ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ช็อก ! โลกโซเชียลแชร์นักธุรกิจลูกชายอดีตเจ้าของโรงแรมดังที่ภูเก็ต ฆ่าตัวตาย เพื่อน คน รู้จักเศร้า หลายคนกังขาสาเหตุการตาย ระบุก่อนหน้านี้ไม่มีเหตุบ่งชี้ว่าจะคิดสั้นคาดปัญหาธุรกิจ
วันนี้ (30 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกโซเชียล ทั้งในเฟซบุ๊ก และกลุ่มไลน์ต่างๆ ของจังหวัดภูเก็ต ได้มีการแชร์ข้อความไว้อาลัยให้แก่นักธุรกิจชื่อดัง นายธิติ ตัณฑวณิช ผู้อำนวยการ บริษัท ซี เอ็กซ์เคอชั่น ผู้ดำเนินธุรกิจท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต และประธานชมรมเครือข่ายสินค้าและบริการท่องเที่ยวไทย (สบท.) ซึ่งเสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (30 ม.ค.) ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ภูเก็ต ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นบ้านเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี
โดยผู้โพสต์บางคนได้ระบุข้อความว่า “สุดสลดกับข่าวรายที่สุดเช้านี้ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัว ตัณฑวณิช และมิตรสหาย น้องกบ เป็นคนเก่ง มีมนุษยสัมพันธ์ดีเป็นเลิศ มีมิตรไมตรีจิต อัธยาศัยดีกับทุกคนที่คบหา เป็นทายาทของตระกูลเก่าแก่ย้อนไปตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ต้นตระกูล คือ หลวงบำรุงจีนประเทศ มาประกอบกิจการเหมืองแร่ที่ภูเก็ตในปี พ.ศ.2397 ขอให้ดวงวิญญาณของน้องกบ เดินทางสู่สุคติ สัมปรายภพนะครับ นอกจากนั้น ยังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กอีกหลายรายในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมีการเขียนข้อความไว้อาลัย และแสดงความเสียใจกันเป็นจำนวนมากต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต
นอกจากนั้น ยังมีอีกหลายๆ รายที่เข้าไปโพสต์ข้อความ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการแสดงข้อความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต และการจากไปของผู้เสียชีวิต
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (30 ม.ค.) นายธิติ ตัณฑวณิช อายุ 48 ปี ได้ใช้เชือกไนลอนผูกคอตายในบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ตัวเมืองภูเก็ต แต่ทางญาติไม่สะดวกที่จะให้สื่อเข้าไปทำข่าว และไม่ติดใจกับการเสียชีวิตแต่อย่างใด โดยวันนี้ (30 ม.ค.) ในเวลา 16.00 น. ทางครอบครัวจะทำพิธีรดน้ำศพ นายธิติ ตันฑวณิช (กบ) ณ วัดอนุภาษกฤษฎาราม (วัดเก็ตโฮ่) และ คืนนี้สวดอภิธรรมศพเป็นคืนแรก
สำหรับ นายธิติ ตัณฑวณิช เป็นทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูลตัณฑวนิช และเป็นลูกชายของนายสิทธิ์ ตัณฑวณิช อดีตเจ้าของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวเมืองภูเก็ต เริ่มทำธุรกิจของตัวเองมานายหลายปี จนกระทั่งได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานชมรมเครือข่ายสินค้าและบริการท่องเที่ยวไทย (สบท.) ทำให้นายธิติ กลับเข้ามาสู่สังคมอีกครั้ง และมีครอบครัวที่น่ารัก มีลูกจำนวน 3 คน โดยเป็นเป็นลูกที่เกิดจากภรรยาคนแรก จำนวน 2 คน และเป็นลูกที่เกิดจากภรรยาคนใหม่ซึ่งเป็นอดีตพยาบาล ชาวจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเพิ่งแต่งงาน จำนวน 1 คน เป็นบุตรชาย
ขณะที่ผู้ใกล้ชิดซึ่งรู้จักกับนายธิติ รายหนึ่ง กล่าวว่า นายธิติ เป็นเจ้าของบริษัททัวร์ในภูเก็ต ที่ส่งลูกค้าให้กับโรงแรมต่างๆ และผู้ประกอบการทางด้านการท่องเที่ยว รวมถึงเรือนำเที่ยว ปกติแล้วเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี เป็นมิตรกับทุกคน แต่มีเพื่อนไม่มาก เวลาไปไหนมาไหนก็จะไปกันเป็นครอบครัว
ก่อนเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 05.00 น.วันนี้ นายธิติ ได้โทร.บอกให้ญาติไปอยู่เป็นเพื่อนภรรยาที่บ้านพัก ส่วนตัวเองได้ขับรถออกจากบ้านพัก หายไป จนกระทั่งมาพบกลายเป็นศพผูกคอฆ่าตัวตายแล้ว
ส่วนสาเหตุการผูกคอฆ่าตัวตายในครั้งนี้ คาดว่าเกิดจากปัญหาส่วนตัว และเรื่องธุรกิจของผู้ตาย ซึ่งอดีตลูกน้องที่ทำงานด้วยกัน รายหนึ่งกล่าวว่า นายธิติ ทำธุรกิจเปิดบริษัททัวร์ ที่รับจัดโปรแกรมทัวร์ตามที่ลูกค้าต้องการ และเป็นคนที่ตั้งใจทำงาน มีความขยันมีน้ำใจกับลูกน้อง และที่รักของผู้ที่ร่วมงาน ในเรื่องของครอบครัวไม่น่าจะใช่สาเหตุของการตัดสินใจฆ่าตัวตาย เพราะเป็นคนรักครอบครัว เวลาออกงาน หรือไปเที่ยวก็จะเห็นภาพไปพร้อมกับครอบครัวตลอด ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อทราบข่าวก็ช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่คิดว่าอดีตเจ้านายจะตัดสินใจฆ่าตัวตาย
วันนี้ (30 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโลกโซเชียล ทั้งในเฟซบุ๊ก และกลุ่มไลน์ต่างๆ ของจังหวัดภูเก็ต ได้มีการแชร์ข้อความไว้อาลัยให้แก่นักธุรกิจชื่อดัง นายธิติ ตัณฑวณิช ผู้อำนวยการ บริษัท ซี เอ็กซ์เคอชั่น ผู้ดำเนินธุรกิจท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต และประธานชมรมเครือข่ายสินค้าและบริการท่องเที่ยวไทย (สบท.) ซึ่งเสียชีวิตเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (30 ม.ค.) ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ภูเก็ต ต.ตลาดเหนือ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นบ้านเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี
โดยผู้โพสต์บางคนได้ระบุข้อความว่า “สุดสลดกับข่าวรายที่สุดเช้านี้ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัว ตัณฑวณิช และมิตรสหาย น้องกบ เป็นคนเก่ง มีมนุษยสัมพันธ์ดีเป็นเลิศ มีมิตรไมตรีจิต อัธยาศัยดีกับทุกคนที่คบหา เป็นทายาทของตระกูลเก่าแก่ย้อนไปตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) ต้นตระกูล คือ หลวงบำรุงจีนประเทศ มาประกอบกิจการเหมืองแร่ที่ภูเก็ตในปี พ.ศ.2397 ขอให้ดวงวิญญาณของน้องกบ เดินทางสู่สุคติ สัมปรายภพนะครับ นอกจากนั้น ยังมีผู้ใช้เฟซบุ๊กอีกหลายรายในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมีการเขียนข้อความไว้อาลัย และแสดงความเสียใจกันเป็นจำนวนมากต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต
นอกจากนั้น ยังมีอีกหลายๆ รายที่เข้าไปโพสต์ข้อความ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการแสดงข้อความเสียใจกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต และการจากไปของผู้เสียชีวิต
สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันนี้ (30 ม.ค.) นายธิติ ตัณฑวณิช อายุ 48 ปี ได้ใช้เชือกไนลอนผูกคอตายในบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ตัวเมืองภูเก็ต แต่ทางญาติไม่สะดวกที่จะให้สื่อเข้าไปทำข่าว และไม่ติดใจกับการเสียชีวิตแต่อย่างใด โดยวันนี้ (30 ม.ค.) ในเวลา 16.00 น. ทางครอบครัวจะทำพิธีรดน้ำศพ นายธิติ ตันฑวณิช (กบ) ณ วัดอนุภาษกฤษฎาราม (วัดเก็ตโฮ่) และ คืนนี้สวดอภิธรรมศพเป็นคืนแรก
สำหรับ นายธิติ ตัณฑวณิช เป็นทายาทรุ่นที่ 4 ของตระกูลตัณฑวนิช และเป็นลูกชายของนายสิทธิ์ ตัณฑวณิช อดีตเจ้าของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งในตัวเมืองภูเก็ต เริ่มทำธุรกิจของตัวเองมานายหลายปี จนกระทั่งได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานชมรมเครือข่ายสินค้าและบริการท่องเที่ยวไทย (สบท.) ทำให้นายธิติ กลับเข้ามาสู่สังคมอีกครั้ง และมีครอบครัวที่น่ารัก มีลูกจำนวน 3 คน โดยเป็นเป็นลูกที่เกิดจากภรรยาคนแรก จำนวน 2 คน และเป็นลูกที่เกิดจากภรรยาคนใหม่ซึ่งเป็นอดีตพยาบาล ชาวจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเพิ่งแต่งงาน จำนวน 1 คน เป็นบุตรชาย
ขณะที่ผู้ใกล้ชิดซึ่งรู้จักกับนายธิติ รายหนึ่ง กล่าวว่า นายธิติ เป็นเจ้าของบริษัททัวร์ในภูเก็ต ที่ส่งลูกค้าให้กับโรงแรมต่างๆ และผู้ประกอบการทางด้านการท่องเที่ยว รวมถึงเรือนำเที่ยว ปกติแล้วเป็นคนที่มีอัธยาศัยดี เป็นมิตรกับทุกคน แต่มีเพื่อนไม่มาก เวลาไปไหนมาไหนก็จะไปกันเป็นครอบครัว
ก่อนเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 05.00 น.วันนี้ นายธิติ ได้โทร.บอกให้ญาติไปอยู่เป็นเพื่อนภรรยาที่บ้านพัก ส่วนตัวเองได้ขับรถออกจากบ้านพัก หายไป จนกระทั่งมาพบกลายเป็นศพผูกคอฆ่าตัวตายแล้ว
ส่วนสาเหตุการผูกคอฆ่าตัวตายในครั้งนี้ คาดว่าเกิดจากปัญหาส่วนตัว และเรื่องธุรกิจของผู้ตาย ซึ่งอดีตลูกน้องที่ทำงานด้วยกัน รายหนึ่งกล่าวว่า นายธิติ ทำธุรกิจเปิดบริษัททัวร์ ที่รับจัดโปรแกรมทัวร์ตามที่ลูกค้าต้องการ และเป็นคนที่ตั้งใจทำงาน มีความขยันมีน้ำใจกับลูกน้อง และที่รักของผู้ที่ร่วมงาน ในเรื่องของครอบครัวไม่น่าจะใช่สาเหตุของการตัดสินใจฆ่าตัวตาย เพราะเป็นคนรักครอบครัว เวลาออกงาน หรือไปเที่ยวก็จะเห็นภาพไปพร้อมกับครอบครัวตลอด ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อทราบข่าวก็ช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และไม่คิดว่าอดีตเจ้านายจะตัดสินใจฆ่าตัวตาย