xs
xsm
sm
md
lg

ทษช.เปิดปราศรัยภูเก็ต-พังงา ชี้รัฐบาล คสช.บริหารประเทศล้มเหลว ภูเก็ตต้องกำหนดทิศทางพัฒนาเอง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภูเก็ต-พังงา - พรรคไทยรักษาชาติ เปิดปราศรัยใหญ่ ภูเก็ต พังงา โจมตีรัฐบาล คสช.บริหารประเทศมา 5 ปี บริหารล้มเหลว ชี้ภูเก็ตมีศักยภาพสูงทำรายได้จากการท่องเที่ยว สมควรได้กำหนดทิศทางในการพัฒนาเอง

เมื่อเวลา 17.30 น. วานนี้ (5 มี.ค.) ที่ห้องพระพิทักษ์แกรนด์บอลรูม โรงแรมเมโทรโพล อ.เมือง จ.ภูเก็ต พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) นำโดยนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรคฯ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกูล และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ที่จังหวัดภูเก็ต โดยมีแกนนำพรรค ผู้สมัครสมาชิกผู้แทนราษฎร จ.ภูเก็ต เขตเลือกตั้งที่ 1 นายชลสิทธิ แก้วยะรัตน์ ผู้สมัครสมาชิกผู้แทนราษฎร จ.ภูเก็ต เขตเลือกตั้งที่ 2 นายหัสรณ อาวัชนาการกุล ตลอดจนผู้ให้การสนับสนุนมารับฟังการปราศรัยจำนวนประมาณ 1,000 คน บรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย

สำหรับภาพรวมของการปราศรัย ได้พูดถึงนโยบายของพรรคเป็นหลัก และมีการอ้อนขอคะแนนเสียงให้มาสนับสนุนผู้สมัครของพรรคไทยรักษาชาติทั้ง 2 เขต หากไม่ต้องการให้เผด็จการกลับมาอีก และจะมีปัญหาดังเช่นที่เป็นอยู่ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ ได้กล่าวถึงนโยบายของพรรคหากได้เป็นรัฐบาลว่า จะพลิกฟื้นเศรษฐกิจ สร้างโอกาสใหม่ เพิ่มรายได้ กระจายมั่งคง สังคมเป็นสุข ภายใต้ 12 แนวทาง ได้แก่
 
เร่งสร้างความเชื่อมั่นเพื่อฟื้นฟูการลงทุน, เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร และดูแลพืชผลเกษตรที่ตกต่ำ, เร่งการส่งออก, ลดงบประมาณที่ไม่จำเป็น, ลดการผูกขาด ไม่เอื้อทุนใหญ่, สร้างความมั่งคั่งใหม่, สานต่อโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคพลัส, นำปัญหาสิ่งแวดล้อมให้เป็นวาระแห่งชาติ จัดการมลพิษอย่างจริงจัง, พลิกโฉมการศึกษาสู่ศตวรรษที่ 21, เตรียมพร้อมสู่สังคมสูงวัย, เร่งแก้ปัญหายาเสพติดและฟื้นฟูประชาธิปไตย

ขณะที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์ฯ กล่าวถึงจังหวัดภูเก็ตสรุปได้ว่า ภูเก็ตเป็นเมืองที่มีศักยภาพสูง หากมีการบริหารจัดการที่ดีและได้รับการพัฒนาไปอย่างถูกทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแก้ปัญหาจราจร การส่งเสริมการท่องเที่ยว ซึ่งมีนโยบายชัดเจนในเรื่องของความปลอดภัยและจะต้องไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ มีการเชื่อมโยงกับจังหวัดใกล้เคียงและประเทศเพื่อนบ้าน นอกจากนี้ ยังมองว่าภูเก็ตยังมีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางทางด้านต่างๆ เช่น เรือยอชต์ การแพทย์ การศึกษา เป็นต้น

นอกจากนี้ที่สำคัญคือ ต้องให้มีคนภูเก็ตได้มีส่วนร่วมเสนอนโยบายในการที่จะพัฒนาและแก้ปัญหาทางด้านต่างๆ ไม่ใช่เป็นนโยบายมาจากรัฐบาล โดยรัฐบาลกลางมีหน้าที่สนับสนุนเพื่อให้การพัฒนานั้นเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง เพื่อให้คนภูเก็ตทุกกลุ่มได้ผลประโยชน์ที่เท่าเทียมกัน ไม่ใช่กระจุกอยู่เพียงกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ทั้งหมดไม่ได้พูดเพื่อเอาใจ แต่ทุกอย่างได้มีการวิเคราะห์มาแล้ว

“และจากประสบการณ์ที่ตนเคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลายๆ กระทรวง เช่น การศึกษา สิ่งแวดล้อม เป็นต้น ทำให้ตนทราบว่าภูเก็ตมีศักยภาพสูง และเป็นแหล่งรายได้สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้น จึงจำเป็นที่จะต้องมีทิศทางและนโยบายซึ่งต้องให้คนภูเก็ตกำหนดเอง” นายจตุรนต์ กล่าวในที่สุด

ขณะที่โรงแรมเอราวัณ ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา พรรคไทยรักษาชาติ นำโดย นายจาตุรนต์ ฉายแสง หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ พรรคไทยรักษาชาติ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายประภัส จงสงวน นายกฤษ ศรีฟ้า น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรค ทษช. นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล ผู้สมัคร ส.ส.จ.แพร่ นายเจษฎา โกลิบุตร ผู้สมัครหมายเลข 5 จ.พังงา และคณะทีมงานไทยรักษาชาติ มีผู้เข้าร่วมฟังปราศรัยประมาณกว่า 1,000 คน พร้อมชี้แจงนโยบายพรรคไทยรักษาชาติ และเชิญชวนประชาชนให้ไปเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค.62 เลือกพรรคไทยรักษาชาติ

ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และผู้สมัคร ส.ส.เขต จ.พังงา ขึ้นปราศรัย กล่าวถึงรัฐบาล คสช.บริหารประเทศมา 5 ปี บริหารล้มเหลว ทำให้ประเทศเกิดปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ ปัญหาการประมงที่ทำตามแผนของ IUU แต่ไม่เหมาะกับประเทศไทย ทำให้ปัญหายังไม่สามารถแก้ไขได้ โดยครั้งนี้ทางพรรคชูนโยบายการพัฒนาการท่องเที่ยวของจังหวัดพังงา แก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศให้พัฒนาก้าวทันประเทศเพื่อนบ้าน โดยเพื่อหวังเก้าอี้ในจังหวัดพังงา หลังจากปราศรัยในพื้นที่เสร็จได้เดินทางเข้าปราศรัยในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ต่อไป

โดย นายจาตุรนต์ ฉายแสง หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ พรรคไทยรักษาชาติ กล่าวว่า ในการลงพื้นที่หาเสียงภาคใต้ในครั้งนี้ ทางพรรคพูดถึงนโยบายการบริหารประเทศ และมาตอกย้ำให้พี่น้องภาคใต้ถึงรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นรัฐบาลที่บริหารประเทศมา 5 ปี ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ควรเปิดโอกาสให้พรรคอื่นมาบริหารประเทศบ้าง ตนเองไม่ได้ต้องการมาเปรียบเทียบนโยบายพรรคไทยรักษาชาติกับพรรคประชาธิปัตย์ แต่เรามาบอกกับพี่น้องภาคใต้ว่าเราเชื่อว่า นโยบายของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้นำมาใช้ในรัฐบาลหน้า และเราก็เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งก็เป็นนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์

เพราะจนถึงขณะนี้ นายอภิสิทธิ์ และแกนนำของพรรคยังไม่พูดเลยว่าจะไม่ร่วมกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเชื่อได้ว่าพรรคประชาธิปัตย์มีแนวทางจะร่วมกับพรรค พล.อ.ประยุทธ์ เราจึงต้องช่วยกันไม่สนับสนุนพรรคที่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศได้ และสำหรับเรื่องร่วมกับพรรคพันธมิตรถ้าพรรคการเมืองใดไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อสืบทอดอำนานรัฐก็สามารถร่วมกับเราได้

นายจตุรนต์ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้า คสช. มีอำนาจต่อบุคคลโดยชัดเจน ถือว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ซึ่งหากมีการวินิจฉัยก็อาจจะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ขาดคุณสมบัติก็เป็นได้ กลายเป็นเอาเปรียบอยู่ตลอดเวลา ถ้าตรงไปตรงมาจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ ควรจะลาออกจากการการเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ


กำลังโหลดความคิดเห็น