“โรงเรียนดนตรีและศิลปะซิมโฟนี่” เจ้าของ “ระบบ Symphony Learning” ธุรกิจบริการด้านการเรียนการสอนดนตรีแบบครบวงจร ชนิดที่สามารถเรียกได้ว่าเป็น One Stop Service ได้เลยทีเดียว ซึ่งจะรองรับเด็กนักเรียนในโรงเรียนต่างๆ ทั้งของรัฐและราษฎร์ ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมปลาย จนต้องบอกว่าสอดรับกับยุคสมัย “ไทยแลนด์ 4.0” และหากมีการ “ปฏิรูประบบการศึกษา” ลุล่วงไปด้วยแล้ว ธุรกิจนี้ยิ่งมีแต่อนาคตสดใสกราววาว
แม้จะก่อตัว เติบกล้า จนมีฐานที่มั่นอยู่ที่เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ แต่เวลานี้กำลังสยายปลีกกว้างไกลไปเกินกว่าแผ่นดินปักษ์ใต้ สู่ภาคกลางและตะวันออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว คาดว่าอีกไม่นานจะครอบคุลมทุกภูมิภาคทั่วไปได้อย่างเป็นที่ยอมรับ
เนื่องเพราะโรงเรียนดนตรีแห่งนี้ถูกคิดค้นและทำให้เกิดขึ้นจาก “นักดนตรีมากฝีมือ” ที่สืบสายเลือดนักต่อสู้กระฉ่อนชื่อ ผู้เป็นหลานปู่ของ “นายผี-อัศนี พลจันทร์” แล้วธรรมะก็จัดระเบียบให้ได้พบกับเภสัชกรผู้ผันตัวเองไปเป็น “นักการตลาดระดับเพชร” เครือข่ายธุรกิจระดับโลกอย่างแอมเวย์ แถมยังเป็นทายาท “กลุ่มทุนใหญ่มากอุดมการณ์” กลายเป็นความลงตัวแบบกลมกล่อมของธุรกิจที่ไม่ได้ยึดกำไรเป็นสรณะ
โรงเรียนดนตรีแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นฝน จ.สุราษฎร์ธานี ในปี 2553 ด้วยน้ำมือของ “สายฟ้า พลจันทร์” จากขนาดเล็กๆ ที่เริ่มด้วยเงินลงทุนเพียงประมาณ 4 พันบาท มีครูสอนดนตรีเพียง 3-4 คน หลังเผชิญมรสุมแล้วได้รับการโอบอุ้มจาก “ครอบครัวจริงจิตร” เจ้าของธุรกิจค้ายางพาราอันดับต้นๆ ของประเทศในนาม “บริษัทอาเมนทรานสปอร์ต” ที่เห็นโอกาสแตกไลน์สู่ธุรกิจใหม่ๆ เวลานี้จึงได้กลายเป็นเครือธุรกิจโรงเรียนสอนดนตรีและจำหน่ายเครื่องดนตรีขนาดใหญ่ที่ใช้เงินลงทุนไปแล้วกว่า 100 ล้านบาท มีอาคารสำนักงานโอ่โถงและอุปกรณ์ครบครัน โดยมี “แจว-ศรีจันทร์ จริงจิตร” เป็นหัวเรือใหญ่ ควงคู่มากับพี่สาว “แตน-ภญ.เสาวภา ก้าวสมบูรณ์” ที่ดึงตัวมาร่วมบริหาร
การก้าวกระโดดข้ามมรสุมมาได้ในเวลานี้ ธุรกิจเครือโรงเรียนดนตรีและศิลปะซิมโฟนี่ยังอาจจะไม่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางก็จริง ทว่านับตั้งแต่ปีหมูทอง 2562 นี้เป็นต้นไป ซึ่งจัดว่าเป็นปีที่มีความพร้อมสรรพไปแล้วทุกด้าน ไม่เพียงเท่านั้นยังมีการวางเครือข่ายโยงสายสัมพันธ์ไปยัง “สถาบัน” และ “บุคคล” ผู้มากชื่อเสียงในแวดวงดนตรี โดยเฉพาะสายดุริยางค์ของเหล่าทัพ แถมมีการเตรียมแผนจัดงานดนตรีระดับโลกไว้ด้วยแล้ว อีกไม่นานนี้เครือธุรกิจโรงเรียนดนตรีแห่งนี้อาจจะสร้างความฮือฮาได้ไม่น้อยทีเดียว
“MGR Online ภาคใต้” จึงไม่ยอมพลาดโอกาสที่จะขอเปิดใจ “ภญ.เสาวภา ก้าวสมบูรณ์” ผู้มีส่วนกุมบังเหียนธุรกิจเครือโรงเรียนดนตรีและศิลปะซิมโฟนี่แห่งนี้
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
“MGR Online ภาคใต้” : อยากให้เล่าความเป็นมาก่อนที่จะเป็นเครือธุรกิจโรงเรียนดนตรีและจำหน่ายเครื่องดนตรีแบบครบวงจร
“ภญ.เสาวภา ก้าวสมบูรณ์” : เรื่องนี้มีที่มาที่ไปเกิดจาก 2 เหตุกาณณ์สำคัญคือ เหตุการณ์แรกน้องชายชื่อ “น้องเป่า-โกสินทร์ จริงจิตร” เค้าชอบดนตรีมาก พอเรียนบริหารธุรกิจที่ ม.กรุงเทพจบแล้วก็บอกครอบครัวว่า ความฝันเค้าคือ ดนตรี เค้าอยากเรียนดนตรี อยากเล่นดนตรี อยากทำธุรกิจดนตรี เราเป็นครอบครัวคริสเตียนที่ค่อนข้างเคร่งครัด จึงมองว่าถ้าเค้าได้เรียนดนตรีอย่างจริงจังก็จะกลับมาช่วยงานประกาศที่โบสถ์ได้ จึงส่งน้องเป่าไปเรียนต่อมิวสิคเชิร์ช (Music Chruch) ที่อเมริกา
ปี 2558 น้องเป่ากลับมาและไปอยู่ที่ อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เปิดโรงเรียนสอนดนตรีและขายเครื่องดนตรีในนาม “กลอรี มิวสิค (Glory Music)” แล้วลูกพี่ลูกน้องอีกคนคือ “น้องเพชร-นายธนพล เมืองไพศาล” ก็เพิ่งเรียนจบเอกเบสมาจากคณะดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ส่วนเหตุการณ์ที่ 2 คือ น้าสะใภ้เป็นครูอยู่ที่โรงเรียนธิดาแม่พระ จ.สุราษฎร์ธานี ได้มาปรึกษาขอความช่วยเหลือให้ “สายฟ้า พลจันทร์” เจ้าของธุรกิจโรงเรียนดนตรีชื่อ “โรงเรียนดนตรีและศิลปะซิมโฟนี่ (Symphony Music And Art School)” ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2553 แต่ภายหลังขาดสภาพคล่องรุนแรง ทางครอบครัวปรึกษากันแล้วเห็นว่า “ระบบซิมโฟนี่ เลิร์นนิ่ง (Symphony Learning)” ที่น้องสายฟ้าสร้างขึ้นน่าสนใจ จึงให้ความช่วยเหลือเป็นเงินยืมก้อนหนึ่ง แต่ในที่สุดก็พาโรงเรียนไปต่อไม่ไหว ทางครอบครัวเลยต้องรับธุรกิจโรงเรียนดนตรีนี้มาดูแลในเดือน ต.ค.2559
พอนำ 2 เหตุการณ์นี้มาร้อยเรียงกัน เราก็เลยเชื่อว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเรียกหาและมอบพันธกิจด้านดนตรีมาให้ครอบครัวจริงจิตรเป็นผู้ดำเนินการ หลังจากนั้นครอบครัวเราจึงเดินหน้าเต็มที่ น้องสาวคือ “น้องแจว-ศรีจันทร์ จริงจิตร” ก็เลยทุ่มเม็ดเงินเกือบๆ 100 ล้านบาทเข้าไปในโรงเรียนดนตรีและศิลปะซิมโฟนี่ และจดทะเบียนเป็น“บริษัทดนตรีและศิลปะซิมโฟนี่” ขึ้นมาเป็นผู้ถือใบอนุญาตโรงเรียน โดยเราเองกับน้องศรีจันทร์เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม และแต่งตั้งน้องเพชรขึ้นมาเป็นครูใหญ่แทนน้องสายฟ้า แล้วให้น้องสายฟ้าเป็นที่ปรึกษา
ส่วนน้องเป่าเองก็จดทะเบียน “บริษัทกอสเปล สตูดิโอ” ทำธุรกิจรับทำเพลงให้โรงเรียนต่างๆ ที่สนใจ และทำเพลงสำหรับถวายเกียรติพระเจ้าด้วย และตั้ง “บริษัทซิมโฟนี่มิวสิค ชอป” ทำธุรกิจจำหน่ายเครื่องดนตรี โดยนโยบายหลักเน้นขายเครื่องดนตรีในราคาเท่ากรุงเทพฯ ไม่เน้นกำไร เน้นให้เยาวชนได้ใช้เครื่องดนตรีราคาถูก คุณภาพดี และมีศูนย์บริการรองรับ
ปัจจุบันธุรกิจยังขาดทุนอยู่ แต่เราก็มุ่งมั่นที่จะทำต่อไป ต้องบอกว่าเป้าหมายเราไม่ใช่แค่เรื่องเงินอย่างเดียว แต่ต้องรักมากๆ และมีศรัทธาในภารกิจ จึงจะอดทนทำธุรกิจนี้ได้
: “ระบบซิมโฟนี่ เลิร์นนิ่ง” นี่คืออะไร แล้วทำไมครอบครัวจึงกระโดดข้ามไลน์จากธุรกิจยางมาสู่ธุรกิจดนตรีนี้ด้วย
ถ้าจำไม่ผิด คือเราเคยฟัง คุณบัณฑิต อึ้งรังษี พูดว่า ประเทศเวเนซูเอล่าหรืออาร์เจนติน่านี่แหล่ะ เมื่อ 10-20 ปีก่อนประเทศเค้าเต็มไปด้วยอาชญากรรม แล้วรัฐบาลบรรจุหลักสูตรดนตรีคลาสสิคเข้าไปให้นักเรียนได้เรียนทั่วประเทศ เวลาผ่านไป 10 ปีสถิติอาชญากรรมลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งตรงนี้นับว่าน่าสนใจมาก
ครอบครัวเราเป็นคริสเตียน และรู้ว่าดนตรีนั้นจำเป็นมากในการเป็นเครื่องมือช่วยกล่อมเกลาเยาวชน แล้วระบบซิมโฟนี่ เลิร์นนิ่ง ที่น้องสายฟ้าคิดขึ้นนั้น ถือเป็นระบบที่จะตอบโจทย์สำหรับประเทศไทยเรา จริงๆ อยากให้เรื่องนี้ไปถึงหูผู้บริหารประเทศด้วยซ้ำ
“ระบบซิมโฟนี่ เลิร์นนิ่ง” คือระบบที่เข้าไปเหมาสอนดนตรีในโรงเรียน ตั้งแต่ชั้นอนุบาลไปจนถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้วมีการลงเครื่องดนตรีมูลค่าหลายล้านบาท หรือตั้งแต่ 3-10 ล้านบาทให้โรงเรียนคู่สัญญาฟรีๆ เพื่อให้นักเรียนได้ใช้เครื่องดนตรีมีคุณภาพสูง แล้วเราจัดครูจบทางดนตรีเข้าไปให้ทำงานในโรงเรียนนั้นๆ จำนวน 2-20 คน โดยให้ครูดนตรีสอนตั้งแต่เวลา 7.45-18.00 น. วันเสาร์ก็สอนให้อีกด้วย
ที่สำคัญจะมีการสร้างวงดนตรีต่างๆ ให้โรงเรียนด้วย เช่น วงสตริง วงลูกทุ่ง วงโยธวาทิต วงออเครสตร้า วงประสานเสียง จนไปถึงการค้นหาเด็กในโรงเรียนนั้นๆ ที่มีความสามารถ แล้วนำปลุกปั้นผลักดันให้เป็นศิลปิน อีกทั้งหากโรงเรียนนั้นๆ มีกิจกรรมหรืองานอีเวนต์อะไร เราพร้อมให้บริการแบบวันสต็อปเซอร์วิส (One Stop Service) ตั้งแต่จัดการเวที ระบบไฟ ช่างภาพนิ่ง ช่างภาพวีดีโอ หรือนำเพลงประจำโรงเรียนมารีอเรนจ์ และบันทึกเสียงใหม่ ฯลฯ ทั้งหมดที่พูดมานี้เราเก็บค่าใช้จ่ายเป็นรายหัวเด็กคนละ 2,000-4,000 บาทต่อ 1 เทอม หรือต่อ 6 เดือน
อย่างไรก็ตามหากเด็กคนไหนที่ไม่พร้อมจริงๆ เราก็ให้ครูในโรงเรียนนั้นคัดชื่อมาให้ แล้วทางบริษัทดนตรีจะมอบทุนให้เรียนฟรี ซึ่งปัจจุบันนักเรียนที่เราสอนนั้นครอบคลุม 5 จังหวัดคือ สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ภูเก็ต ประจวบคีรีขันธ์และฉะเชิงเทรา มีนักเรียนทั้งหมดประมาณ 12,000 คน ในส่วนที่เราให้ทุนเรียนดนตรีฟรีก็มีประมาณเกือบๆ 800 คนแล้ว
: ถือเป็นระบบการเรียนการสอนดนตรีแบบครบวงจรในโรงเรียนจริงๆ หากโรงเรียนไหนสนใจจะเข้าร่วมต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรก่อนไหม บริษัทดนตรีถึงจะเข้าไปลงเครื่องดนตรีให้
ไม่ต้องจ่ายมัดจำแม้แต่บาทเดียว
ระบบซิมโฟนี่ เลิร์นนิ่ง จริงเป็นแบบนี้คือ เซ็นสัญญาเสร็จ โรงเรียนไม่ต้องจ่ายค่ามัดจำใดๆ ทั้งสิ้น จากนั้นทางน้องสายฟ้าจะเข้าไปสำรวจสถานที่ กำหนดห้องดนตรีร่วมกับโรงเรียน แล้วกำหนดรูปแบบวงดนตรีต่างๆ ตามที่โรงเรียนนั้นๆ ต้องการ เมื่อเสร็จแล้วก็จะนำช่างเข้าไปติดตั้งระบบไฟต่างๆ ที่จำเป็นต้องใช้ เมื่อแล้วเสร็จเครื่องดนตรีทุกประเภทก็จะถูกนำไปติดตั้งเลย
สำหรับการจ่ายค่าตอบแทนให้บริษัทดนตรีเรากำหนดไว้ 3 รูปแบบ แต่สรุปรวมๆ ได้ดังนี้ เปิดเทอมไปแล้ว 1-2 เดือนทางโรงเรียนค่อยเก็บค่าเรียนมาทยอยจ่ายให้บริษัทดนตรีเรา
: อย่างนี้โรงเรียนแทบไม่มีภาระเลย แล้วส่วนที่นักเรียนต้องจ่าย 2-4,000 บาทนี่ นักเรียนแต่ละคนมีสิทธิ์เรียนได้กี่เครื่องดนตรี
ที่เรากำหนดไว้คือ ในระดับชั้น ป.1- ม.6 นักเรียนทุกคนต้องเรียนเปียโน เนื่องจากเปียโนเป็นศูนย์กลางของเครื่องดนตรีแทบทุกประเภท และกำหนดคุณภาพความคาดหวังของหลักสูตรว่า ภายใน 3 ปีนักเรียนที่เรียนกับระบบ Symphony Learning จะต้องบรรเลงเพลงคลาสสิคง่ายๆ ได้ และในช่วงเย็นหลังเลิกเรียนนักเรียนสามารถเลือกเรียนเครื่องดนตรีได้ตามความชอบ และไม่จำกัดจำนวน ที่สำคัญคู่มือและอุปกรณ์มอบให้เลยไม่มีการเรียกเก็บเพิ่มอีก และค่าดูแลรักษาบริษัทดนตรีเองก็ดูแลทั้งหมด
: หมายความว่านักเรียนเสียค่าใช้จ่ายเทอมละครั้ง แล้วจะเรียน 4-5 เครื่องดนตรีก็ได้
ใช่ค่ะ ต้องขอเน้นให้เข้าใจว่าธุรกิจดนตรีที่ครอบครัวเราทำอยู่นี้ไม่หวังผลกำไร ขอแค่เลี้ยงตัวเองได้ก็พอใจแล้ว ผลประโยชน์หลักที่เราคาดหวังคือ “เด็กต้องได้ประโยชน์สูงสุด” และเรามองว่าเราอยากเข้าไปช่วยแบ่งเบาภาระผู้บริหารโรงเรียนต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่สำคัญเราเชื่อมั่นว่า “ดนตรีสร้างคน คนจะสร้างชาติ”
: ทราบข่าวว่า 7 ก.พ.2562 นี้จะมีการแถลงข่าวงานวิจัยหลักสูตรร่วมกับมหาวิทยาลัยทักษิณ
ใช่ค่ะ วันพฤหัสฯ ที่ 7 ก.พ. 2562 นี้เราจะมีพิธีลงนามความร่วมมือทางวิชาการระหว่าง บริษัทดนตรีและศิลปะซิมโฟนี่ โดยกระทำในนามโรงเรียนดนตรีและศิลปะซิมโฟนี่ กับ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ โดยในเฟสแรกทางมหาวิทยาลัยจะส่งผู้เชี่ยวชาญมาเก็บข้อมูลตามโรงเรียนทั้ง 9 แห่งทั่วประเทศที่ใช้ระบบ Symphony Learning เพื่อทำวิจัยหลักสูตรดนตรีที่ใช้อยู่ ส่วนในเฟส 2 จะทดลองหลักสูตรกับโรงเรียนที่สนใจเข้าร่วมในทุกภาคของประเทศไทย โควต้าภาคละ 3 โรงเรียน และเมื่อทำวิจัยเสร็จก็จะเข้าสู่กระบวนการวิพากษ์หลักสูตร เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงหลักสูตรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อไป
: ได้ข่าวว่าบริษัทดนตรีและศิลปะซิมโฟนี่กำลังซุ่มออกแบบระบบการเรียนดนตรีให้ราคาถูกกว่านี้อีก
เท่าที่ได้รับฟังเสียงสะท้อนมา ถือว่านักเรียนได้เรียนดนตรีในราคาที่ถูกมากๆ อยู่แล้ว อย่างราคาที่ต้องจ่ายต่อเทอมเทียบกับการไปลงเรียนดนตรีข้างนอกแค่ 2 เครื่องดนตรีก็เกินคุ้มแล้ว แถมนักเรียนยังจะต้องลงทุนซื้อเครื่องดนตรีเองอีก บางคมอาจจะถึงหลักแสนบาท การจ่ายแค่ 2-3 พันบาทต่อเทอมแล้วได้เรียน ได้ใช้เครื่องคนตรีหลากหลายชนิดนี่ ไม่รู้จะบอกว่าสุดยอดของความคุ้มขนาดไหน
ตอนนี้น้องสายฟ้าและคณะที่ปรึกษา รวมถึงทีมงานของบริษัทดนตรีเรากำลังออกแบบระบบใหม่อยู่ เพื่อให้นักเรียนได้เรียนดนตรีในราคาลดลงมาอีก โดยต่อไปอาจจะเหลือแค่ 3-500 บาทต่อ 6 เดือนเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพื่อจะให้เยาวชนทุกคนในประเทศไทยเราสามารถเข้าถึงดนตรีได้ ตามคำกลอนที่ท่านสุนทรภู่กล่าวสดุดีดนตรีไว้ในเรื่องพระอภัยมณีว่า “อันดนตรีมีคุณทุกอย่างไป ย่อมใช้ได้ดังจินดาค่าบุรินทร์”
ดนตรีที่ดีจะสร้างเยาวชน ขัดเกลานิสัยให้เยือกเย็น และดนตรีเป็นสมบัติของมนุษย์ทุกคนในโลกนี้ นี่เป็นหน้าที่คณะผู้บริหารของซิมโฟนี่ต้องทำโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ และถือว่าเกิดมาแล้วจะไม่เสียชาติเกิดด้วย ดังปณิธานที่ว่า...
“จะต้องทำให้เด็กๆ ในประเทศไทยนี้ทุกๆ คนที่เกิดมา จะต้องเล่นเครื่องดนตรีได้อย่างน้อย 1 ชิ้น และสามารถอ่านโน้ตดนตรีสากลได้เหมือนอ่านหนังสือ หยิบแผ่นโน้ตขึ้นมาดู ไม่ต้องมีเครื่องดนตรี ก็ต้องได้ยินเสียงดนตรีบรรเลงอยู่ในหัว เยาวชนทุกๆ คนต้องมีสิทธิ์ในการเข้าถึงการเรียนดนตรีได้เหมือนๆ กัน สถานะทางเศรษฐกิจจะไม่ใช่ตัวแปรของการเข้าถึงดนตรีอีกต่อไปแล้ว”
ความจริงแล้ว “ระบบซิมโฟนี่ เลิร์นนิ่ง (Symphony Learning)” ควรต้องเป็นภารกิจของระดับรัฐบาล หรืออย่างน้อยกระทรวงศึกษาธิการควรต้องเข้ามารับผิดชอบ แต่อย่างที่เห็นๆ กันอยู่ในระบบการเมืองไทยแบบไทยๆ ยิ่งช่วงปี่กลองเลือกตั้งกำลังโหมประโคมกันครึกครื้นเวลานี้ ภารกิจในการปฏิรูปการศึกษาที่สมควรจะนำระบบซิมโฟนี่ เลิร์นนิ่ง เข้าสู่ทุกโรงเรียนยังควรต้องเป็นเรื่องของประชาชนกันต่อไป
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
(อยากรู้ในรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อไปได้ที่ โรงเรียนดนตรีและศิลปะซิมโฟนี่ 077-272793 หรือไปพบกันในงานวันที่ 7 ก.พ.2562 ตั้งแต่เวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุมอาคารชั้น 3 คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.ทักษิณ อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งวันนั้นยังสามารถชม Live สด! ทางเพจเฟซบุ๊ก “MGR Online ภาคใต้” ได้อีกทางหนึ่ง)