ปัตตานี - นายกสมาคมสถาบันการศึกษาปอเนาะ 5 จังหวัดชายแดนใต้ ยืนยันเด็กปอเนาะที่ถูก จนท.ควบคุมตัวนั้น ไม่ได้มีการฝึกร่างกายตามกล่าวอ้าง แต่เป็นการละเล่นของเด็กกัมพูชา โดยเป็นการเล่นด้วยวิธีมือเปล่า และไม่ได้มีอาวุธอะไร
วันนี้ (29 ม.ค.) พ.อ.สมคิด คงแข็ง ผบ.ฉก.ทพ.42 ยืนยันการนำกำลังเจ้าหน้าที่ปิดล้อมตรวจค้น บริเวณสถาบันศึกษาปอเนาะมัดรอสาตูลฟาละห์ เลขที่ 4 หมู่ 4 ต.ถนน อ.มายอ จ.ปัตตานี เป็นการจับนักเรียนปอเนาะที่เป็นชาวกัมพูชา ที่ไม่มีหนังสือเดินทาง และหนังสือเดินทางหมดอายุ หลังจากเข้ามาฝึกร่างกาย การต่อสู้ด้วยมือเปล่า
ประกอบด้วย นายสะอูดี เลาะแม็ง อายุ 50 ปี เจ้าของโรงเรียนปอเนาะ, นายอาลียัส ดือระซอ อายุ 19 ปี, นายสูเปียน เจะมะ อายุ 23 ปี, นายมูฮัมหมัดอัมรี มะเยง อายุ 19 ปี, นายมะเปาะซู คาเร็ง อายุ 40 ปี, นายอับดุลเลาะ สาแมง อายุ 20 ปี, นายฮาริส มีซา อายุ 23 ปี, นายยะยา ดือราแม อายุ 18 ปี, นายธลิต แวหามะ อายุ 21 ปี, นายอาหามะ เจะดาโอ๊ะ อายุ 36 ปี, นายบุรฮานนุดีน ลาเตะ อายุ 22 ปี, นายรอมลี สาแมง อายุ 35 ปี และนายบูขอรี เจะมะ อายุ 19 ปี ขณะนี้ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
ผบ.ฉก.ทพ.42 กล่าวด้วยว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีการฝึกร่างกายด้วยมือในปอเนาะ จึงเข้าไปปิดล้อมพบเป็นเด็กกัมพูชา 13 คน หนังสือเดินทางหมดอายุ และบางคนไม่มีหนังสือเดินทาง เข้ามาฝึกร่างก่ายด้วยมือเปล่าภายในปอเนาะ จึงได้นำมาสอบสวนที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร และดำเนินการตามกระบวนการ เบื้องต้นยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาอะไรกับเด็ก และเจ้าของปอเนาะ แต่แค่นำมาสอบสวน
ขณะที่ นางอสดีละ สาแลแม ภรรยาของ นายสาอุดี เลาะแม็ง เจ้าของปอเนาะมัดรอสาตูลฟาละห์ กล่าวว่า ยืนยันว่าที่ปอเนาะไม่มีการปลุกระดม ไม่ได้ฝึกร่ายกายอะไร แต่เป็นการเล่นกีฬาตามประเพณีของชาวกัมพูชา ที่ปอเนาะสอนให้มีการเรียนการสอนเท่านั้น ไม่ได้มีการให้ฝึกอย่างที่เป็นข่าวเลย
จากนั้นจึงได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนเกิดเหตุว่า เมื่อประมาณ 22.30 น. หลังจากที่บาบอสอนกีตาบเสร็จ ก็เป็นช่วงพักผ่อนตามอัธยาศัย บางคนก็เรียนอยู่ บางคนก็ไปนอน บางคนก็เล่น จากนั้นก็มีรถเข้ามาแล้วบอกให้บาบอพาไปค้นปอเนาะ และค้นทุกห้อง โดยมีเจ้าหน้าที่พร้อมอาวุธปืนครบมือ 6 คน อยู่ด้านหลัง และผู้ใหญ่บ้าน ก็ไม่เจออะไร
“เขาเรียกเด็กกัมพูชาทั้ง 11 คนมา บางคนพบว่าหนังสือเดินทางหมดอายุ บางคนไม่ได้หมดอายุ และเชิญบาบอไป มีเด็กปอเนาะขอตามบาบอไปด้วย 1 คน เขาให้ไป ก็ยืนยันว่าเรื่องการฝึกร่างกายไม่ใช่ความจริง แต่ยอมรับเรื่องนักเรียนกัมพูชาหนังสือเดินทางหมดอายุ”
โดยปอเนาะมัดรอสาตูลฟาละห์ เปิดมาตั้งแต่ปี 2546 มีพื้นที่ของปอเนาะรวม 7 ไร่ เป็นปอเนาะที่สอนกีตาบ และอัลกุรอ่านเฉพาะเด็กผู้ชาย ในพื้นที่บันนังสตา เบตง ยะหริ่ง มายอ มีเด็กนักเรียนปอเนาะทั้งหมด 50 คน รวมทั้งนักเรียนที่เป็นชาวกัมพูชาด้วย
ทุกวันตั้งแต่ตื่นมาละหมาดตอนเช้า ก็จะให้อ่านอัลกุรอ่าน เรียนกีตาบจนถึงเวลา 7.30 น. พักผ่อนจนถึง 9.30 น. สอนกีตาบจนถึง 11.00 น. พักเที่ยงกินข้าวละหมาดตอนเที่ยง 13.00 น. สอนกีตาบจนถึง 15.00 น. พักผ่อนละหมาดตอนเย็น หลังละหมาดอัซรี 19.30 น. ก็จะสอนกีตาบ พักละหมาด แล้วก็สอนกีตาบอีกจนถึง 21.00-22.00 น. ของทุกวัน ก็จะปล่อยให้เด็กพักผ่อนตามอัธยาศัย ทุกๆ วันก็จะเป็นแบบนี้จนกระทั่งมาเกิดเหตุดังกล่าว
ด้านนายอับดุลอาซิส ยานยา นายกสมาคมสถาบันการศึกษาปอเนาะ 5 จังหวัดชายแดนใต้ กล่าวว่า ยืนยันว่าเด็กที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนั้น ไม่ได้มีการฝึกร่างกาย แต่เป็นการละเล่นของเด็กกัมพูชา เขาเล่นด้วยวิธีมือเปล่า และไม่ได้มีอาวุธอะไร
“ยืนยันว่าปอเนาะไม่มีการปลุกระดมให้มีการฝึก ในส่วนของเด็กกัมพูชาที่หนังสือเดินทางหมดอายุ ก็ขอให้ดำเนินการตามกระบวนกฎหมาย หลังจากนี้ก็จะมีการเรียกเจ้าของปอเนาะหารือ ที่จะหามาตรการร่วมที่จะไม่รับเด็กจากต่างประเทศ ที่เอกสารไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะที่ 3 จังหวัดบ้านเรามีปัญหา เราต้องระวัง นอกจากนี้ก็จะชี้แจงให้กองทัพได้เข้าใจว่า ปอเนาะไม่มีการปลุกระดมทำในสิ่งที่ไม่ดี”
นายมะแอ สะอะ หรือ “ฮะยีอิสมะแอ ท่าน้ำ” อดีตแกนนำพูโล กล่าวว่า ขอให้ทุกฝ่ายใช้วิธีการคลี่คลายปัญหาอย่างสันติวิธี โดยเฉพาะรัฐบาล ในช่วงนี้เราอยู่ระหว่างที่จะมีการเลือกตั้ง เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ก็จะทำให้เสียดุลทางการเมือง โดยเฉพาะพรรคของรัฐบาล
สำหรับการอยู่ร่วมกันเพื่อให้เกิดความสันติสุข เจ้าหน้าที่เมื่อจะเข้าไปในชุมชน หรือจะทำอะไรก็ตาม ให้มีการแจ้งผู้นำในพื้นที่ ส่วนชาวบ้านจะทำอะไร เวลาอะไร ก็ขอให้ทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม และให้มีการแจ้งประสานกับเจ้าหน้าที่ทุกครั้ง เพื่อความสงบสุขของทุกฝ่าย
“เรื่องที่เกิดขึ้นกับปอเนาะโลกให้ความสนใจ และเป็นความเสียหายของทั้ง 2 ฝ่าย ก็ขอให้ทุกฝ่ายใช้วิธีสันติในการคลี่คลายปัญหา เพื่อเอื้อต่อการเจรจา”
นางคอลีเยาะ หะหลี ประธานกลุ่มสตรีอาสาคลายทุกข์จังหวัดชายแดนใต้ กล่าวว่า คือวิถีชีวิตเด็กปอเนาะ หลายคนอาจสงสัย หวาดระแวง อยากสร้างความเข้าใจ อยากให้เราคุยกัน เรื่องอะไรที่สามารถคุยกันได้ ก็อยากให้มาคุยมากกว่านำกำลังมา ทำให้เกิดความรู้สึกที่ขยายไปในมุมกว้าง ประชาชนลดความเชื่อมั่นที่มีต่อเจ้าหน้าที่ ที่มีต่อภาครัฐด้วย เพราะฉะนั้นการสงสัยอะไรก็แล้วแต่ เดินเข้ามาถาม มาคุยกัน จะเป็นทางออกอีกทางที่ดีที่สุด มากกว่าการนำกำลังจำนวนเยอะๆ มา มันไม่เอื้อต่อบรรยากาศในการสร้างสันติสุขในพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า จากการลงพื้นที่ได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงวิธีการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่เข้าไปลักษณะจู่โจมทางด้านหลังของปอเนาะยามวิกาล โดยไม่ได้แจ้งทางผู้บริหาร หรือเจ้าของปอเนาะให้ได้รับทราบ ไม่แจ้งให้ทางผู้ใหญ่บ้านในท้องที่ทราบ ทั้งที่ที่ทำการผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 บ้านถนน อยู่ตรงข้ามกับประตูเข้าออกของสถาบันปอเนาะดังกล่าว
โดยเข้าควบคุมตัวเด็กนักเรียนปอเนาะ ทั้งๆ ที่เด็กอยู่ในที่สงบ ไม่ได้แสดงการขัดขืนต่อสู้แต่อย่างใด ใช้วิธีควบคุมตัวด้วยเครื่องยิงแหพันทั้งตัวเด็กนักเรียนเหมือนไม่ใช่มนุษย์ สั่งให้เด็กคว่ำหน้ากับพื้น และจับไขว้มือทั้งสองข้าง ทำยังกับเป็นนักโทษฉกรรจ์ร้ายแรง แล้วปฏิบัติการณ์ดังกล่าวในบริเวณสถานศึกษาศาสนาอิสลามด้วย ถึงแม้นักเรียนเหล่านั้นจะเป็นชาวกัมพูชาก็ตาม ก็ต้องไม่ละเมิดสิทธิมนุษยธรรม เพราะเขามาเพื่อต้องการศึกษา ไม่ได้มาก่อเหตุร้ายแต่อย่างใด
ซึ่งต้องยอมรับว่า ในพื้นที่มีชนต่างชาติหลายประเทศเข้ามาศึกษาเรียนรู้ด้านศาสนาอิสลาม ผ่านตำรากีตาบ เรียนทั้งภาษายาวี อาหรับ และภาษาไทยก็มีบ้าง เป็นที่ยอมรับของมุสลิมทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศมุสลิมในภูมิภาคอาเซียน จึงมีการเดินทางเข้ามาศึกษาตามปอเนาะ และระดับวิทยาลัย ตามมหาวิทยาลัยในพื้นที่เป็นจำนวนมาก การกระทำเช่นนี้อาจส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศในสายตาของมุสลิมได้
โดยในที่เกิดเหตุพบเพียงหมอน 2 ใบ ที่ผูกไว้กับลำต้นยางพารา ผูกไว้สูงประมาณ 30 เซนติเมตร และผูกไว้อีกใบสูงประมาณ 80 เซนติเมตร สวนสนามที่ปรากฏในภาพที่เห็นเด็กถูกไขว้มือ หลังมอบหน้าลงกับพื้นนั้น เป็นภาพที่อยู่ในสนามฟุตบอลที่ไม่มีต้นหญ้าแม้สักต้นเดียว มีแค่พื้นดินที่นักเรียนปอเนาะใช้เล่นกีฬา และฟุตบอล โดยภาพรวมของสภาพปอเนาะไม่มีอะไรเป็นรั้วกั้นเลย ไม่ได้เป็นพื้นที่มิดชิด จึงยากที่จะแอบทำอะไรในสิ่งที่ผิดกฎหมาย