รายงานโดย...ศูนย์ข่าวหาดใหญ่
เพียงเสียงระเบิดลูกแรกดังขึ้นที่ จ.สตูล เมื่อกลางดึกวันที่ 9 มี.ค. สังคมก็เริ่มเกิดคำถามตามมาหลากหลายว่า สาเหตุเกิดจากอะไร
คำตอบจากรัฐบาลที่ได้รับในขณะนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า จากการข่าวของเจ้าหน้าที่ข่าวกรองและกองทัพภาคที่ 4 ชี้ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้แต่รถจักรยานยนต์ที่นำมาใช้ระเบิดที่สถานีตำรวจเมืองสตูลก็นำมาจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพียงแต่ยังยืนยันเต็มที่ไม่ได้ ต้องรอการสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน
แม้ว่ารัฐบาลจะเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ยังมีหลายฝ่ายไม่ปักใจเชื่อเช่นนั้น แม้แต่ชาวบ้านในพื้นที่ จ.สตูล-พัทลุง ก็ยังไม่เชื่อ บางส่วนกลับเชื่อว่า อาจจะเป็นการสร้างสถานการณ์ทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลในช่วงก่อนการเลือกตั้ง บางส่วนก็มองว่า เป็นการส่งสัญญาณบางอย่างไปให้พรรคภูมิใจไทย ที่มีสตูลและพัทลุงเป็นเหมือนเมืองหลวงในภาคใต้ ซึ่งกำลังพยายามสั่นคลอนเก้าอี้ของแชมป์เก่า เจ้าของพื้นที่อย่างพรรคประชาธิปัตย์
ย้อนไปดูเหตุการณ์ในวันนั้น ราว 22.30 น. วันที่ 9 มี.ค. ระเบิดลูกแรกถูกวางไว้บริเวณถังขยะหน้าทางเข้า สภ.จ.สตูล และอีกเพียง 15 นาที ระเบิดลูกที่สองก็ทำงานตรง “จุดจอดรถของกลาง” สภ.เมืองสตูล ห่างจากจุดแรกราว 20 เมตร เรียกได้ว่าเป็นปฏิบัติการ “ล้วงคองูเขียว” วางระเบิดกลางโรงพัก! แรงระเบิดนอกจากสร้างความเสียหายให้แก่ สภ.เมืองสตูลแล้ว ยังแรงถึงขั้นมีคำสั่งเด้งด่วน พ.ต.อ.พชรพล ณ นคร ผกก.สภ.เมืองสตูล ไปดำรงตำแหน่งผู้กำกับฝ่ายอำนวยการจังหวัดปัตตานีทันทีในเช้าวันที่ 11 มี.ค.
ยังไม่ทันครบวัน ในช่วงรุ่งเช้าของวันที่ 10 มี.ค. เสียงระเบิดลูกที่ 3 ลูกที่ 4 ก็ดังขึ้นอีก ที่ร้านขายของชำตรงข้ามห้างแม็คโครสตูล ห่างจากจุดแรกไปประมาณ 9 กิโลเมตร โชคดีที่เจ้าหน้าที่เก็บกู้ลูกที่ 5 ได้ที่จุดนี้ แต่ยังไม่หมด เพียงอีกไม่กี่ชั่วโมง ก็พบระเบิดอีกลูกที่ร้านขายของชำตรงข้ามปั้ม ปตท.หัวสะพานตายาย ไม่ห่างจาก 2 จุดแรกมากนัก รวมเหตุระเบิดใน จ.สตูลทั้งสิ้น 3 จุด พบระเบิด 6 ลูก กู้ได้เพียง 1 ลูกเท่านั้น
ไม่เพียงแต่ จ.สตูล ยังพบเหตุระเบิดอีกหลายจุดที่ จ.พัทลุง ชุดแรกเกิดระเบิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. วันที่ 10 มี.ค. บริเวณร้านขายของชำ 3 แห่งใน ต.ดอนประดู่ อ.ปากพะยูน เวลาไล่เลี่ยกันก็เกิดระเบิดขึ้นอีกหลายจุดในเขตเทศบาลตำบลปากพะยูน จุดแรกบริเวณถังขยะหลังโรงเรียนอนุบาลปากพะยูน จุดที่ 2 ภายในร้านขายจักรยานยนต์ จุดที่ 3 ทิ้งไว้ในกอดอกไม้บริเวณหน้าสุสานริมถนนสายหารเทา-ปากพะยูน จากนั้น ในเวลา 10.00 น. ยังพบระเบิดอีกลูกบนเส้นทางรถไฟระหว่างสถานีรถไฟหารเทาและสถานีรถไฟโคกทราย บริเวณบ้านไทรพอน ต.ดอนประดู่ อ.ปากพะยูน น้ำหนัก 15 กิโลกรัม ภายในบรรจุสะเก็ดระเบิดและมีอานุภาพรุนแรง โชคดีที่ไม่ทำงาน
14.30 น. ระหว่างที่ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุงกำลังประชุมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งเครียดภายในห้องประชุม สภ.ปากพะยูน ห่างไปเพียง 50 เมตร ก็เกิดระเบิดขึ้นอีกครั้ง เสียงระเบิดดังไปทั่วพื้นที่ เหมือนจะเป็นการประกาศส่งเสียงต้อนรับผู้ว่าราชการจังหวัดที่มาเยือน รวมในพื้นที่ อ.ปากพะยูน เกิดเหตุระเบิดทั้งสิ้น 8 ลูก!
นอกจากที่ อ.ปากพะยูน ในตัวเมืองพัทลุงเอง ในช่วงก่อนเที่ยงวันเล็กน้อย ก็เกิดระเบิดขึ้นกลางเมือง บริเวณสวนสาธารณะ ร.๙ ถึง 2 ลูก ระยะเวลาห่างกันประมาณ 20 นาที รวมที่ จ.พัทลุง มีระเบิดทั้งสิ้น 11 ลูก วันเดียวใน 2 จังหวัด สตูล-พัทลุง เจอเหตุระเบิดรวมทั้งสิ้น 17 ลูก!
อะไรคือสาเหตุ? คำถามที่ใคร ๆ ก็อยากจะทราบคำตอบ หลายคนคิดว่า นี่คือระเบิดการเมือง ปฏิเสธไม่ได้ว่า ช่วงนี้ถือว่าเป็นโค้งสำคัญของการเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มี.ค. และ จ.สตูล-พัทลุง ก็ถือว่ามีการแข่งขันกันสูง โดยพรรคประชาธิปัตย์ เจ้าของพื้นที่เดิม มีรองหัวหน้าพรรคที่ดูแลภาคใต้ “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” เป็นอดีต ส.ส.พัทลุงหลายสมัย ในขณะที่เซียนการเมืองหลายคนก็มองกันว่า ทั้ง จ.สตูลและพัทลุงถือเป็นเมืองหลวงของพรรคภูมิใจไทย
ใน จ.พัทลุงนั้นเป็นพื้นที่ของขุนพลภาคใต้ของพรรคภูมิใจไทย “นาที รัชกิจประการ” อดีต ส.ว.พัทลุงและอดีตประธานสภาพัฒนาสตรีจังหวัดพัทลุง ส่วนที่ จ.สตูลเป็นพื้นที่ของ "พิบูลย์ รัชกิจประการ“ น้องชาย “โกเกี๊ยะ” พิพัฒน์ รัชกิจประการ สามีของ “นาที” ซึ่งรอบนี้ “พิบูลย์” ลงสมัคร ส.ส.สตูล เขต 1 ในนามพรรคภูมิใจไทย โดยมีความมั่นใจมาจากฐานเดิมที่เคยเป็นนายกเทศมนตรีเมืองสตูล และมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นของ “โกเกี๊ยะ” กับ “โกเกียรติ” สมเกียรติ เลียงประสิทธิ์” ผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ใน จ.สตูล ที่มีน้องชายเป็นนายก อบจ.สตูล
ทั้ง “โกเกี๊ยะ” และ “โกเกียรติ” มีความสำคัญกับพรรคภูมิใจไทย รู้จักและสนิทสนมกับ “เนวิน ชิดชอบ” ในช่วงรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ถือได้ว่าเป็นเครือข่ายการเมืองของตระกูลชิดชอบในพื้นที่ จ.สตูล พัทลุง สงขลา และยะลา “อนุทิน ชาญวีรกุล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” เคยแนะนำ “โกเกี๊ยะ” กลางงานพิธีละศีลอดส่งท้ายรอมฎอนปี 2561 และต้อนรับฮารีรายออิดิลฟิตรี ที่บ้านตะโละสดาร์ อ.รามัน จ.ยะลา ว่า เป็นผู้สนับสนุนพรรคภูมิใจไทย นอกจากนี้ ในช่วงเดือนตุลาคม 2561 “เนวิน ชิดชอบ” ก็นำทัพลงพื้นที่ จ.พัทลุง ในรูปแบบการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตร “มิตรภาพอีสาน-ใต้”
ระเบิด 17 ลูก ที่สตูล-พัทลุง อาจจะเป็นการส่งสัญญาณไปยังพรรคภูมิใจไทยหรือไม่นั้น ยังคงเป็นคำถามที่ไม่อาจจะมองข้ามได้
ในอีกทาง รัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม “ยอมรับ” ว่า เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สอดคล้องกับ “ปณิธาน วัฒนายกร” ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร ก็ให้สัมภาษณ์ว่า หน่วยข่าวกรองได้แจ้งเตือนเหตุดังกล่าวล่วงหน้ามา 1-2 วันแล้ว โดยเฉพาะวันที่จะมีการแสดงคอนเสิร์ต ที่ จ.พัทลุง เนื่องจากหน่วยข่าวกรองกังวลว่า จะมีคนมาร่วมงานจำนวนมาก
ก่อนหน้าที่จะเกิดระเบิดปูพรม 2 จังหวัด ประมาณ 1 เดือน มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่จับกุมแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มาหลบซ่อนตัวในพื้นที่ อ.ปากพะยูน ได้ นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์ที่น่าจะเกี่ยวข้องกัน นั่นคือ ช่วงกลางดึกคืนวันที่ 6 มี.ค. กลุ่มก่อความไม่สงบได้พ่นสีข้อความ “PATANI MERDEKA” และ “PATANI 110” ทั้งหมด 8 จุด ใน 3 อำเภอชายแดนของ จ.สงขลา คือ อ.สะบ้าย้อย เทพา และจะนะ ข้อความดังกล่าวมีความหมายถึง “กู้เอกราชรัฐปัตตานี” และ 110 หมายถึง 110 ปีที่มีการลงนาม “สนธิสัญญาบางกอก” (Bangkok Treaty of 1909) ระหว่างอังกฤษกับสยาม เพื่อยกไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู และปะลิส รวมเกาะใกล้เคียงให้อังกฤษ และหลังเหตุการณ์ระเบิด ก็มีการขึงป้ายและพ่นสีข้อความดังกล่าวอีก 3 จุดใน จ.ยะลา พร้อมกับวางระเบิดปลอมไว้ด้วย
คำถามที่ตามคือ แสดงว่ากลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีศักยภาพพอที่จะวางระเบิดในพื้นที่ไหนก็ได้ ตั้งแต่ใต้สุดอย่างยะลาจนถึงใจกลางประเทศอย่างกรุงเทพมหานครได้ ใช่หรือไม่? วันนี้ ทำให้นอกจากระเบิดที่สตูล-พัทลุงแล้ว หลายจังหวัดทั่วภาคใต้ต้องเฝ้าระวังกันชนิดวางใจไม่ได้ แล้วการปฏิบัติงานที่ผ่านมาของหน่วยงานรัฐในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ทำให้เหตุการณ์ดีขึ้นหรือน้อยลงเลยหรือไม่?
เป็นคำถามที่หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบต้องตอบ ไม่ใช่เพียงบอกว่า ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เราเฝ้าระวังกันดีมาก จนทำอะไรไม่ได้ จนต้องออกมาก่อเหตุนอกพื้นที่!
เพียงเสียงระเบิดลูกแรกดังขึ้นที่ จ.สตูล เมื่อกลางดึกวันที่ 9 มี.ค. สังคมก็เริ่มเกิดคำถามตามมาหลากหลายว่า สาเหตุเกิดจากอะไร
คำตอบจากรัฐบาลที่ได้รับในขณะนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุว่า จากการข่าวของเจ้าหน้าที่ข่าวกรองและกองทัพภาคที่ 4 ชี้ว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้แต่รถจักรยานยนต์ที่นำมาใช้ระเบิดที่สถานีตำรวจเมืองสตูลก็นำมาจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพียงแต่ยังยืนยันเต็มที่ไม่ได้ ต้องรอการสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจก่อน
แม้ว่ารัฐบาลจะเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ยังมีหลายฝ่ายไม่ปักใจเชื่อเช่นนั้น แม้แต่ชาวบ้านในพื้นที่ จ.สตูล-พัทลุง ก็ยังไม่เชื่อ บางส่วนกลับเชื่อว่า อาจจะเป็นการสร้างสถานการณ์ทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลในช่วงก่อนการเลือกตั้ง บางส่วนก็มองว่า เป็นการส่งสัญญาณบางอย่างไปให้พรรคภูมิใจไทย ที่มีสตูลและพัทลุงเป็นเหมือนเมืองหลวงในภาคใต้ ซึ่งกำลังพยายามสั่นคลอนเก้าอี้ของแชมป์เก่า เจ้าของพื้นที่อย่างพรรคประชาธิปัตย์
ย้อนไปดูเหตุการณ์ในวันนั้น ราว 22.30 น. วันที่ 9 มี.ค. ระเบิดลูกแรกถูกวางไว้บริเวณถังขยะหน้าทางเข้า สภ.จ.สตูล และอีกเพียง 15 นาที ระเบิดลูกที่สองก็ทำงานตรง “จุดจอดรถของกลาง” สภ.เมืองสตูล ห่างจากจุดแรกราว 20 เมตร เรียกได้ว่าเป็นปฏิบัติการ “ล้วงคองูเขียว” วางระเบิดกลางโรงพัก! แรงระเบิดนอกจากสร้างความเสียหายให้แก่ สภ.เมืองสตูลแล้ว ยังแรงถึงขั้นมีคำสั่งเด้งด่วน พ.ต.อ.พชรพล ณ นคร ผกก.สภ.เมืองสตูล ไปดำรงตำแหน่งผู้กำกับฝ่ายอำนวยการจังหวัดปัตตานีทันทีในเช้าวันที่ 11 มี.ค.
ยังไม่ทันครบวัน ในช่วงรุ่งเช้าของวันที่ 10 มี.ค. เสียงระเบิดลูกที่ 3 ลูกที่ 4 ก็ดังขึ้นอีก ที่ร้านขายของชำตรงข้ามห้างแม็คโครสตูล ห่างจากจุดแรกไปประมาณ 9 กิโลเมตร โชคดีที่เจ้าหน้าที่เก็บกู้ลูกที่ 5 ได้ที่จุดนี้ แต่ยังไม่หมด เพียงอีกไม่กี่ชั่วโมง ก็พบระเบิดอีกลูกที่ร้านขายของชำตรงข้ามปั้ม ปตท.หัวสะพานตายาย ไม่ห่างจาก 2 จุดแรกมากนัก รวมเหตุระเบิดใน จ.สตูลทั้งสิ้น 3 จุด พบระเบิด 6 ลูก กู้ได้เพียง 1 ลูกเท่านั้น
ไม่เพียงแต่ จ.สตูล ยังพบเหตุระเบิดอีกหลายจุดที่ จ.พัทลุง ชุดแรกเกิดระเบิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 04.00 น. วันที่ 10 มี.ค. บริเวณร้านขายของชำ 3 แห่งใน ต.ดอนประดู่ อ.ปากพะยูน เวลาไล่เลี่ยกันก็เกิดระเบิดขึ้นอีกหลายจุดในเขตเทศบาลตำบลปากพะยูน จุดแรกบริเวณถังขยะหลังโรงเรียนอนุบาลปากพะยูน จุดที่ 2 ภายในร้านขายจักรยานยนต์ จุดที่ 3 ทิ้งไว้ในกอดอกไม้บริเวณหน้าสุสานริมถนนสายหารเทา-ปากพะยูน จากนั้น ในเวลา 10.00 น. ยังพบระเบิดอีกลูกบนเส้นทางรถไฟระหว่างสถานีรถไฟหารเทาและสถานีรถไฟโคกทราย บริเวณบ้านไทรพอน ต.ดอนประดู่ อ.ปากพะยูน น้ำหนัก 15 กิโลกรัม ภายในบรรจุสะเก็ดระเบิดและมีอานุภาพรุนแรง โชคดีที่ไม่ทำงาน
14.30 น. ระหว่างที่ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุงกำลังประชุมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งเครียดภายในห้องประชุม สภ.ปากพะยูน ห่างไปเพียง 50 เมตร ก็เกิดระเบิดขึ้นอีกครั้ง เสียงระเบิดดังไปทั่วพื้นที่ เหมือนจะเป็นการประกาศส่งเสียงต้อนรับผู้ว่าราชการจังหวัดที่มาเยือน รวมในพื้นที่ อ.ปากพะยูน เกิดเหตุระเบิดทั้งสิ้น 8 ลูก!
นอกจากที่ อ.ปากพะยูน ในตัวเมืองพัทลุงเอง ในช่วงก่อนเที่ยงวันเล็กน้อย ก็เกิดระเบิดขึ้นกลางเมือง บริเวณสวนสาธารณะ ร.๙ ถึง 2 ลูก ระยะเวลาห่างกันประมาณ 20 นาที รวมที่ จ.พัทลุง มีระเบิดทั้งสิ้น 11 ลูก วันเดียวใน 2 จังหวัด สตูล-พัทลุง เจอเหตุระเบิดรวมทั้งสิ้น 17 ลูก!
อะไรคือสาเหตุ? คำถามที่ใคร ๆ ก็อยากจะทราบคำตอบ หลายคนคิดว่า นี่คือระเบิดการเมือง ปฏิเสธไม่ได้ว่า ช่วงนี้ถือว่าเป็นโค้งสำคัญของการเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 มี.ค. และ จ.สตูล-พัทลุง ก็ถือว่ามีการแข่งขันกันสูง โดยพรรคประชาธิปัตย์ เจ้าของพื้นที่เดิม มีรองหัวหน้าพรรคที่ดูแลภาคใต้ “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” เป็นอดีต ส.ส.พัทลุงหลายสมัย ในขณะที่เซียนการเมืองหลายคนก็มองกันว่า ทั้ง จ.สตูลและพัทลุงถือเป็นเมืองหลวงของพรรคภูมิใจไทย
ใน จ.พัทลุงนั้นเป็นพื้นที่ของขุนพลภาคใต้ของพรรคภูมิใจไทย “นาที รัชกิจประการ” อดีต ส.ว.พัทลุงและอดีตประธานสภาพัฒนาสตรีจังหวัดพัทลุง ส่วนที่ จ.สตูลเป็นพื้นที่ของ "พิบูลย์ รัชกิจประการ“ น้องชาย “โกเกี๊ยะ” พิพัฒน์ รัชกิจประการ สามีของ “นาที” ซึ่งรอบนี้ “พิบูลย์” ลงสมัคร ส.ส.สตูล เขต 1 ในนามพรรคภูมิใจไทย โดยมีความมั่นใจมาจากฐานเดิมที่เคยเป็นนายกเทศมนตรีเมืองสตูล และมีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นของ “โกเกี๊ยะ” กับ “โกเกียรติ” สมเกียรติ เลียงประสิทธิ์” ผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ใน จ.สตูล ที่มีน้องชายเป็นนายก อบจ.สตูล
ทั้ง “โกเกี๊ยะ” และ “โกเกียรติ” มีความสำคัญกับพรรคภูมิใจไทย รู้จักและสนิทสนมกับ “เนวิน ชิดชอบ” ในช่วงรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ถือได้ว่าเป็นเครือข่ายการเมืองของตระกูลชิดชอบในพื้นที่ จ.สตูล พัทลุง สงขลา และยะลา “อนุทิน ชาญวีรกุล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ “ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” เคยแนะนำ “โกเกี๊ยะ” กลางงานพิธีละศีลอดส่งท้ายรอมฎอนปี 2561 และต้อนรับฮารีรายออิดิลฟิตรี ที่บ้านตะโละสดาร์ อ.รามัน จ.ยะลา ว่า เป็นผู้สนับสนุนพรรคภูมิใจไทย นอกจากนี้ ในช่วงเดือนตุลาคม 2561 “เนวิน ชิดชอบ” ก็นำทัพลงพื้นที่ จ.พัทลุง ในรูปแบบการแข่งขันฟุตบอลกระชับมิตร “มิตรภาพอีสาน-ใต้”
ระเบิด 17 ลูก ที่สตูล-พัทลุง อาจจะเป็นการส่งสัญญาณไปยังพรรคภูมิใจไทยหรือไม่นั้น ยังคงเป็นคำถามที่ไม่อาจจะมองข้ามได้
ในอีกทาง รัฐบาล โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม “ยอมรับ” ว่า เหตุการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สอดคล้องกับ “ปณิธาน วัฒนายกร” ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร ก็ให้สัมภาษณ์ว่า หน่วยข่าวกรองได้แจ้งเตือนเหตุดังกล่าวล่วงหน้ามา 1-2 วันแล้ว โดยเฉพาะวันที่จะมีการแสดงคอนเสิร์ต ที่ จ.พัทลุง เนื่องจากหน่วยข่าวกรองกังวลว่า จะมีคนมาร่วมงานจำนวนมาก
ก่อนหน้าที่จะเกิดระเบิดปูพรม 2 จังหวัด ประมาณ 1 เดือน มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่จับกุมแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มาหลบซ่อนตัวในพื้นที่ อ.ปากพะยูน ได้ นอกจากนี้ ยังมีเหตุการณ์ที่น่าจะเกี่ยวข้องกัน นั่นคือ ช่วงกลางดึกคืนวันที่ 6 มี.ค. กลุ่มก่อความไม่สงบได้พ่นสีข้อความ “PATANI MERDEKA” และ “PATANI 110” ทั้งหมด 8 จุด ใน 3 อำเภอชายแดนของ จ.สงขลา คือ อ.สะบ้าย้อย เทพา และจะนะ ข้อความดังกล่าวมีความหมายถึง “กู้เอกราชรัฐปัตตานี” และ 110 หมายถึง 110 ปีที่มีการลงนาม “สนธิสัญญาบางกอก” (Bangkok Treaty of 1909) ระหว่างอังกฤษกับสยาม เพื่อยกไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู และปะลิส รวมเกาะใกล้เคียงให้อังกฤษ และหลังเหตุการณ์ระเบิด ก็มีการขึงป้ายและพ่นสีข้อความดังกล่าวอีก 3 จุดใน จ.ยะลา พร้อมกับวางระเบิดปลอมไว้ด้วย
คำถามที่ตามคือ แสดงว่ากลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีศักยภาพพอที่จะวางระเบิดในพื้นที่ไหนก็ได้ ตั้งแต่ใต้สุดอย่างยะลาจนถึงใจกลางประเทศอย่างกรุงเทพมหานครได้ ใช่หรือไม่? วันนี้ ทำให้นอกจากระเบิดที่สตูล-พัทลุงแล้ว หลายจังหวัดทั่วภาคใต้ต้องเฝ้าระวังกันชนิดวางใจไม่ได้ แล้วการปฏิบัติงานที่ผ่านมาของหน่วยงานรัฐในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่ทำให้เหตุการณ์ดีขึ้นหรือน้อยลงเลยหรือไม่?
เป็นคำถามที่หน่วยงานของรัฐที่รับผิดชอบต้องตอบ ไม่ใช่เพียงบอกว่า ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เราเฝ้าระวังกันดีมาก จนทำอะไรไม่ได้ จนต้องออกมาก่อเหตุนอกพื้นที่!
