ภูเก็ต - ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 สั่งตำรวจกระบี่-พังงา ลงพื้นที่ตรวจสอบหาที่มาของระเบิด หลังเกิดเหตุบนเกาะกูดูเล็ก ทำดับ 1 บาดเจ็บสาหัส 1 เร่งสอบปากคำคนรอดชีวิต
จากกรณีเกิดเหตุระเบิดบนเกาะเหลากูดู หรือเกาะกูดูเล็ก ซึ่งอยู่ระหว่าง จ.พังงา และ จ.กระบี่ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 1 คน ในที่เกิดเหตุ และได้รับบาดเจ็บ 1 คน ส่วนอีกคนรอดมาได้อย่างหวุดหวิดเนื่องจากอยู่ไกลจากรัศมีของแรงระเบิด โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังสับสนในเรื่องของพื้นที่ที่เกิดเหตุว่าอยู่ในความรับผิดชอบของจังหวัดใดระหว่าง จ.กระบี่ และ จ.พังงา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพังงา รวมทั้ง สภ.เกาะยาวน้อย จ.พังงา สภ.อ่าวนาง จ.กระบี่ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่กองวิทยาการ ชุด EOD ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบจุดที่เกิดเหตุแล้ว
พล.ต.ต.วิมล พิทักษ์บูรพา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา กล่าวว่า ขณะนี้ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรจังหวัดพังงา และตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ ลงพื้นที่ตรวจสอบและร่วมกันทำงาน โดยไม่ต้องเลือกว่าเป็นพื้นที่ของใคร แต่ให้ร่วมกันทำงาน ทั้งในเรื่องของที่มาของวัตถุระเบิด ว่าเป็นการลักลอบนำเข้ามา หรือเป็นระเบิดที่ทำขึ้นเอง และจะต้องมีการดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิด
ส่วนคนที่ลักลอบเข้าไปก็จะต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมายในเรื่องของการบุกรุก ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมด และจะต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีการวางระเบิดในจุดอื่นๆ หรือไม่
จากกรณีเกิดเหตุระเบิดบนเกาะเหลากูดู หรือเกาะกูดูเล็ก ซึ่งอยู่ระหว่าง จ.พังงา และ จ.กระบี่ จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 1 คน ในที่เกิดเหตุ และได้รับบาดเจ็บ 1 คน ส่วนอีกคนรอดมาได้อย่างหวุดหวิดเนื่องจากอยู่ไกลจากรัศมีของแรงระเบิด โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังสับสนในเรื่องของพื้นที่ที่เกิดเหตุว่าอยู่ในความรับผิดชอบของจังหวัดใดระหว่าง จ.กระบี่ และ จ.พังงา ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพังงา รวมทั้ง สภ.เกาะยาวน้อย จ.พังงา สภ.อ่าวนาง จ.กระบี่ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่กองวิทยาการ ชุด EOD ได้ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบจุดที่เกิดเหตุแล้ว
พล.ต.ต.วิมล พิทักษ์บูรพา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพังงา กล่าวว่า ขณะนี้ทางผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ได้สั่งการให้ตำรวจภูธรจังหวัดพังงา และตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ ลงพื้นที่ตรวจสอบและร่วมกันทำงาน โดยไม่ต้องเลือกว่าเป็นพื้นที่ของใคร แต่ให้ร่วมกันทำงาน ทั้งในเรื่องของที่มาของวัตถุระเบิด ว่าเป็นการลักลอบนำเข้ามา หรือเป็นระเบิดที่ทำขึ้นเอง และจะต้องมีการดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิด
ส่วนคนที่ลักลอบเข้าไปก็จะต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมายในเรื่องของการบุกรุก ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริงทั้งหมด และจะต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติมว่ามีการวางระเบิดในจุดอื่นๆ หรือไม่
