xs
xsm
sm
md
lg

ที่เห็นและเป็นอยู่คู่บ้านเมืองที่ด้อยพัฒนา ยุบทิ้ง “การปกครองส่วนภูมิภาค” ดีไหม?!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

 
คอลัมน์ : คนคาบสมุทรมลายู
โดย...จรูญ หยูทอง-แสงอุทัย เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสังคมและชุมชน ภาคใต้
 

 
ประเทศไทยว่ากันว่าปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย (สลับกับการยึดอำนาจโดยกองทัพ) มาเกือบร้อยปี แต่ก็พัฒนาไปไม่ถึงไหน ยังล้าหลัง ย่ำแย่ในทุกด้าน และกำลังเข้าสู่วิกฤตทางสังคม เศรษฐกิจ การเมือง การศึกษา กระบวนการยุติธรรมและวัฒนธรรม เพราะเราไม่สร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตยและการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีตามหลักธรรมาภิบาล
 
โครงสร้างทางการปกครองของเรา  มีการปกครอง  3  รูปแบบทับซ้อนกัน คือ  การปกครองส่วนกลาง  การปกครองส่วนภูมิภาค  และการปกครองส่วนท้องถิ่น  โดย การปกครองส่วนกลาง  ประกอบด้วย  กระทรวง  ทบวง  กรม  เป็นผู้กำกับนโยบายและรวมศูนย์อำนาจไว้ที่ กทม. และทำเนียบรัฐบาล  การปกครองส่วนภูมิภาค  ประกอบด้วย  จังหวัด  อำเภอ  ตำบล และหมู่บ้าน  อยู่ในความรับผิดชอบดูแลกำกับบัญชาการโดยกระทรวงมหาดไทย  การปกครองส่วนท้องถิ่น  ประกอบด้วย  กทม.  เมืองพัทยา  องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)  เทศบาลทและองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.)  อยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทยเช่นกัน
 
ในโครงสร้างของการปกครองทั้งสามส่วน  การปกครองส่วนภูมิภาคเป็นโครงสร้างที่ทับซ้อนกับการปกครองส่วนท้องถิ่นมากที่สุด  จนแทบจะแยกกันไม่ออก  โดยเฉพาะกำนัน  ผู้ใหญ่บ้านที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเหมือนสมาชิก อบต.หรือเทศบาล  แต่บทบาทหน้าที่กลับตอบสนองภารกิจของนายอำเภอ และผู้ว่าฯ  มากกว่าจะเป็นปากเสียงในฐานะตัวแทนชาวบ้านอย่าง อบต.และ ส.ท. หรือ ส.จ.
 
ในส่วนของอำนาจหน้าที่ผู้ว่าฯ และนายอำเภอไม่ได้มีอำนาจเด็ดขาดในการแก้ปัญหาของชุมชนท้องถิ่น  เป็นได้แค่ผู้ประสานงานระหว่างส่วนกลางกับท้องที่หรือชาวบ้าน  และส่วนใหญ่มักจะตอบสนองความต้องการของผู้บังคับบัญชา  มากกว่าความต้องการของประชาชนในความดูแลรับผิดชอบ
 
ดังจะเห็นได้จากการบรรเทาความเดือดร้อนจากนโยบายของรัฐบาล  และการดำเนินการตามกฎหมายต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อประชาชน  เรื่องราวความเดือดร้อนเหล่านั้นไม่สามารถจะตัดสินชี้ขาด  หรือจบกันบนที่ว่าการอำเภอ โดยนายอำเภอเป็นตัวแทนภาครัฐ  หรือบนศาลากลางจังหวัด โดยมีผู้ว่าฯ เป็นตัวแทนภาครัฐ  แต่ประชาชนต้องตากหน้าไปที่กระทรวงและหน้าทำเนียบ  และมักจะจบลงแบบไม่ค่อยสวยงามสักเท่าไร
 
คงจะมีนายอำเภอ และผู้ว่าฯ หลายคนที่มีความรู้ความสามารถ และอยากจะตอบสนองความต้องการของประชาชนในการแก้ปัญหา  แต่เนื่องจากวัฒนธรรมอำนาจของประเทศไทยที่สืบทอดกันมายาวนาน และพฤติกรรมข้าราชการไทยที่ไม่ใส่ใจกับประชาชนผู้ด้อยโอกาสและเสียเปรียบ  ผู้เป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ  ทำให้ระบบราชการของการปกครองส่วนภูมิภาคกลายเป็นความสูญเปล่าเชิงโครงสร้าง  และไม่สร้างความน่าเชื่อถือในหมู่ประชาชนผู้ได้รับความทุกข์ยากเดือดร้อน  โดยเฉพาะผลกระทบที่เกิดจากโครงการหรือแนวนโยบายในการพัฒนาที่ไม่เอื้อต่อความผาสุกของประชาชน  และนำมาซึ่งความเดือดร้อนหายนะของประชาชนและชุมชน  ในโครงการที่มีการแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติระหว่างภาครัฐ  ภาคเอกชนกับภาคประชาชนและประชาสังคม
 
ส่วนการปกครองส่วนท้องถิ่นที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของชุมชนท้องถิ่นโดยตรง  ทันต่อเหตุการณ์และเป็นโรงเรียนฝึกฝนความเป็นประชาธิปไตยของประชาชน  ก็ถูกทำให้เป็นที่รังเกียจเหยียดหยามในสายตาของนักปกครองและประชาชนว่า  เป็นที่ซ่องสุมของผู้รับเหมา  นายบ่อน  ผู้ทรงอิทธิพล  อันธพาล  ผู้แสวงหาผลประโยชน์จากงบประมาณของรัฐส่วนกลางและท้องถิ่น ฯลฯ (ซึ่งในความเป็นจริงอาจมีบ้าง  แต่ไม่ใช่ทั้งหมด  และผู้ที่สร้างภาพลักษณ์แบบนี้ก็มาจากส่วนกลางและส่วนภูมิภาคนั่นแหละ)
 
เมื่อเป็นเช่นนี้  ประเทศไทยจึงถูกบริหารจัดการโดยส่วนกลางที่อยู่ไกลจากปัญหา  เข้าไม่ถึงปัญหาหรือเจ้าของปัญหา  เข้าถึงแค่ผู้รู้ปัญหา  ซึ่งเป็นนายหน้าค้าความทุกข์ยากเดือดร้อนและค้าโครงการ  การปกครองส่วนภูมิภาคที่ไม่ได้มาจากความต้องการของประชาชน  และไม่ได้ทำหน้าที่ในนามตัวแทนเป็นปากเสียงของประชาชน  แต่ทำหน้าที่เป็นมือเท้าและเครื่องมือของส่วนกลางที่เป็นพวก “ตาบอดคลำช้าง”  และส่วนท้องถิ่นที่ถูกทำให้เป็นผู้ทรงอิทธิพลและเป็น “นายคนใหม่” ของประชาชน  พยายามสถาปนาระบบเจ้าใหญ่นายโต หรือขุนนางกลางทุ่งนั่งอยู่เหนือหัวประชาชน  สมคบกับนายทุนขุนศึก  เพื่อไต่เต้าไปสู่ระดับชาติต่อไป
 
ประชาชนคนชั้นล่างผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย  และเป็นประชากรติดแผ่นดินจริงๆ จึงไม่สามารถพึ่งพิงอำนาจรัฐทั้งสามส่วนนี้ได้อย่างเต็มที่  ตรงตามเป้าหมายและภาษีที่ต้องสูญเสียไปเพื่อดูแลความเป็นอยู่และการบริหารจัดการของการปกครองทั้งสามส่วน  ตามสิทธิอันพึงมีพึงได้และพึงเป็นในสังคมประชาธิปไตย
 
ดังนั้น จึงถึงเวลาที่ต้องทบทวนว่า เราควรจะปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางการปกครอง  โดยการคงไว้แต่ส่วนกลางกับส่วนท้องถิ่น  ไม่ต้องมีส่วนภูมิภาค  หรือถ้ายืนยันจะให้คงไว้ต่อไป  ก็ต้องปรับเปลี่ยนบทบาท  สถานภาพตามความเหมาะสมตามที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน  และส่งมอบอำนาจนั้นให้แก่การปกครองส่วนท้องถิ่น (รูปแบบใหม่ตามรัฐธรรมนูญที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ฉบับปี 2540 ไม่ใช่โครงสร้างส่วนท้องถิ่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน)
 
เพราะในความเป็นจริงพื้นที่ในการบริหารจัดการมีเฉพาะส่วนกลางและส่วนท้องถิ่นเท่านั้น  ส่วนของส่วนภูมิภาคคือของส่วนท้องถิ่นทั้งหมด  เพียงแต่ที่ผ่านมา มีการสัมปทานอำนาจ  เพื่อรองรับคนของบางกระทรวง  ไม่ใช่เพื่อ “บำบัดทุกข์  บำรุงสุข” ให้ประชาชนอย่างที่อวดอ้างกันมาเกือบร้อยปี.
 


กำลังโหลดความคิดเห็น