ศูนย์ข่าวภาคใต้ - “เครือข่ายปกป้องดิน น้ำ ป่า นครศรีธรรมราช-พัทลุง” ประกาศชัยชนะ! ภายหลังรัฐบาลยอมชะลอ 4 โครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ตามข้อเรียกร้อง พร้อมเตรียมสั่งตั้งคณะกรรมการ 3 ฝ่าย ทั้งฝ่ายประชาชน ฝ่ายวิชาการ และหน่วยงานของรัฐ ทำการศึกษาอย่างรอบด้าน
ความคืบหน้าล่าสุดกรณีเครือข่ายปกป้องดิน น้ำ ป่า นครศรีธรรมราช-พัทลุง ที่ได้เดินทางจากถิ่นฐานบ้านเกิดในพื้นที่ภาคใต้ มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมา จนถึงวันนี้ 29 ม.ค.62 ได้มีการแถลงข้อตกลงร่วมกันกับรัฐบาล บริเวณข้างทำเนียบรัฐบาล โดยถือเป็นชัยชนะของภาคประชาชนอีกครั้ง ซึ่งในหนังสือข้อตกลงระบุว่า...
กราบเรียน นายกรัฐมนตรี ข้อเสนอของกลุ่ม และเครือข่ายปกป้องดิน น้ำ ป่า นครศรีธรรมราช-พัทลุง เพื่อให้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากกรณีการก่อสร้าง ดังนี้
1. โครงการผันน้ำเมืองนคร
2. โครงการเขื่อนวังหีบ
3. โครงการเขื่อนคลองสังข์
4. โครงการประตูกั้นน้ำปากประ
โดยมีข้อเรียกร้อง ดังนี้
1. เพื่อให้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจากกรณีการก่อสร้างทั้ง 4 โครงการ มีความเห็นตรงกัน จึงขอให้กรมชลประทาน ชะลอการดำเนินการทั้ง 4 โครงการเอาไว้ก่อน จนกว่าผลการศึกษาของ คณะกรรมการร่วมจะเสร็จสิ้น
2. การชะลอโครงการเอาไว้ก่อนหมายรวมถึงการชะลอการดำเนินการใดๆ ที่นำไปสู่การดำเนินการก่อสร้าง การดำเนินการในพื้นที่ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเวนคืน และการทำงานที่เกี่ยวข้องกับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนสนับสนุนการก่อสร้าง
3. คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นต้องประกอบด้วย 3 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายประชาชน ฝ่ายวิชาการ และหน่วยงานของรัฐ โดยฝ่ายวิชาการนั้นต้องเป็นการเสนอจากฝ่ายหน่วยงานของรัฐ และฝ่ายของประชาชนอย่างละครึ่ง โดยให้ยึดหลักวิชาการทางอุตุนิยมวิทยา ภูมิศาสตร์ หลักการชลประทานและหลักภูมิสังคม
4. คณะกรรมการมีบทบาทสำคัญ ดังนี้
4.1 ทำหน้าที่ประเมินเชิงยุทธศาสตร์เพื่อสร้างทางเลือกทางการจัดการน้ำแต่ละกรณี ว่ามีทางเลือกการจัดการน้ำได้กี่ทางเลือก
4.2 ทำหน้าที่ศึกษาว่าโครงการทั้ง 4 โครงการ สามารถแก้ปัญหาตามที่ระบุไว้อย่างมีประสิทธิภาพหรือไม่ เมื่อเปรียบเทียบกับทางเลือกอื่น
4.3 ทำหน้าที่สรุปแนวทางการจัดการน้ำที่ดีที่สุดทั้ง 4 กรณี ซึ่งหมายรวมถึงโครงการใดต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบ และวิธีการดำเนินการ ซึ่งเกณฑ์การตัดสินใจเลือกต้องคำนึงถึงการไม่ทำลาย ระบบนิเวศน์ และชีวิตประชาชนที่จะได้รับความเดือดร้อนเป็นเกณฑ์สำคัญที่สุด
5. การศึกษาการประเมินยุทธศาสตร์เพื่อสร้างทางเลือกการพัฒนา จะต้องมีระยะเวลาการประเมิน ที่ครอบคลุมวงจรของระบบนิเวศน์ให้ดำเนินการแล้วเสร็จภายใน 1 ปี และคำนึงถึงการมีส่วนร่วมอย่างมีนัยสำคัญครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย มิใช่เพียงเป็นการประชาสัมพันธ์โครงการ
6. ผลการศึกษาของคณะกรรมการให้มีผลผูกพันต่อการดำเนินการของกรมชลประทาน ทั้งนี้ให้เป็นไปตามระเบียบของส่วนราชการ