xs
xsm
sm
md
lg

จาก “บรรจง นะแส” ถึง “ประยงค์ ดอกลำใย” ส่งไม้ต่อประธาน “กป.อพช.” ระดับชาติ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ภาพประกอบข่าว
 
ศูนย์ข่าวภาคใต้ - สู่ยุคเปลี่ยนผ่าน! จาก “บรรจง นะแส” ถึง “ประยงค์ ดอกลำใย” ส่งไม้ต่อประธาน “กป.อพช.” ระดับชาติ หลังเสร็จสิ้นประชุมสมัชชาคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน หรือ กป.อพช.ระดับชาติ ครั้งที่ 12

วันนี้ (1 ก.พ.) มีรายงานว่า นายสมบูรณ์ คำแหง เลขาธิการ กป.อพช.ภาคใต้ ได้โพสต์ลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวในชื่อ “Somboon Khamhang” ได้ระบุถึงการประชุมเวทีสมัชชาคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน หรือ กป.อพช.ระดับชาติ ครั้งที่ 12 โดยระบุว่า...

ในที่ประชุมสมัชชาคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน หรือ กป.อพช.ระดับชาติ ครั้งที่ 12 เมื่อวันที่ 30-31 ม.ค.62 ที่ผ่านมา องค์กรสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมมีมติร่วมกันให้ “ประยงค์ ดอกลำใย” ทำหน้าที่ประธาน โดยรับไม้ต่อจาก “บรรจง นะแส” ที่หมดวาระลง ทั้งนี้ ประยงค์ได้ให้คำมั่นกับเหล่าพี่น้องนักพัฒนาเอกชนอย่างหนักแน่นว่า จะนำพาขบวนภาคประชาชนเพื่อต่อสู้กับอำนาจที่ไม่ชอบธรรม และจะกอบกู้รักษาไว้ซึ่งศักดิศรีของนักพัฒนาเอกชน ให้สามารถยืนหยัดอยู่ในสังคมได้อย่างภาคภูมิใจต่อไป

ประยงค์ ดอกลำใย เป็นนักพัฒนาที่มีประสบการณ์บนเส้นทางเพื่อสังคมที่เป็นธรรม “ที่ไหนมีการกดขี่ที่นั่นมีการต่อสู้ ซึ่งในการต่อสู้การไม่สู้คือการสู้แบบหนึ่ง” บางช่วงตอนจากการเล่าของ นายประยงค์ ดอกลำใย นักพัฒนารุ่นเก๋า ผู้ผ่านประสบการณ์การต่อสู้เรื่องที่ดิน เรื่องสิทธิทำกินมายาวนานกว่า 25 ปี จากการต่อสู้เพื่อของหน้าหมู่ (ส่วนรวม) ป่าสาธารณะหรือป่าชุมชนที่ จ.ลำพูน ถึงการผลักดันกฎหมาย 4 ฉบับ ประยงค์หรือที่ใครๆ ในแวดวงงานพัฒนาเรียกว่า “พี่เป็ด” คนยุคเจนเนอร์เรชั่นเอ็กซ์ สถานะปัจจุบันเป็นผู้บริหารอยู่ที่มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ เป็นที่ปรึกษาขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-Move) เป็นที่ปรึกษาเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย (คปท.) เป็นที่ปรึกษาสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) และยังมีตำแหน่งในองค์กรภาคประชาชนอื่นๆ อีกหลายบทบาท

จากครอบครัวชาวนาสู่รั่วมหาวิทยาลัย นายประยงค์ เล่าให้ฟังว่า ตนเป็นลูกครอบครัวชาวนามีพี่น้องทั้งหมด 4 คน ซึ่งทุกคนรับราชการ นอกจากตนเองที่เลือกเส้นทางนักพัฒนา จุดหักเหของชีวิตจากที่เคยเกเรประชดชีวิต แต่ก็เอาตัวรอดเรื่องเรียนมาได้โดยตลอด แม้จะเป็นหัวโจกของเพื่อนๆ ก็ตาม เคยผ่านความล้มเหลว แต่ก็ลุกขึ้นพยายามเรียน จนที่สุดได้ทุนบรรหารแจ่มใส ส่งให้เรียนจนจบ ม.ปลาย ท้ายสุดเมื่อตั้งใจก็สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยศิลปากรได้
 
ประยงค์ ดอกลำใย
 
การสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้นั้น นับเป็นการพิสูจน์ตนเองครั้งแรก แต่เมื่ออยู่มหาวิทยาลัยก็ใช้ชีวิตแบบเดิมร่วมกับเพื่อนที่มาจากบ้านนอก ใช้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยศิลปากร เคยคุ้ยขยะหาของกิน เสาร์-อาทิตย์ลอบตกปลาที่ทับแก้ว ตกกลางคืนกินเหล้า ใช้ชีวิตเสเพลพอสมควร เป็นคนชั้นกลางระดับล่างที่รวมกลุ่มทำกิจกรรม ทำค่ายอยู่ชมรมอนุรักษ์ ไม่ค่อยได้เรียนทางวิชาการ ตอนเรียนย้ายคณะจากศึกษาศาสตร์ไปอยู่คณะอักษรศาสตร์

เมื่อจบคิดหาทางไปทำงานที่ไม่ใช่ราชการ เลยมุ่งหน้ามาที่สำนักบัณฑิตอาสาสมัคร เป็นบัณฑิตอาสาช่วยงานหมออนามัย นอกจากฉีดยา และผ่าตัดแล้วตนเองก็ทำทุกอย่าง ต่อจากนั้นขยับไปเป็นอาสาสมัครต่อที่ มอส. จากที่ได้อ่านแม่จันทร์สายน้ำไม่ไหลเปลี่ยน เลยได้ไปสอนหนังสือเด็ก แต่ด้วยความไม่อยากเป็นครู พี่แดง (เตือนใจ ดีเทศน์) ให้ไปช่วยงานด้านสิ่งแวดล้อม ทำเกษตรแนวระดับเกษตรยั่งยืน

จากงานอาสาสมัครสู่นักพัฒนา ช่วงหนึ่งทำงานเคลื่อนไหวคัดค้านเขื่อน มีการสรุปว่าสิ่งที่ทำไม่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้าง จึงหันไปทำงานสานเครือข่าย เป็นรุ่นแรกๆ ที่ทำงานร้อนๆ อย่างเรื่องป่าห้วยแก้ว การสร้างเขื่อน การประกาศอุทยานทับที่ชาวบ้าน มีชาวบ้านเดือดร้อนจำนวนมาก สร้างเครือข่ายชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ ทำอยู่ได้ระยะหนึ่งคิดว่าไปต่อไม่ไหวเพราะทำงานหลายหน้า เลยตัดสินใจช่วงปี 35 ก็กลับไปจัดตั้งเครือข่ายแก้ปัญหาที่ดินทำกิน

ที่ผ่านมาต่อสู้กับวาทกรรม ชาวเขาทำลายป่าต้นน้ำ จากการทำไร่เลื่อนลอย ไร่หมุนเวียน ตนได้ไปศึกษาต้นทุนชาวบ้าน ใช้บทเรียนชวนพี่บำรุง จัดตั้งกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรภาคเหนือ จัดตั้งมาสู้เร่งออก พ.ร.บ.จัดตั้งป่าชุมชน เพื่อมีกฎหมายมารองรับสิทธิชาวบ้าน เมื่อก่อนใช้เวลา 2 ปี ล่ารายชื่อ 5 หมื่นเพื่อเสนอกฎหมาย การต่อสู้ยาวนานมาก ใช้การรณรงค์หลายรูปแบบ

เมื่ออกหักจาก พ.ร.บ.ป่าชุมชน พี่น้องบางส่วนจะกลับไปเผาป่า เราหยุดความรู้สึกคับแค้นของชาวบ้านไม่ได้ สุดท้ายกฎหมายก็ตกไป และมีการนำกลับมาเสนอยุค สนช. มีการยื่นให้ตีความ ชาวบ้านมีสิทธิตามหรือไม่ สุดท้ายการออกกฎหมายจำกัดสิทธิชาวบ้านก็ยังไม่มีการวินิจฉัย

จากบทเรียนป่าชุมชน กับการตัดสินบนพื้นฐานผลประโยชน์ ทุกครั้งที่พี่น้องรวมตัวชุมนุม จะได้ผลทุกครั้ง มากน้อยต่างไป วาทกรรมเรื่องคนจนเริ่มมีคนตั้งคำถาม ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ใช้แกนความไม่เป็นธรรมในการต่อสู้ แต่เหลื่อมล้ำขายไม่ออก เหลื่อมล้ำแล้วยังไงคนในสังคมไม่เข้าใจ

ทำอย่างไรให้สาธารณะเข้ามามีส่วนร่วม มีโจทย์ท้าทายหลายๆ เรื่อง เชื่อขบวนการเคลื่อนไหวของพี่น้อง ใช้ควบคู่กับการเจรจา การคิดแบบคู่ตรงข้ามไปไม่ได้ คนคิดถึงแต่ตัวเอง พูดอะไรที่คนในสังคมได้ด้วยคนกลุ่มต่างๆ ได้อะไรเราต้องตอบได้ ชีวิตผ่านมา เราเชื่อว่าทฤษฎีชนชั้นยังใช้ได้ แต่ที่ไหนมีการกดขี่ที่นั่นมีการต่อสู้ และการไม่สู้คือการสู้แบบหนึ่ง

ประยงค์ ดอกลำใย จะทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชน หลังจากนี้ไปอีก 2 ปี ท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ที่คาดว่าการคุกคามทางด้านสิ่งแวดล้อม และการละเมิดสิทธิชุมชนจะยังคงดำรงอยู่ พร้อมกับความทุกข์ร้อนของประชาชน นี่คือบทบาทสำคัญที่จะท้าทายประธานคณะกรรมการประสานงานองค์กรพัฒนาเอกชนท่านนี้ ว่าจะนำพาขบวนของนักพัฒนาเอกชน (ngo.) และขบวนประชาชนในสถานการณ์เช่นนี้ต่อไปได้อย่างไร

*ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก : สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน)
 



กำลังโหลดความคิดเห็น