รายงาน… เกาะติดสนามเลือกตั้ง’62 / โดย… เมือง ไม้ขม
คงจะเป็นยุคเดียวและขอให้เป็นยุคสุดท้าย ที่การเลือกตั้งสภาผู้แทนราษฎรของประเทศไทยเต็มไปด้วยความ “เละเทะ” และ “สับสนอลมาน” มากไปด้วย “กับดัก” และ “กลโกง” ตั้งแต่การออกแบบรัฐธรรมนูญเพื่อการสืบทอดอำนาจ ด้วยการให้สมาชิกวุฒิสภามี “อิทธิฤทธิ์” ในการ “อุ้มนายกรัฐมนตรี” เข้าสู่ทำเนียบรัฐบาล อันเป็นการ “เอาเปรียบ” พรรคการเมืองและนักการเมืองที่ลงทุนหาเสียงกับประชาชนแทบดิ้นประดาตาย แต่กลับไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
ถือเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกของประเทศไทยที่สมมุติว่า พรรคการเมืองพรรคหนึ่งพรรคใดชนะการเลือกตั้งทั้ง 350 เขต แต่จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ เพราะต้องใช้เสียงในการจัดตั้งรัฐบาล 375 เสียง อีกทั้งสุดท้ายสร้างความสับสนอลหม่านที่เกิดจากการ “ตีความ” ตามกฎหมายแบบ “ศรีธนญชัย” ว่า ตกลงสถานะของนายกรัฐมนตรีประเทศนี้เป็น “อะไรกันแน่” เพราะเมื่อไม่ใช่ “ข้าราชการ” ก็อาจจะเป็นได้แค่ “แขกยาม” กระนั้นหรือ
แต่ไม่ว่าจะอย่างไรวันที่ 24 มีนาคม 2562 นี้ต้องมีการเลือกตั้งแน่นอน ดังนั้นไม่ว่าพรรคการเมืองในฝากฝั่ง “ประชาธิปไตย” จะถูกเอาเปรียบชนิดถ้าเป็น “นักมวย” ก็ถูก “มัดมือชก” เหลือเพียง 2 เท้าที่ยังเดินได้และใช้ในการต่อสู้กับนักการเมืองและพรรคการเมืองที่สนับสนุนการ “สืบทอดอำนาจ” ที่มากความ “อยุติธรรม” ในการเลือกตั้งครั้งนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะสุดท้ายแล้ว “อำนาจ” ชี้ขาดอยู่ในมือของประชาชนทุกคนที่มีสิทธิ์ลงคะแนน ถ้าส่วนใหญ่มี “สำนึกทางการเมือง” วันที่ 24 มีนาคมนี้จะเป็นวัน “ล่มสลาย” ของ “เผด็จการ” อย่างแน่นอน
วันนี้จะนำท่านผู้ที่สนใจการเมืองภาคใต้ไปดูสนามเลือกตั้งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยขอประเดิมที่เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ยะลา ซึ่งต้องถือเป็นสนาม “ชนช้าง” อีกสนามหนึ่งของภาคใต้ ซึ่งผู้สนใจการเมืองต่างจับตามองแบบไม่กระพริบตามาตลอด
เนื่องจากเป็นบ้านของ วันมูหะมัดนอร์ มะทา ผู้มีตำแหน่งเป็นถึง หัวหน้าพรรคประชาชาติ เขาคือนักการเมืองสายเลือดมุสลิมอาวุโสของประเทศ ซึ่งครั้งนี้สนามเลือกตั้งที่อื่นๆ แม้กระทั่งทั่วจังหวัดชายแดนภาคใต้จะแพ้หรือชนะถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่สนาม จ.ยะลาต้อง “ปิดประตูแพ้” เท่านั้น เพราะหากแพ้ที่นี่ แม้ที่จังหวัดอื่นอาจจะกวาดที่นั่งได้ทั้งจังหวัด นั่นก็ต้องถือว่า “แพ้” เพราะบ้านของตนเองแท้ๆ ยังไม่ชนะเลย นั่นย่อมสร้างความเสียหายชนิดหลายแสนแน่นอน ในขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์ แชมป์เก่าและคู่แข่งสำคัญสุดก็คงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาตำแหน่ง ส.ส.เอาไว้ให้ได้
เขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ยะลา มีผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งที่เป็นไทยพุทธและมุสลิมกว่า 30 ชีวิต แต่ที่ถือว่าเป็น“มวยถูกคู่” ที่จะต้องต่อสู้ให้รู้แพ้รู้ชนะกันจริงๆ มีเพียง 3 คน จาก 3 พรรคการเมืองเท่านั้น โดย พรรคประชาธิปัตย์ แชมป์เก่าส่ง ภูริพงศ์ พงษ์สุวรรณศิริ อดีตรองนายก อบจ.ยะลา ทายาทของ ประเสริฐ พงษ์สุวรรณศิริ อดีต ส.ส.หลายสมัยเจ้าของพื้นที่ที่เวลานี้สุขภาพไม่เอื้ออำนวยและต้องพักยาว ถือเป็น “ไทยพุทธ”เพียงคนเดียวที่พรรคส่งลงสมัครในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่เชื่อว่าทั้งบารมีของ “ก๋ง” และ “ป๋า” ที่สั่งสมกันมารุ่นสู่รุ่น เสียงของไทยพุทธและไทยเชื้อสายจีนจะยังเหนี่ยวแน่น
อีกทั้งยังมั่นใจว่าสำหรับพรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผมแล้ว แม้จะส่ง “เสาไฟฟ้า” ลงสมัครก็ยังมีคนเลือกอยู่ดี แต่อย่างไรก็ตามบรรดาคอการเมืองก็ยังเชื่อว่า เลือกตั้ง ส.ส.หนนี้ยังต้องพึ่งพาอาศัยบารมี “อดีตเจ้าอาวาส” ผู้มากมนต์ขลังอย่าง นายหัวชวน-ชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคอย่างเป็นด้านหลัก แล้วเอาบารมีของ เดอะมาร์ค-อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคหรือเจ้าอาวาสคนปัจจุบันเข้ามาหนุนเสริม ซึ่งนั่นน่าจะทำให้ปิดประตูตีแมวเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ยะลานี้ได้เลย
ส่วนคู่แข่งที่จัดว่าต้องจับตาอย่างสำคัญมากที่สุดคือ อาดิลัน อาลีอิสเฮาะ อดีต ส.ท.เทศบาลนครยะลา ทนายความมุสลิมชื่อดัง ซึ่งมีผลงานว่าความให้กับผู้ที่ถูกกล่าวหาในคดีความมั่นคงมานาน จนมีผู้ให้ฉายาว่า “ทนายโจร” แถมได้สวมเสื้อ พรรคพลังประชารัฐ ที่ได้เปรียบไม่น้อยและถูกวางให้กลับมาตั้งรัฐบาลเสียด้วย นอกจากจะมีฐานเสียง ส.ท.รองรับอยู่แล้ว กลับยังจะได้เสียงจาก “กลุ่มลูกความ” ที่น่าจะช่วยกันเทให้ทั้งครอบครัว จึงถือว่าเป็นคู่ชิงแชมป์ที่น่าจับตาดูไม่น้อย
อีกทั้งเวลานี้ยังเป็นที่รับรู้กันว่า อนุมัติ อาหมัด ที่เพิ่งลาออกจาก “สนช.” หมาดๆ อดีต ส.ว.สงขลาผู้มากบารมีในสายมุสลิม เขาได้รับมอบหมายให้เข้ามาช่วยสนับสนุนอีกแรง โดยเฉพาะมีข่าวล่ามาเร็วจาก “อีกาวงใน” คาบมากระซิบว่า ถ้าทำได้ 5 ที่นั่งในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตำแหน่ง “รัฐมนตรี” คือบำเหน็จ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีอดีต “ข้าราชการระดับ 11” ที่ต้องนับว่า “บิ๊ก” มากๆ และอดีตนายทหารระดับ “แม่ทัพ” ได้ใช้คอนเนคชั่นเชื่อมต่อไปทั้งวงการปกครอง ความมั่นคงและศาสนา เพื่อให้สนับสนุนผู้สมัครของ พรรคพลังประชารัฐ ในทุกรูปแบบ ในยามที่ ปชป.แผ่วๆ ลงอย่างนี้มีสิทธิ์จะโค่นแชมป์ได้เลย
ส่วนพรรคสุดท้ายที่หมายมั่นอยากจะ “ปักธง” ในเขตเลือกตั้งที่ 1 จ.ยะลาให้ได้สุดชีวิตเช่นกันคือ พรรคประชาชาติ ที่ส่ง สัญญา สุวรรณโพธิ์ อดีตรองนายกเทศมนตรีนครยะลา และอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลยะลาลงสมัคร ด้วยการส่งเสริมและสนับสนุนอย่างเต็มที่ของ เสี่ยอ๋า-พงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลาผู้มาบารมี เมื่อเอาบารมีของ อ.วันนอร์-วันมูหะมัดนอร์ มะทา มาช่วยหนุนอีกทาง ใช่ว่าหนทางชนะจะเป็นไปไม่ได้
แต่หากนับความอาวุโสทางการเมืองใน 3 ผู้สมัคร ส.ส.ที่กล่าวมานี้ ต้องนับว่า “สัญญา” คือ “ละอ่อน” ทางการเมืองมากที่สุด เพราะเพิ่งเคยสัมผัสกับการเมืองได้ไม่นาน ฐานเสียงเลยยังต้องนับว่าน้อย แถมยังมี “จุดอ่อน” ที่การหาเสียงดูแล้วไม่ค่อยมีทีมเวิร์ค แถมตัวเองยังไม่สามารถสลัดคราบ “ผู้อำนวยการ” และ “รองนายกเล็ก”ให้พ้นไป แต่จุดแข็งก็มีให้เห็นคือ ทั้ง อ.วันนอร์และ เลขาทวี-พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อดีตเลขาธิการ ศอ.บต. ที่มานั่งเป็นเลขาพรรค ได้ทุ่มเทช่วยหาเสียงให้เต็มที่ จนอาจจะทำให้ได้เสียง “คนรอบนอก” เป็นกอบเป็นกำ
แต่แม้ว่า พรรคประชาชาติ จะนำเสนอในนโยบายเพื่อตีใจคนจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย “พหุวัฒนธรรม” และ ส่งผู้สมัครที่เป็น “ไทยพุทธ” เพื่อชนกับ พรรคประชาธิปัตย์ แต่ความใหม่ของพรรคและความใหญ่ของผู้สมัคร ทำให้เสียงตอบรับยังไม่ชัดเจนเพียงพอ
อย่างไรก็ดีเมื่อตรวจสอบฐานคะแนน ณ วันนี้พบว่า พรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 8 ยังเต็งหนึ่ง ตามมาด้วย พรรคพลังประชารัฐ หมายเลข 4 และ พรรคประชาชาติ หมายเลข 2 ที่คะแนนน่าเกาะกลุ่มกันมาแบบไม่ทิ้งห่าง ซึ่งจะต้องดูว่าเวลาที่เหลืออยู่ไม่มาก ทั้งนักผู้สมัครและพรรคที่สังกัดจะใช้ “กลยุทธ” อะไรหรือแบบไหนเรียกคะแนนเพื่อให้แซงเข้าวินได้เป็น ส.ส.เขต 1 จ.ยะลา
แต่ที่แน่ๆ เวลานี้น่าจะ “วิชามาร” เกิดขึ้นแล้ว เพราะมีผู้สนับสนุนพรรคการเมืองที่ยืนอยู่ตรงข้ามฝ่ายประชาธิปไตยพรรคหนึ่ง เบิกเงินจากสถาบันการเงินแห่งหนึ่งไป 3 ล้านบาท แถมขอรับเฉพาะ “แบงก์ 500” กับ “แบงก์ 100” ว่ากันว่าน่าจะนำมาใช้ “ยิงสลุต” ในสนามเลือกตั้งหนนี้นั่นเอง