ เป็นลักษณะของการขับรถมาจอดแล้วใช้อาวุธปืนสงครามยิงข่มขู่ ไม่ประสงค์ต่อชีวิต โดยได้รายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ทราบแล้ว โดยเรื่องนี้ไม่ได้พัวพันเกี่ยวกับการเมืองอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นร้านโชวห่วยของคนธรรมดาในพื้นที่ เจ้าของร้านก็มีนิสัยเรียบร้อย ส่วนจะไปเชื่อมโยงกับเหตุระเบิดโรงพักสตูลหรือไม่นั้นไม่น่าจะเกี่ยวข้อง เชื่อว่าอาจจะเป็นประเด็นบุคคลธรรมดา ส่วนจะประเด็นไหนกำลังเร่งหาสาเหตุอยู่ในขณะนี้
