xs
xsm
sm
md
lg

เลือกไม่ลง..ก็ต้องเลือก! เพื่อข้ามพ้น “ฝันร้าย” ในวันวาน?

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

 
คอลัมน์ : คนคาบสมุทรมลายู  /  โดย... จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย
 

 
โดยชาติกำเนิดผมเป็นลูกชาวนายากจนจากทุ่งระโนด รักความเป็นธรรม เพราะครอบครัวและวงศาคณาญาติพบกับความอยุติธรรมมากต่อมาก โดยพื้นฐานความรู้ผมจบการศึกษาระดับปริญญาตรีทางด้านสังคมศึกษา และปริญญาโทด้านไทยคดีศึกษา จึงมีความรู้ทางด้านการเมืองการปกครองและด้านวัฒนธรรมการเมือง โดยประสบการณ์ผมทำกิจกรรมนิสิตตั้งแต่เรียนปี 1 และเป็นนายกองค์การนิสิตเมื่อเรียนปีสุดท้าย
 
และออกไปเป็นผู้นำครูในสมาพันธ์ครูภาคใต้ และเข้าร่วมขับเคลื่อนกิจกรรมทางการเมืองตั้งแต่เริ่มบรรจุครั้งแรกที่ร่อนพิบูลย์ นครศรีธรรมราช ในนามประธานคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย(ครป.นครศรีธรรมราช) เป็นพิธีกรควบคุมเวทีขับไล่ รสช.ปี 2535 เป็นอนุกรรมาธิการรับฟังความคิดเห็นการยกร่างรัฐธรรมนูญ จ.สงขลา ปี 2550 และ 2559 เป็นกรรมการประชาพิจารณ์รัฐธรรมนูญ 2550 ฯลฯ
.
อารัมภบทเสียยืดยาวเพื่อจะบอกว่า ทัศนะในบทความต่อไปนี้ ผมไม่ได้เขียนบนความว่างเปล่าและนั่งมโนเอาตามความรู้สึก โดยไม่ยึดโดยงกับข้อมูลและประสบการณ์ทางสังคม
.
ในสถานการณ์ทางการเมืองในขณะนี้ ผมมีความหงุดหงิดมาก เมื่อได้เห็นหรือได้ยินอดีตนักการเมืองที่เคยทำร้ายชาติบ้านเมืองให้เกิดความเสียหาย กลับมาเป็นแกนนำและร่วมรณรงค์หาเสียงแบบไม่ยอมพูดถึงความชั่วร้ายของฝ่ายตน ที่อดีตผู้นำของพรรคนี้เคยก่อกรรมทำเข็ญไว้กับประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชน 
 
โดยเฉพาะกับชาวนาที่บางคนถึงกับต้องฆ่าตัวตายโดยการผูกคอหนีหนี้สิน และประสบหายนะถ้วนหน้า จากโครงการรับจำนำข้าว ในขณะที่ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ทั้งนักการเมืองและข้าราชการประจำต่างได้รับผลประโยชน์จากความหายนะของชาวนาและประเทศชาติของเรา
 
ผมยังหงุดหงิดมากขึ้นหลายเท่า เมื่อเห็นและได้ยินคนเหล่านี้กล่าวหา โจมตี ก้าวร้าวคนที่เข้ามาระงับความรุนแรงและจัดการบ้านเมืองให้เข้ารูปเข้ารอย เสี่ยงเป็น เสี่ยงตาย เสี่ยงคุก เสี่ยงตะราง จนนำไปสู่การเลือกตั้งในไม่กี่วันข้างหน้านี้
 
แทนที่ประชาชนจะได้รับข้อมูลทั้ง 2 ด้าน แต่ประชาชนกลับได้รับข้อมูลด้านเดียว และเป็นด้านเดียวที่เลวร้ายสารพัดต่ำทราม จนไม่น่าเชื่อว่ากลุ่มคนที่ตัดสินใจยึดอำนาจ และขับไล่รัฐบาลที่ลุแก่อำนาจและสร้างความแตกแยกแตกร้าวระส่ำระสายในสังคม จนนำไปสู่มิคสัญญีกลางเมืองหลวงและเมืองใหญ่ๆ จะไม่ได้รับความเข้าใจและเห็นใจ หรือให้ค่าจนเทียบกันไม่ได้กับรัฐบาลทรราชย์ อันเป็นต้นเหตุของการยึดอำนาจและความเลวร้ายทั้งปวง ด้วยการทุจริตคอรัปชันในทุกมิติ และถูกประชาชนหลายสิบล้านออกมาขับไล่ทั้งในปละนอกประเทศ
 
ผมรู้สึกเศร้าสลดใจยิ่งกว่า เมื่อพรรคการเมืองที่เคยสร้างความแตกแยก แตกร้าว ทำร้ายประเทศชาติจนยับเยินเมื่อไม่นานปีมานี้ ออกมาป่าวประกาศอย่างไม่เคอะเขินว่า เป็น “ฝ่ายประชาธิปไตย” และผลักอีกฝ่ายเป็น “ฝ่ายเผด็จการ” แบบง่ายๆ อย่างที่พวกเขาถนัดและเคยทำมาแล้วในหลายสถานการณ์ที่ผ่านมา
 
ผมยิ่งรู้สึกเศร้าใจเมื่อพรรคการเมืองที่เพิ่งเกิดใหม่ อายุยังไม่ถึงขวบปี หลายพรรคประกาศตัวยืนตรงกันข้ามกับพรรคการเมืองที่มีผู้นำ คสช.หรือนายกรัฐมนตรีอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้ถูกเสนอชื่อเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรี
 
และพรรคเหล่านี้มีนโยบายรวมกันตี โดยพุ่งปลายหอกที่มีผ้ายันต์ “เผด็จการ” พุ่งเข้าใส่อย่างไม่บันยะบันยังและเมามันยิ่ง เพียงเพื่อจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนคนรุ่นใหม่ ที่โดยธรรมชาติมักจะถูกขับเคลื่อนด้วยกระแสสื่อมวลชน ตามประสาชนชั้นกลางไทยมาทุกยุคทุกสมัย
 
โดยไม่มีเวลาฉุกคิดใคร่ครวญพิจารณาวิเคราะห์สังเคราะห์ว่า คนที่อวดอ้างว่าเป็นคนรุ่นใหม่ เป็นทางเลือกใหม่ หรือเป็นอนาคตใหม่ ที่จะนำพาสังคมไทยไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเหล่านั้น เคยมีประสบการณ์ในการร่วมแก้วิกฤตของสังคมมากมากน้อยแค่ไหน มีความรู้และประสบการณ์ใดที่พอจะเป็นหลักประกันได้ว่า พวกเขาจะนำพาชาติบ้านเมืองให้พ้นจากวิบากกรรม ที่พวกเขาเองบางคนก็มีส่วนในการสร้างมันมากับมือ
 
นอกจากสร้างวาทกรรมจะทำในสิ่งตรงกันข้ามกับสังคมไทยเคยมี กำลังมีอยู่ในขณะนี้ โดยไม่จำแนกแยกแยะทำความเข้าใจทั้งจารีต ประเพณี ขนบธรรมเนียมและวัฒนธรรม อันเป็นมรดกตกทอดทางสังคมของมนุษยชาติ เพราะมนุษย์เท่านั้นที่มีสิ่งเหล่านี้ แต่หากเป็นเดรัจฉานอาจจะไม่จำเป็นต้องมี ก็ไม่ว่ากัน
 
คนเหล่านี้ประกอบด้วย 2 พวกใหญ่ๆ คือ พวกที่เคยสร้างบาปกรรม ความเสียหายให้กับชาติบ้านเมืองมาแล้วครั้งแล้วครั้งเล่า กับพวกที่ยังไม่มีโอกาสทำความเสียหายมาก่อน และกำลังขอโอกาสนั้นในนามของวาทกรรมใหม่
 
นอกจากนั้น ผมยิ่งเศร้าใจต่อชะตากรรมของบ้านเมืองหลังการเลือกตั้ง 24 มีนาคม 2562 (ถ้ามี) คือการที่คนที่คนไทยส่วนใหญ่เทคะแนนให้ เพราะการปลุกระดมให้เข้าใจผิดต่างๆ นานา เช่น เอาไปแข่งกับ ส.ว. 250 เสียงบ้าง การถูกเอารัดเอาเปรียบบ้าง ล้วนเป็นพรรคการเมืองที่เคยมีพฤติกรรมและประวัติศาสตร์ไม่สง่างาม
 
หากติดตามพฤติกรรมของบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วยเหตุผล และข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา ไม่บิดเบือนแล้ว จะเห็นได้ว่า เป็นพรรคการเมืองที่ไม่ควรค่าที่จะได้รับความนิยม หรือได้รับเกียรติมอบหมายให้นำพาชาติบ้านเมืองออกจากวังวนของความขัดแย้งและหายนะได้
.
แต่เมื่อที่นี่คือ ประเทศไทย อะไรๆ มันย่อมเกิดขึ้นได้
.
สำหรับผมจึงมีทางเลือกเพียง 2 ทางคือ ถ้าสำนึกถึงบุญคุณของพี่น้องประชาชนที่เสียสละออกมาขับไล่รัฐบาลชุดนั้น จนต้องเสียเลือด เสียเนื้อและเสียชีวิต ผมต้องกาให้กับพรรคการเมืองที่ถูกฝ่ายโน้นตราหน้าว่า “เผด็จการ”
 
แต่ถ้าทำใจไม่ได้ตามกระแสที่รุมกระหน่ำ ก็ต้อง “โหวตโน” หรือไม่เลือกใคร แต่ผมจะไม่เลือกฝ่าย (ที่อ้างว่า) “ประชาธิปไตย” อย่างแน่นอน เพราะผมเคยมีส่วนร่วมสร้างประวัติศาสตร์ที่มีพวกเขาเป็นผู้ร้าย และทำให้เราฝันร้ายมายาวนาน.
 


กำลังโหลดความคิดเห็น