ศูนย์ข่าวภูเก็ต - รองผู้ว่าฯภูเก็ต พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจสอบการก่อสร้างบ้านพักตากอากาศหรูริมทะเลอ่าวแสน กำชับเทศบาลราไวย์ตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด สั่งรื้อแล้วระเบียง และทางเชื่อมสระว่ายน้ำสร้างผิดแบบ
นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เปิดเผยถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการก่อสร้างโครงการบ้านพักตากอากาศหรู บนเนินเขาอ่าวแสน หมู่ที่ 1 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ของนักธุรกิจกรุงเทพฯ จำนวน 4 หลัง ซึ่งขณะนี้การก่อสร้างมีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 70% หลังมีการร้องเรียนและตรวจสอบพบว่า มีการก่อสร้างผิดไปจากแบบที่ทางเทศบาลตำบลราไวย์อนุญาต และล่าสุด เมื่อต้นเดือน ก.พ.2562 ที่ผ่านมา ทางเทศบาลตำบลราไวย์ได้มีคำสั่งระงับการก่อสร้างไปแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนให้ทางเจ้าของโครงการยื่นขออนุญาตดัดแปลงการก่อสร้างให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา นายประกอบ วงศ์มณีรุ่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย ว่าที่ ร.ต.วิกรม จากที่ นายอำเภอเมืองภูเก็ต นายทวี หอมหวล โยธาธิการและผังเมืองภูเก็ต นายอรุณ โสฬส นายกเทศมนตรีตำบลราไวย์ เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมภูเก็ต ปลัดเทศบาลตำบลราไวย์ ผอ.กองช่าง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่การก่อสร้างโครงการบ้านพักตากอากาศหรู ทางไปอ่าวแสน และหาดกระทิง เพื่อตรวจสอบการก่อสร้างดังกล่าวว่าเป็นไปตามคำสั่งของเทศบาลตำบลราไวย์ ได้มีการปรับปรุงแบบให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ครั้งแรกเมื่อปีที่ผ่านมา หรือไม่
โดยทางเทศบาลได้มีคำสั่งให้ทางโครงการแก้ไขปรับปรุงในส่วนของการก่อสร้างอาคารที่การถอยร่นจากถนนจะต้องเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด การเชื่อมตัวของตัวอาคารทั้ง 4 อาคารเข้าด้วยกัน เนื่องจากที่ดินดังกล่าวสามารถสร้างได้เฉพาะบ้านเดี่ยวเท่านั้น รวมไปถึงก่อสร้างอาคารจาก 3 ชั้น ให้เหลือ 2 ชั้น และจาก 2 ชั้น เหลือ 1 ชั้น ซึ่งจากการตรวจสอบปรากฏว่าได้มีการรื้อทุบทิ้งในส่วนที่ผิดกฎหมายจริง
แต่ทางโครงการได้มีการก่อสร้างที่ผิดไปจากแบบที่อนุญาตอีก จากการตรวจสอบเมื่อต้นเดือน ก.พ.2562 ที่ผ่านมา โดยตรวจพบว่า มีการก่อสร้างสระว่ายน้ำด้านหน้าโครงการที่ติดทะเลสามารถมองเห็นวิวทะเลได้อย่างสวยงาม รวมถึงระเบียง และทางเชื่อมต่อไปยังสระว่ายน้ำ ทั้งๆ ที่ในแบบที่เทศบาลอนุญาตไม่มีการก่อสร้างดังกล่าว ซึ่งทั้งหมดนี้เทศบาลได้มีคำสั่งให้หยุดการก่อสร้างไปแล้ว และให้ยื่นขอดัดแปลงการก่อสร้างให้เจ้าหน้าที่พิจารณาภายใน 30 วัน หากครบ 30 วัน ไม่ดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ทางเทศบาลสามารถสั่งรื้อและแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของระเบียง และทางเชื่อมไปยังสระว่ายน้ำนั้น จะต้องรื้ออย่างแน่นอน และทางเทศบาลได้สั่งรื้อแล้ว ส่วนสระว่ายน้ำรอให้ครบ 30 วัน หากไม่ดำเนินการจะเข้ารื้อทันที
นายอรุณ กล่าวต่อว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการดังกล่าว รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ได้สั่งการให้ทางเทศบาลดำเนินการให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ซึ่งที่ผ่านมา ทางเทศบาลได้มีการตรวสอบ และหากพบว่ามีการก่อสร้างที่ผิดจากแบบที่อนุญาตก็ได้ดำเนินการสั่งระงับการก่อสร้างและให้ทางโครงการดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดมาโดยตลอด