xs
xsm
sm
md
lg

“ย่านการค้าตลาดสันติสุข” กลางเมืองหาดใหญ่ ทำอย่างไรจะคงสีสันและมนต์เสน่ห์ไว้ไม่ให้เสื่อมคลาย?!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

รายงานโดย...ศูนย์ข่าวหาดใหญ่

 
พลันที่ “ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง (ชปพ.ปค.)” นำกำลังเจ้าหน้าที่ “อส.ท่าสาป” จาก จ.ยะลา พร้อมอาวุธปืนนับร้อยนาย บุกจู่โจม “ตลาดสันติสุข” ย่านการค้าชื่อดังเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยปิดล้อมและเข้าจับกุมผู้ค้าขายรายย่อยสมาชิกเครือข่าย “ชมรมผู้ค้าปลีกหาดใหญ่” ยึดนาฬิกาละเมิดลิขสิทธิ์ยี่ห้อดังกว่า 2,280 เรือน มูลค่าความเสียหายร่วม 700 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 ก.พ.2562 ที่ผ่านมา

กระแสเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ตามมาหลังจากนั้น แม้จะมีความหลากหลายทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยต่อการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ที่กังวานก้องกลับออกไปในท่วงทำนอง เหตุการณ์นี้เป็นเหมือนการ “กระทืบซ้ำ” ภาวะ “เศรษฐกิจเมืองหาดใหญ่” ซึ่งหักหัวทิ้งดิ่งลงอย่างต่อเนื่องนานนับปีมาแล้ว ให้ได้ลงไปอยู่ใกล้ก้นเหวเร็วขึ้นไปอีก

สำหรับย่านตลาดสันติสุขถือเป็นอีกสีสัน ที่มากมนต์เสน่ห์ของเมืองหาดใหญ่มานานกว่าครึ่งศตวรรษ จากที่เคยเป็นแหล่งรวมของ “ตลาดสินค้าหนีภาษี” ได้พัฒนาปรับตัวมาอย่างต่อเนื่อง แม้วันนี้มนต์เสน่ห์จะหดหายไปมาก แต่ก็ยังเป็นที่รู้จักในนาม “ตลาดสินค้าเกรดเอ” โดยเฉพาะกับสินค้าประเภทนาฬิกา และอื่นๆ
 สมือนชื่อเรียกรวมๆ ของย่านค้าปลีกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะกลางเมืองหาดใหญ่แห่งนี้ โดยรวมเอาตลาดแผงทอง ตลาดเอเชีย ตลาดยงดี และอีกหลายตลาดที่กระจัดกระจายอยู่ในย่านนั้น ในสมัยรุ่งเรืองแบบสุดๆ เคยมีแผงค้ารวมๆ แล้วกว่า 400 แผง แต่ในวันนี้กลับยังหลงเหลืออยู่เพียงประมาณ 100 แผง บางตลาดปิดตัวเองไปแล้วอย่างตลาดยงดี เป็นต้น

สิ่งนี้คืออีกดัชนีที่ชี้ชัดว่า เศรษฐกิจของเมืองหาดใหญ่เวลานี้อยู่ในภาวะตกสะเก็ดในระดับไหน มิพักต้องคำนวณออกมาเป็นตัวเลขก็รับรู้กันได้ และนั่นย่อมต้องสร้างผลกระทบต่อ “บรรดาผู้ค้าปลีก” ของตลาดการค้าอันมีอัตลักษณ์เฉพาะย่านกลางเมืองหาดใหญ่แห่งนี้มากน้อยแค่ไหน
 
ว่ากันว่าบรรดาเจ้าของแผงค้าในย่านนี้ต่างเดือดร้อนไปตามๆ กัน หลังจากมีปฏิบัติการกวาดล้างจับกุมสินค้าเกรดเอระลอกล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จากที่รายได้หดหายจนแทบจะอยู่ไม่ได้กันอยู่แล้ว เวลานี้มีการยืนยันว่า พ่อค้าแม่ค้าเจ้าของแผงยอมที่จะหันหลังให้อาชีพนี้ไปอีกแล้วจำนวนหลายราย โดยเฉพาะรายที่ถูกจับประกาศเลิกกิจการแล้วถึงกว่า 30%

หากย้อนมองไปในอดีต สมัยเศรษฐกิจเมืองหาดใหญ่เคยรุ่งเรืองถึงขีดสุด ทั้งจากธุรกิจสถานบันเทิงและสินค้าหนีภาษี โดยเฉพาะสินค้าหนีภาษีนั้นโด่งดังระดับประเทศ ใครมาเที่ยวหาดใหญ่ก็ไม่พลาดจะไปเดินเลือกดูสินค้าหลากหลายชนิด โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าที่หลายคนตั้งใจมาซื้อ
 
แต่เมื่อที่ใดมีผลประโยชน์ ที่นั่นย่อมมีปัญหา หาดใหญ่ในอดีตจึงมีการตั้งสมาคมการค้าซ้ำซ้อนในธุรกิจเดียวกันขึ้นมาหลายแห่ง มีการตัดราคากัน มีความขัดแย้งกันระหว่างสมาคม จนหน่วยงานราชการต้องเข้ามาดูแล ถึงขั้นมีการเชิญผู้มากบารมีอย่าง “เจ้าสัวโค้กภาคใต้-ร.ต.ไพโรจน์ รัตตกุล” อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัทหาดทิพย์ มานั่งในตำแหน่ง “ประธานสมาพันธ์ธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา” ซึ่ง ร.ต.ไพโรจน์ เคยกล่าวถึงเรื่องนี้ไว้ในงานแสดงมุทิตาจิตในโอกาสที่เขาอายุครบ 76 ปี เมื่อปี 2552 ว่า
 
“ผมได้รับการขอร้องให้ดำรงตำแหน่งประธานสมาพันธ์ธุรกิจท่องเที่ยวของจังหวัดสงขลา และต่อมา ได้ทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการการทำงานสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ”

ประธานคนต่อๆ มาก็ยังคงเป็นผู้มากบารมีในหาดใหญ่ เช่น “เฮียเก๊า-นายนิมิตร ชัยจีระธิกุล” นักธุรกิจใหญ่ด้านการขนส่งระหว่างประเทศ ซึ่งมารับตำแหน่งในปี 2542 โดยมี นายบัญญัติ จันทน์เสนะ ผู้ว่าราชการสงขลาในขณะนั้นเป็นผู้ส่งเทียบเชิญ นอกจากนี้ ยังมี “บิ๊กฉิ่ง-พล.อ.กิตติ รัตนฉายา” แม่ทัพภาคที่ 4 ในขณะนั้นก็โดดลงมาพา “3 ทหารเสือ” อันประกอบด้วย นายอำเภอหาดใหญ่ นายทหารระดับเสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 และผู้บังคับการตำรวจจังหวัดสงขลามาจับมือกันช่วยดูแล
 
เมื่อสินค้าหนีภาษีในหาดใหญ่เริ่มคลายมนต์ขลัง เมื่อประเทศไทยเข้าร่วมเขตเศรษฐกิจพิเศษอาเซียน หรือ AEC และเริ่มนำร่องในพื้นที่ชายแดนของไทยในปี 2557 ซึ่งมีผลให้มีการลดภาษีนำเข้าสินค้าหลายรายการเหลือ 0% ประกอบกับบรรดากลุ่มทุนทั้งไทยและเทศรุกเข้ามาสร้างห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ในเมืองหาดใหญ่ จึงทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าหนีภาษีหลายตัวในเมืองหาดใหญ่ไม่อาจสู้เรื่องราคาได้ เจ้าของแผงค้าย่านตลาดสันติสุขจึงพากันเลิกลากันไปหลายราย

อย่างไรก็ตาม สินค้าลอกเลียนแบบยี่ห้อดัง หรือที่เรียกกันว่า “ก๊อบเกรดเอ” ที่ยังอยู่ได้ เพราะราคาที่ต่ำกว่าของจริงมาก นอกจากนี้ยังพอเห็นได้ในหาดใหญ่คือ “หนังและซีรีส์” ที่นำเข้ามาจากฝั่งมาเลเซีย ซึ่งก็ต้องไปลุ้นกันว่า จะเจอซับนรก หรือกูเกิลช่วยแปลหรือไม่ รวมไปถึงหนังประเภท “โป๊ไหมพี่” และ “เซ็กซ์ทอย” ที่วางขายกันให้เห็นกันจะจะ
 
ที่ผ่านมา มีความพยายามหนุนเนื่องของหลายภาคส่วนเพื่อนำไปสู่การปรับตัวของภาคธุรกิจในเมืองหาดใหญ่ ทั้งการปรับตัวด้านการท่องเที่ยว ที่ปัจจุบันนักท่องเที่ยวเริ่มเข้ามากันแบบเป็นครอบครัว ไม่ใช่มาเพื่อสถานบันเทิงเหมือนในอดีต หรือความพยายามสร้างให้หาดใหญ่เป็นเมืองแบรนด์เนม พลิกจากหน้าเดิมที่เป็นเมืองหนีภาษี ที่แม้จะมีห้างใหญ่อย่างเซ็นทรัล เฟสติวัล เข้ามา แต่ก็ยังไม่ทำให้เศรษฐกิจเมืองหาดใหญ่ให้กลับมาคึกคักได้เหมือนเดิม

วันนี้จึงเหมือนมีคำถามคาใจหลายคนว่า เมืองหาดใหญ่จะเดินหน้าต่อไปในทิศทางใด? จะทำอย่างไรในขณะที่สภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศยังซบเซาอย่างนี้? จะทำอย่างไรในขณะที่คู่แข่งของหาดใหญ่เริ่มเติบโตมากขึ้นขนาดนี้?
 
“ตลาดสินค้าเกรดเอ” จะไปทางไหนดี? ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลง เพื่อให้คงมนต์เสน่ห์และสีสันของเมืองหาดใหญ่ไว้ให้ได้?!
 





กำลังโหลดความคิดเห็น