xs
xsm
sm
md
lg

การหนีตายจากเงื้อมมือ “กบฏนักมวย” บนแผ่นดินจีน..สู่ต้นกำเนิด “ชุมชนฮกจิว” ชาวสวนยางขนาดใหญ่ในภาคใต้

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

 
คอลัมน์  :  จากนาบอนถึงริมฝั่งเจ้าพระยา
โดย  :  ยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที  ผู้ดำเนินรายการสภากาแฟ NEWS 1
 
โบสถ์คริสเตียนของชาวจีนทั้งใน SIBU, Sitiawan และนาบอน ล้วนมีรูปแบบสถาปัตยกรรมคล้ายคลึงกัน
 
การตั้งถิ่นฐานของชาวจีนโพ้นทะเลในภาคใต้ โดยเฉพาะชาวจีน “ฮกจิว” ในเขตเทศบาลตำบลนาบอน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งได้บุกเบิกสร้าง “ชุมชนชาวสวนยาง” ขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของประเทศไทย เมื่อถึงเทศกาลเชงเม้งที่จะไปรวมตัวกันไหว้บรรพบุรุษในช่วงเดือนเมษายน ชาวจีนที่นี่แต่ละปีต้องสั่งหมูย่างจาก จ.ตรัง เพื่อนำไปไหว้บรรพชนแต่ละปีประมาณ 300-400 ตัว
 .
คนจีนกลุ่มนี้มาจากไหน มาอยู่ในแผ่นดินไทยกันได้อย่างไร?!
 .
งานฉลองแสดงความยินดีของชาวจีนรุ่นที่ 3 และ 4 ในชุมชนชาวนาบอน เมื่อครั้งที่เกาะฮ่องกงและมาเก๊ากลับสู่อ้อมกอดอธิปไตยของจีน
 
เป็นคำถามที่นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์รุ่นใหม่ๆ มักจะตั้งคำถามกับผมยามที่มีโอกาสสนทนากัน หากถามถึงที่มาของคนฮกจิวหรือชุมชนชาวจีนโพ้นทะเลที่เดินทางเข้ามาตั้งรกรากสร้างชุมชนสวนยาง มาพึ่งพระบรมโพธิสมภารในแผ่นดินไทย ซึ่งเป็นบรรพชนของพวกผมนั้น อะไรเป็นเหตุปัจจัยหลักที่ผลักดันให้คนจีนฮกจิวต้องอพยพถิ่นฐานกันขนานใหญ่ เพื่อออกสู่แผ่นดินหนานหยางหาถิ่นที่อยู่ใหม่
 .
คนจีนเรียกประเทศแผ่นดินทะเลใต้ว่า “หนานหยาง” คือกลุ่มประเทศทะเลด้านใต้  ได้แก่ มาเลเซีย สิงคโปร์ สุมาตรา บอร์เนียว อินโดนีเซีย ปีนังและไทย
 .
เส้นทางรถไฟสายใต้นำพาพวกเขาออกมาจาก Sitiawan รัฐเปรัค มาเลเซีย ขึ้นมาทางเหนือเข้าสู่แผ่นดินไทย ภายใต้นโยบายเปิดป่าเสรีหลังเส้นทางรถไฟสายใต้สร้างเสร็จ
 
ในช่วงศตวรรษที่ 19 ที่มีการล่าอาณานิคมชองชาติตะวันตก บรรดาฝรั่งชาวตะวันตกได้เข้ามาค้าขายพร้อมเรือปืนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะเดียวกันได้แผ่ขยายอิทธิพลเข้าไปยังหัวเมืองชายทะเลของจีน ฝรั่งชาติตะวันตกก็เริ่มเข้ามามีอิทธิพลในจีน มาพร้อมกับเรือปืนและการค้า หอบหิ้วมิชชันนารีและบาทหลวงเข้าไปเผยแพร่ศาสนาคริสต์ หรือที่อ้างว่า “มาตามพระประสงค์ของพระเจ้า” อิทธิพลตะวันตก วัฒนธรรมคริสเตียน “เรือปืน” และ “การค้า” มาพร้อมๆ กัน มีการสร้างโบสต์เผยแพร่คริสต์ศาสนาเข้าสู่แผ่นดินจีน
 .
อิทธิพลฝรั่งตะวันตกแพร่ขยายจากช่องแคบมะละกา แผ่ปกคลุมไปยังหัวเมืองชายทะเลของแผ่นดินใหญ่จีน เซี้ยเหมิน ฮ่องกง มาเก๊า ฮกเกี้ยน ฟุโจว ซึ่งก็แน่นอนว่าการมาของชาติตะวันตกนั้น เข้ามาพร้อมกับการเผยแพร่คริสต์ศาสนา มีการสร้างโบสถ์ วัฒนธรรมคริสเตียน เริ่มมีการปะทะมีความขัดแย้งกับวัฒนธรรมเดิมในประเทศจีน หรือที่เราเรียกว่าวัฒนธรรม “ขงจื้อ”
 .
เกิด “ขบวนการกบฏนักมวย (Boxer Rebellion)” เพื่อต่อต้านชาติตะวันตก สังคมจีนมีความยุ่งเหยิง เกิดความขัดแย้งใหญ่ เพื่อต่อต้านฝรั่งตะวันตก “กบฏนักมวย” หรือ “สมาคมอี้เหอถวน” ได้ทำการลอบสังหารมิชชันนารีชาวตะวันตกบ้าง บาทหลวงบ้าง คนจีนคริสเตียนในเครือข่ายของมิชชันนารีบ้าง พายุร้ายโหมกระหน่ำกระแสต่อต้านชาวต่างชาติที่เป็นฝรั่ง และมีการเผาโบสถ์สังหารทำลายล้างในสังคมจีนช่วงที่เกิดกบฏนักมวย ชาวจีนที่เป็นคริสเตียนที่คบค้าสมาคมกับชาติตะวันตก ก็จะถูกกบฏนักมวยเครือข่ายสมาคมอี้เหอถวนกำจัดไล่ล่า
 
Wong Nai Siong และ Lim Ming Chain 2 2 บาทหลวงชาวจีนที่อพยพคนจีนฮกจิวออกสู่ทะเลใต้
 
มีข้อมูลบอกไว้ว่า 20 มีนาคม 2443 กบฏนักมวยที่มีอุดมการณ์ต่อต้านฝรั่งชาติตะวันตก ได้ทำการสังหารทั้งบาทหลวงฝรั่งที่เผยแพร่ศาสนาคริสต์ และชาวจีนที่เป็นคริสเตียนเสียชีวิตไปกว่า 10,000 คน 
 .
กองกำลังร่วมของชาติตะวันตก ทั้งรัสเซีย สหรัฐฯ อังกฤษ ฝรั่งเศษ เยอรมัน อิตาลี บุกเผาเมืองปักกิ่งและเทียนจิน ชาวจีนก็ล้มตายเป็นจำนวนมากมายเช่นกัน 
 .
ความโกลาหล ความขัดแย้ง สงครามระหว่างชาติตะวันตกกับกลุ่มกบฏนักมวยชาวจีน ที่รัฐบาลชูสีไทเฮาให้การสนับสนุน มีการปะทะกลายเป็นสงครามใหญ่ที่เมืองเทียนจินและกรุงปักกิ่ง เมื่อสภาพโกลาหล ความเกลียดชัง ต่อต้านฝรั่งและวัฒนธรรมคริสเตียนในประเทศจีนขยายวงกว้าง
 
การเผยแพร่คริสต์ศาสนา สอนไบเบิลให้กับเด็กๆ ชาวจีนในช่วงศตวรรษที่ 19 ของชาติตะวันตก
 
Wong Nai Siong ท่านเป็นปัญญาชนและเป็นบาทหลวงคริสเตียนชาวจีนฟุโจว บิดาท่านเป็นช่างไม้อยู่ที่เมืองกู่เถียน เห็นว่าชาวจีนที่เป็นคริสเตียนหากต้องอยู่ในประเทศจีนจะไม่มั่นคงในชีวิต เกิดความไม่ปลอดภัย และภัยจากความขัดแย้งจะเกิดตามมาเป็นแน่แท้ เพราะเกิดสภาพของการต่อต้านชาวคริสเตียนในหมู่กบฏนักมวยขยายไปทั่วแผ่นดินจีน
 .
ในช่วงปี 2444 บาทหลวง Wong Nai Siong ซึ่งอยู่ในช่วงรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือรัชกาลที่5 ของประเทศไทย ซึ่งเวลานั้นลัทธิล่าอาณานิคมของชาติตะวันตกกำลังคุกรุ่นอยู่เหนือคนเอเชีย ท่านได้อพยพคนจีนที่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ชาวฟุโจว ชักชวนผู้คนไปหาแผ่นดินที่อยู่กันใหม่ในแผ่นดินทะเลใต้หรือหนานหยาง โดยได้ไปตั้งถิ่นฐานใหม่กันที่ SIBU รัฐ Salawak ซึ่งในยุคสมัยนั้นอยู่ภายใต้การปกครองอิทธิพลของอังกฤษ
 .
สื่อมวลชนตะวันตกรายงานเกี่ยวกับเหตุการณ์กบฏนักมวย ที่ลุกขึ้นต่อต้านคริสเตียนในจีน มีการสังหารบาทหลวงและมิชชันนารีในจีนปลายราชวงศ์ชิงช่วง 1900
 
ขณะเดียวกัน บาทหลวงหลิงหมินเชี้ยง ซึ่งเป็นบาทหลวงกลุ่มของท่าน Wong Nai Siong ได้นำชาวฮกจิวส่วนหนึ่งไปตั้งถิ่นฐานสร้างชุมชนกันที่ Sitiawan รัฐเปรัค
 .
มีหลักฐานบอกไว้ว่า บาทหลวง Wong Nai Siong อพยพชาวฮกจิวทั้งจากเมืองกู่เถียน และอีกหลายอำเภอจากจังหวัดฟุโจวมากถึง 1,118 คน โดยขนย้ายผู้คนมากันสามระลอกเพื่อออกสู่แผ่นดินหนานหยาง ไปตั้งชุมชนใหม่ เปลี่ยนผืนป่าของ SIBU รัฐ Salawak เป็นพื้นที่เกษตรกรรม ส่วนหลิงหมินเชี้ยงก็นำชาวฮกจิวอีกกลุ่มเปลี่ยนผืนป่าเป็นสวนยางที่ Sitiawan รัฐเปรัค
 
ภาพประวัติศาสตร์อีกภาพหนึ่งที่สะท้อนความขัดแย้งทางวัฒนธรรมในแผ่นดินจีนช่วงต่อต้านตะวันตก บาทหลวงและมิชชันนารี
 
การอพยพย้ายถิ่นฐานหาแผ่นดินแห่งความหวังใหม่ของชาวจีน ไม่ได้มาด้วยเสื่อผืนหมอนใบเท่านั้น พวกเขาก็นำเอาวัฒนธรรมความเชื่อกันมาด้วย โบสต์ของชาวคริสเตียนทั้งใน SIBU รัฐ Salawak โบสต์คริสเตียน Sitiawan รัฐเปรัค และสถาปัตยกรรมโบสต์ชาวคริสเตียนที่ อ.นาบอน รูปแบบจึงคล้ายคลึงกัน
 .
หลังจากเส้นทางรถไฟสายใต้เสร็จสิ้น การเดินทางมีความสะดวกมากขึ้น รัฐบาลในประเทศไทยภายหลังจากเส้นทางรถไฟสายใต้สร้างเสร็จก็มีนโยบายเปิดป่าเสรี โดยต้องการเปลี่ยนผืนป่าของเส้นทางรถไฟสายใต้ หรือ “เปลี่ยนป่าให้เป็นชุมชน” มีการส่งข่าวต่อๆ กันไปยังชาวฮกจิวที่อยู่ที่รัฐเปรัคว่า รัฐบาลไทยส่งเสริมให้มีการเปิดป่าเสรี จับจองเปิดป่าได้ให้สิทธิการถือครองที่ดินมากกว่ารัฐบาลของประเทศมาเลเซีย
 .
ในปี 2469 การอพยพย้ายถิ่นฐานชาวจีนฮกจิวเริ่มมากันมามากขึ้น ระยะเวลาเพียงแค่ 10 ปีให้หลังเท่านั้น ชุมชนชาวจีนโพ้นทะเลชาวฮกจิวก็กลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่ในเส้นทางรถไฟสายใต้ เมื่อมีชาวจีนมาอยู่กันมาก ที่นี่มีโบสถ์ของชาวจีนที่เป็นคริสเตียน มีศาลเจ้าจีนมากถึงห้าหกแห่ง มีแหล่งสำนักความเชื่อของลัทธิขงจื้อ เหลาจื้อ อยู่กันในชุมชนชาวจีนโพ้นทะเลที่นี่ 
 
กองกำลังชาติตะวันตกทั้งรัสเซียและสหรัฐอเมริกา กระหน่ำปืนใหญ่เพื่อทำลายเมืองปักกิ่ง เมื่อทราบว่าซูสีไทเฮาให้การสนับสนุนสมาคมของกบฏนักมวยอี้เหอถวน
 
เมื่อผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานถึง 4 ชั่วอายุคนนับแต่แต่เกิดกบฏนักมวย ประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ก็ผ่านเหตุการณ์ทางการเมืองสำคัญในประเทศกันมาหลายต่อหลายครั้ง กว่าจะก้าวหน้ามาถึงวันนี้ คลื่นการสั่นไหวทางการเมืองจากแผ่นดินใหญ่ย่อมส่งผลถึงชุมชนชาวจีนโพ้นทะเลในหนานหยาง พวกเขารับรู้ เคลื่อนไหว สนับสนุน ขัดแย้ง ปะทะกันทางอุดมการณ์ ปะปนผันแปรไปตามกาลเวลาเช่นกัน
 .
หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แผ่นดินใหญ่จีน พรรคคอมมิวนิสต์จีน ประกาศสถาปนาสร้างชาติจีนใหม่ เป็นสาธารณรัฐประชาชนจีน ส่วนจีนคณะชาติ ซึ่งอยู่กับโลกเสรีและรัฐบาลไทยในช่วงนั้น “ชุมชนชาวจีนนาบอน” ก็มีกิจกรรมของจีนคณะชาติ 
 .
หลังปี 2518 โลกเปลี่ยนไป รัฐบาลไทยเปิดสัมพันธไมตรีกับจีนแผ่นดินใหญ่ วันที่ 1 ตุลาคมปีนั้น ผืนธงที่ประดับตกแต่งในชุมชนนาบอนก็เปลี่ยนไป บ้านไหนสนับสนุนก๊กมินตั้งก็มีธงไต้หวันตกแต่งบ้านกัน เพราะรัฐบาลไทยก็ไม่กีดกันที่จะให้ประดับตกแต่งธงชาติตามความนิยม 
 
กองกำลังร่วมชาติตะวันตกกำลังประหารกลุ่มกบฏนักมวยอี้เหอถวน
 
หากนับวันเวลาตั้งแต่ปลายราชวงศ์ชิงที่เกิดกบฏนักมวย ทำให้ชาวฮกจิวอพยพเคลื่อนย้ายถิ่นฐานออกสู่ทะเลใต้หนานหยาง อีกไม่นานก็จะครบ 100 ปีของการสร้างชุมชนชาวจีนโพ้นทะเลที่นาบอน “ฮกจิ้วเนิ้ง” 
 .
แม้พวกเขาเป็นคนไทย เกิดในแผ่นดินไทย แต่มีบรรพบุรุษอพยพกันมาไกลผ่านคลื่นลมของกาลเวลา 3-4 ชั่วรุ่นเข้าไปแล้ว ผ่านเรื่องราวของกบฏนักมวยปลายราชวงศชิง ผ่านกระแสการสร้างชาติของจีนใหม่ยุคเหมาเจ๋อตง  ผ่านนโยบายฝ่านกงต้าลู่ ภายใต้การสนับสนุนของจีนคณะชาติ เพื่อระดมเยาวชนจีนโพ้นทะเลตีโต้แผ่นดินใหญ่ ลูกหลานแม้จะเกิดในแผ่นดินไทย รุ่นพ่อแม่ผมก็เป็นคนไทย เกิดในแผ่นดินไทย แต่ก็มีเรื่องที่น่าสนใจคือ
 .
ความนิยมชื่นชม “จีน” มิได้เสื่อมคลายหรือจางหาย 
 .
พวกเขาร้องเพลงชาติไทย ลูกหลานจบการศึกษาเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ เป็นผู้พิพากษา เป็นทนายความ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นนายอำเภอ แต่เมื่อเกาะฮ่องกงหมดสัญญาบังคับเช่าจากการปกครองของรัฐบาลอังกฤษ และกลับคืนสู่อ้อมกอดอธิปไตยของจีน ชาวนาบอนที่อยู่ห่างไกลกันมากจากเกาะฮ่องกง ต่างก็ร่วมจัดฉลองรื่นเริงยินดีไปด้วย หรือเมื่อมาเก๊าหมดสัญญาการเป็นอาณานิคมจากเจ้าอาณานิคมจักรวรรดิโปรตุเกส คืนกลับสู่อ้อมกอดอธิปไตยของสาธารณะรัฐประชาชนจีน งานเฉลิมฉลองร่วมยินดีของชาวนาบอนก็จัดฉลองใหญ่เช่นกัน
 .
เราในฐานะนักสื่อสารมวลชน นักประวัติศาสตร์ที่สนใจปรากฏการณ์ทางสังคม ก็ได้แต่ตั้งคำถามว่า เมล็ดพันธุ์สำนึกแห่งความนิยมจีน วัฒนธรรมแห่งอี้เหอถวน แม้จะผ่านกาลเวลามานานสักเท่าไหร่ ความนิยมชื่นชม “จีน” ไม่เสื่อมคลายลงไปเลยหรือในแผ่นดินชาวหนานหยาง!!
 


กำลังโหลดความคิดเห็น