นครศรีธรรมราช - ไม่ยี่หระบนคราบน้ำตา! นายอำเภอทุ่งสง จ.นครศรีฯ คู่กรณีแจ้งความจับชาวบ้านวังหีบ นำกำนัน ผู้ใหญ่บ้านเข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าฯ หนุนโครงการ “เขื่อนวังหีบ” ยอมรับพื้นที่ จ.ตรัง จะได้ประโยชน์มหาศาล อ้างพื้นที่โครงการเป็นป่าเสื่อมโทรม
แม้ชาวบ้านใน จ.นครศรีธรรมราช พื้นที่ได้รับผลกระทบจากโครงการของกรมชลประทาน ที่ถูกอ้างว่าเป็นโครงการตามแนวพระราชดำริ เช่น โครงการขุดคลองเลี่ยงเมืองใน อ.เมืองนครศรีธรรมราช โครงการเขื่อนคลองสังข์ใน อ.ทุ่งใหญ่ โครงการเขื่อนวังหีบใน อ.ท่งสง รวมทั้งชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากประตูกั้นน้ำเค็มปากประ ใน จ.พัทลุง จะรวมตัวกันเดินทางไปปักหลักอยู่หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อคัดค้านโครงการเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความคับแค้น เนื่องจากความพยายามจากภาครัฐในการเบียดขับพวกเขาออกไปจากพื้นที่ทำกิน และชุมชนที่อาศัยดั้งเดิม ด้วยเหตุผลต้องเสียสละเพื่อคนส่วนใหญ่ โดยจะต้องรับมาตรการเยียวยาตามที่กำหนดให้ แม้ว่าจะมีการคัดค้าน และชี้ถึงความไม่สมเหตุสมผลของโครงการจากชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง แต่ภาครัฐยังคงเดินหน้า
ล่าสุด วันนี้ (29 ม.ค.) นายจิรโรจน์ สำแดง นายอำเภอทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช พร้อมด้วย นายเชาวรัตน์ สมทรง ได้ทำจดหมายเปิดผนึก ซึ่งถูกลงนามโดย นายเชาวรัตน์ สมทรง ในฐานะประธานกลุ่มเครือข่ายภาคีสนับสนุนการพัฒนาโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.นครศรีธรรมราช เพื่อส่งไปยังนายกรัฐมนตรี โดยผ่านทาง นายจำเริญ ทิพญพงศ์ธาดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ในเรื่องขอให้เร่งรัดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช โดยมีเนื้อหาขอให้มีการเร่งรัดให้มีการเปิดหัวงานโครงการวังหีบ เร่งการจ่ายค่าชดเชยแก่ราษฎรในพื้นที่
แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ในขณะที่เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้ นายเชาวรัตน์ สมทรง ได้รายงานตัวต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช มาในฐานะประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอทุ่งสง ซึ่งทราบต่อมาว่า แท้ที่จริงแล้ว นายเชาวรัตน์ สมทรง เป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ต.นาหลวงเสน และมีตำแหน่งเป็นประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านทุ่งสงอีก 1 ตำแหน่งด้วย และผู้ที่เข้าร่วมในการยื่นจดหมายฉบับนี้ มีรายงานว่า ล้วนแต่เป็นผู้ที่คุ้นเคยเข้าออกที่ว่าการอำเภอทุ่งสง บางคนสวมเสื้อตรามหาดไทย
ขณะที่ นายเชาวรัตน์ สมทรง ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกฉบับนี้ พร้อมทั้งกล่าวว่า ขอให้มีการเร่งรัดดำเนินการโครงการ เนื่องจากโครงการนี้มีผลได้มากกว่าผลเสีย และอ้างว่าข้อมูลที่บอกว่าพื้นที่วังหีบเป็นป่าสมบูรณ์นั้นไม่เป็นความจริง นายอำเภอได้บินสำรวจแล้ว และตนอยู่ในพื้นที่เป็นป่าเสื่อมโทรม และสวนยางพาราไปหมดแล้ว
ผู้สื่อข่าวได้ตั้งคำถามกับ นายจิโรจน์ สำแดง นายอำเภอทุ่งสง ว่า ในเมื่อพบว่ามีการบุกรุกป่า หรือการทำลายพื้นที่ป่าจะมีการแจ้งความดำเนินคดีหรือไม่ นายจิรโรจน์ กล่าวว่า ป่าผืนนี้ชลประทานได้ไปขอใช้เป็นสิทธิของชลประทาน จึงเข้าข่ายกฎหมายนิรโทษ จึงต้องคืนมาสร้างอ่างเพื่อประโยชน์ของประชาชน สุดท้ายคนที่ได้ประโยชน์จากอานิสงส์จากอ่างนี้ ก็คือชาว จ.ตรัง ที่จะได้ประโยชน์มหาศาล
นายอำเภอทุ่งสง กล่าวด้วยว่า ที่ถูกอ้างว่าอ่างจะทำลายน้ำตกที่สวยงาม ทำลายต้นไม้ที่ใหญ่นั้นไม่มี น้ำท่วมไม่ถึงทั้งหนานปลิว และหนานตากผ้า ที่ทำอ่างเก็บน้ำวังหีบ ระดับน้ำอยู่แค่ 254 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล นายจิรโรจน์ ยังกล่าวด้วยว่า เคยเดินเข้าไปสำรวจในพื้นที่กับชาวบ้านที่เป็นแกนนำบางคนโดนคดีป่าไม้ ตอนทำประชาพิจารณ์ เขาติดคุกอยู่เป็นการเลี่ยงบาลี ตนมีหมายจับหมายศาลต้องโทษจำคุก ผู้หญิงอีกคนมีคดียาเสพติดเป็นตัวเอ้ ทั้งหมดที่บุกยึดพื้นที่นี้อยู่ ทุกคนเข้าไปจะรู้ว่าพื้นที่นี้เป็นอย่างไร