xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อ “เรือนจำ” มี “พระอรหันต์” เข้าไปอยู่ก็น่าจะแปรจากที่รวมคนทุกข์ เป็นที่ฝึกฝนคนเพื่อผดุงคุณธรรมค้ำจุนแผ่นดินได้

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

 
คอลัมน์  :  จากนาบอนถึงริมฝั่งเจ้าพระยา
โดย  :  ยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที  ผู้ดำเนินรายการสภากาแฟ NEWS 1
 
ลุงจำลองแต่งชุดขาวเต็มยศในวันเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพในหลวง ร.9 (ซ้าย) ผู้เขียนพูดคุยหารือกับลุงจำลอง (ขวา)
 
เช้าวันเสาร์ที่16 กุมภาพันธ์ 2562 ผมนัดหมายกับ พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ดร.ประยูร อัครบวร พี่หลิน และหลานของลุงจำลอง เรานัดรวมตัวกันเดินทางไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เพื่อไปเยียมแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยทั้ง 6 คน ได้แก่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง คุณสนธิ ลิ้มทองกุล อ.พิภพ ธงไชย อ.สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ พี่สมศักดิ์ โกศัยสุข และ อ.สุริยะใส กตะศิลา ซึ่งเพิ่งถูกคำพิพากษาศาลฎีกาอันเป็นข่าวฮือฮาเมื่อไม่กี่วันมานี้
 
วันนั้นเราพบ “ลุงจำลอง” ในเสื้อสีฟ้าอ่อนที่ทางเรือนจำพิเศษกรุงเทพให้สวมใส่ ลุงจำลองทักทายพูดคุยกับคนที่ไปเยี่ยมชนิดแน่นห้องเยี่ยม เราสนทนาผ่านกระจกและที่กั้นระหว่างคนในเรือนจำกับผู้มาเยี่ยม เพื่อให้ทุกคนได้ทักทายสมที่ตั้งใจกันเดินทางไปกันในครั้งนี้ ลุงจึงบอกบอกกับทุกคนว่า
. 
“นี่นะ กว่าจะเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ ไม่ง่ายเลยนะ..คนธรรมดาก็เข้าไม่ได้หรอก เรานี่ต้องอยู่ข้างถนนเหมือนหมาจรจัดข้างถนนกันตั้ง 393 วัน 393 คืน”
.
ลุงจำลองพูดไปพูดไปพร้อมรอยยิ้มเต็มแก้ม
.
แต่ทำไมน้ำตาลุงเอ่อล้นตา?!
.
ลุงจำลองเมื่อครั้งเข้านมัสการท่านพุทธทาส
 
เราได้แต่ตั้งใจฟัง เงี่ยหูอย่างจดจ่อกับสิ่งที่ลุงจะสื่อออกมา ทำให้รู้ว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ยามใดที่ลุงเล่าเรื่องความภาคภูมิใจให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานฟัง น้ำตาจะเอ่อล้นเป้าให้ตาชื้นอยู่บ่อยครั้ง อันเป็นอาการแห่งความปีติทุกครั้งคราที่ได้เล่า ได้นึกถึงเรื่องราวสำคัญๆ ในอดีต
 
หลังๆ มานี้ผมเองได้ใกล้ชิดลุงอยู่บ้าง ยามลุงแวะมาทำธุระที่สถานี NEWS 1 เพื่อหารือหรือสั่งความเกี่ยวกับเรื่องโครงการส่งเสริมปุ๋ยอินทรีย์จำหน่ายราคาถูกๆ ให้เกษตรกรได้นำไปฟื้นฟูดิน
 
เราถามแหย่เจ้าหน้าที่เรือนจำว่า เราเข้าไปอยู่ด้วยได้ไหม โดยจะจัดเวรยามหมุนเวียนไปนวด ไปบีบแข้งขา ไปช่วยเติมธาตุไฟให้ลุง ซึ่งผมคนหนึ่งล่ะที่จะอาสาเข้าไปด้วย และคงมีคนอยากเข้าไปจำนวนไม่น้อยเช่นกัน แค่ดูจากวันนี้ที่ห้องเยี่ยมแน่นแออัดเสียเหลือเกิน ต้องหมุนเวียนคนละนาทีสองนาที เพื่อให้ได้เห็นหน้าลุงกันครบทุกคน
 
หากลุงไม่อยู่ในเรือนจำ หลายต่อหลายคนคงไม่ได้มากันพร้อมหน้า วันนี้เลยวัย 83 ปีไปแล้ว กำลังจะย่างเข้าสู้ปีที่ 84 ของชีวิตและจะครบเดือนกรกฎาคม 2562 ที่จะถึงนี้
 
ลุงจำลองมักจะเล่าประสบการณ์ งานที่คั่งค้าง หรือโครงการที่จะทำ แม้อายุใกล้ 100 ปีเข้าไปทุกที แต่ไฟแห่งความฝันยังมากมาย ไม่เชื่อลองไปติดตามเรื่องราวของ “สหคลนิค พลตรีจำลอง ศรีเมือง” หรือ “มูลนิธิ พลตรี จำลอง ศรีเมือง” เอาเฉพาะแค่ 2 องค์กรนี้ของลุงก็ได้ช่วยคนยากคนจนด้วยเครื่องมือล้างไตหรือฟอกไตที่ใหญ่และมากที่สุด เพื่อต่อชีวิตมนุษย์ให้มีลมหายใจอยู่ในโลกใบนี้กันต่อ
 
ปัจจุบันมีเครื่องฟอกไตถึง 119 เครื่อง สามารถรองรับคนที่มาฟอกไตได้วันละ 300 คน แถมให้บริการด้วยราคาที่ถูกแสนถูกให้กับคนมีรายได้น้อย โดยผู้สนับสนุนหลักในเรื่องนี้ให้กับลุงก็คือ “นายแพทย์ชาวญี่ปุ่น” ผู้ที่รักและศรัทธาลุง เขาบริจาคเครื่องไม้เครื่องมือให้ลุงมาดูแลคนยากคนจน เวลานี้คุณหมอญี่ปุ่นท่านนี้ก็ได้ลาจากโลกไปหลายปีแล้ว
 
วันไปศาลทุกครั้งลุงจำลองจะถือถุงใส่เอกสาร น้ำและกล้วยน้ำหว้า (ซ้าย) ที่ทำงานของลุงจำลองอยู่ทุกหนทุกแห่ง (ขวา)
 
ส่วนเรื่อง “โรงเรียนผู้นำ” ที่ตั้งอยู่ จ.กาญจนบุรี ทุกวันนี้ยังกลายเป็นแหล่งสอนคนให้ดูแลสุขภาพ เปิดคอร์ส “ล้างพิษตับ” ผู้คนไปเรียนรู้ฝึกทักษะการถนอมตับ ดูแลตับช่วงหลายปีมานี้นับหมื่นคน แม้ตับคนจะตับใครตับมัน แต่ทักษะความรู้ได้ช่วยให้กระบวนการยืดชีวิตมนุษย์ถ้วนหน้า เพื่อให้เขาเหล่านี้มีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่ต้องพึ่งยา ตอนมีรายชื่อผู้ลงทะเบียนบันทึกเอาไว้หลายหมื่นคนเข้าไปแล้ว
 
ปีนี้ลุงจำลองอายุย่างสู่วัย 84 ปี ก่อนจะขึ้นปีใหม่ที่ผ่านมามีข่าวว่าลุงไม่สบาย ผมเองก็ตรวจสอบข่าวไปทางพี่แรงอารีว่า ลุงเป็นอย่างไรบ้าง ก็ได้รับคำตอบว่าเที่ยวนี้หนักเอาการ ด้วยกำลังสังขารที่ทำงานหนักมาตลอด สุขภาพของลุงยามที่หนักลุงก็ให้เราสื่อสารออกไปว่า...
. 
“ไม่เป็นไร ป่วยไข้เล็กน้อย”
. 
ตอนที่ลุงป่วยก่อนนี้เข้าโรงพยาบาลพระมงกุฎฯ ผมมีโอกาสไปเยี่ยมลุง ฟังจากเสียงไอของลุงก็ดูจะหนักเหนื่อยตามสังขาร เราก็ปกปิดไม่บอกให้แฟนๆ คนที่รักลุงทราบ เมื่อสอบถามกันเข้ามา เราก็บอกแต่ความเป็นไปในทางบวก ซึ่งก็ทำให้ทุกคนก็สบายใจหรือคลายใจหายห่วงใยไปตามๆ กันว่า
.
“ลุงแข็งแรงแล้ว..ดีขึ้นแล้ว”
.
คนรักลุงมาก ลุงเป็นที่รักของคนจำนวนมาก มหาบุรุษท่านนี้ทำไมคนรักเขามาก ผมเองก็เคยขบคิดเรื่องนี้ แล้ววันนี้ก็เข้าใจในคำตอบนั้นแล้ว
 
ลุงจำลองกับป้าลักษณ์
 
ลุงจำลองได้รับรางวัลแมกไซไซปี 2535 จากนั้นปี 2545 ผมเองในฐานะสื่อมีโอกาสตามลุงไปบ้านของ Dr.Kim Yong KI ประเทศเกาหลีใต้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่าง “โรงเรียนคันนาอาน” โรงเรียนฝึกผู้นำชาวนาแห่งเกาหลีใต้ กับ “โรงเรียนผู้นำ” ของไทยที่ จ.กาญจนบุรี
 
การไปครั้งนั้นผมได้ประจักษ์ด้วยตาตัวเองว่า กัปตันและพนักงานของสายการบินเกาหลีถึงกับยืนให้ต้อนรับลุงจำลองอย่างเป็นพิเศษของเที่ยวบินนั้น กัปตันของสายการบินเกาหลีเรียกชื่อลุงว่า “มิสเตอร์จำนง” หลังจากนั้นกัปตันก็ถอดนาฬิกาที่ข้อมือยื่นให้ลุง พร้อมบอกกับลุงว่าโปรดรับนาฬิกาของผมไปด้วย เพื่อเอาไปทำอะไรก็ได้ให้เกิดประโยชน์ต่อไป
. 
เข้าเรือนจำหนนี้ลุงบอกว่า ชีวิตนี้เคยได้เข้ามาหลายหน ครั้งละวันหรือสองสามวัน แต่เที่ยวนี้ลุงบอกว่าอาจจะนานหน่อยถึง 8 เดือนตามคำพิพากษาของศาลฎีกา
.
ผมเองไม่ได้เป็นคนกินมังสวิรัติ ไม่ได้เป็นชาวอโศก แต่ก็มีคนพยายามบอกว่า ผมเป็นสาวกของลุงจำลอง ซึ่งจริงๆ อยากจะบอกว่า เราเป็นคนรักลุงจำลองต่างหาก ยิ่งผ่านวันเวลามานานวันก็ยิ่งรักมากขึ้น หากลุงโทรมาหา รู้ว่าเป็นเบอร์ของลุงจำลอง ผมจะรีบโทรกลับทันที หากลุงนัดหมาย ผมจะทิ้งหมายนัดอื่นๆ เพราะหมายนัดของลุงต้องมาก่อนเสมอ ลุงจำลองเป็นคนที่เรารัก เป็นคนสำคัญของเรา ไม่ใช่เพราะท่านมีชื่อเสียง แต่เพราะส่วนตัวผมถือว่าท่านเป็น
.
“มหาบุรุษ”
.
เป็นมหาบุรุษที่บำเพ็ญตนมานาน หากเป็นพระก็ช่างงดงาม เคร่งครัดในพระวินัย จะกิน จะใช้ จะขบฉัน คิดตลอดเวลาว่าเบียดเบียนโลกใบนี้หรือไม่
.
ส่วนหนุ่งของลายมือลุงจำลองที่ผู้เขียนเก็นสะสมไว้กว่า 10 มาแล้ว
 
ยามต้องขึ้นโรงขึ้นศาล ลุงไปศาลบ่อยเสียด้วยในช่วงอายุเลยวัยแห่งตัวเลข 80 วันไหนอยู่เมืองกาญจนบุรีก็ตื่นแต่เช้ามืดเพื่อวางแผนการเดินทาง ลุงนั่งรถ บขส.มาจากเมืองกาญจน์แต่เช้ามืด แล้วนั่งแท็กซี่ในกรุงเทพฯ ต่อมาถึงศาล เสร็จจากศาลก่อนบ่าย “เฮียบุ้ง” ก็จะทำหน้าที่ส่งกลับ เพราะไม่ต้องการให้ลุงลำบาก หลายครั้งต้องต่อลองกันอยู่นานว่าจะไปส่งให้ถึงบ้านที่โรงเรียนผู้นำเมืองกาญจน์ แต่ลุงก็มักไม่ยอมให้ไปถึงนั่นด้วยเหตุผลว่า ส่งที่ขนส่งสายใต้ก็พอแล้ว ลุงมักบอกว่ามีเวลานั่งรถ บขส. 3 ชั่วโมง เวลาประมาณ 5 โมงเย็นก็ถึงกาญจนบุรีแล้ว แถมยังพอมีเวลาไปบรรยายต่อที่โรงเรียนผู้นำ
. 
บางครั้งตอนไปศาลอาญา ผมถามว่าในกระเป๋าที่ลุงถือมีอะไรบ้าง ลุงบอกว่ามีเอกสารสำนวนศาล 3-4 แผ่น พร้อมกับกล้วยน้ำว้างอมๆ 3 ลูกพกเป็นเสบียงตอนเดินทางเผื่อหิวกลางทาง
. 
สำหรับชีวิตลุงจำลองที่ท่านได้มาอยู่ในโลกใบนี้ ผมคิดว่าท่านคือ “มหาบุรุษของผม” เกิดมามีชีวิตเพื่อคนอื่น คิดตลอดเวลาเพื่อจะไม่เบียดเบียนโลก ประเทศชาติและแผ่นดิน!
.
ลุงเข้าไปอยู่ในเรือนจำหนนี้อาจจะนานกว่าทุกครั้ง อยากจะบอกอธิบดีกรมราชทัณฑ์ว่า น้ำที่สะอาด ลมหายใจปลอดโปร่ง ผักสดที่สะอาด ฯลฯ หากมีให้ลุงจำลองได้ขบฉัน พยุงสังขารลุงจำลองได้ หากท่นนทำสิ่งเหล่านี้ได้ก็น่าจะเกิดกุศลมิใช่น้อย
.
ผมก็เชื่อว่าสถานที่ลุงไปอยู่ในวันนี้ สถานที่นั้นเหมือนมีพระอรหันต์ไปทำกรรมฐาน “เรือนจำ” จึงมิใช่ที่จองจำเพื่อให้คนทุกข์อีกต่อไป แต่ได้กลายเป็นสถานที่ที่จะใช้ฝึกคนเพื่อผดุงคุณธรรมค้ำจุนแผ่นดินได้
 


กำลังโหลดความคิดเห็น