ชุมพร - ผู้ว่าฯ ชุมพร สั่งตรวจสอบเอาผิดทั้งอาญา วินัย ผู้บริหารสถานศึกษาสวมชื่อครูปลอมลายเซ็นรับเงินเดือนครูที่ลาออกไปแล้ว ด้านอดีตครูผู้ร้องหวั่นอันตราย ต้องย้ายออกจากบ้าน
จากกรณี น.ส.วลัยลักษณ์ ล้านเกตุบุตร อายุ 26 ปี อดีตครูปฐมวัย โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.สวี จ.ชุมพร หอบหลักฐานเข้าร้องเรียนต่อสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดชุมพร ถึงพฤติกรรมทุจริตของผู้บริหารโดยปลอมลายเซ็นครูที่ลาออกไปนานร่วมปีแล้ว แต่ยังมีกาเซ็นชื่อรับเงินเดือนทุกเดือนตามข่าวที่นำเสนอมาแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (18 ม.ค.) นายวิบูลย์ รัตนาภรณ์วงศ์ ผวจ.ชุมพร เปิดเผยว่า หลังทราบข่าวจากสื่อมวลชนแล้ว ตนได้สอบถามไปยังผู้เกี่ยวข้องสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดชุมพร พร้อมทั้งสั่งการให้ชี้แจงรายละเอียดให้จังหวัดทราบโดยด่วนแล้ว ซึ่งถ้าพบว่าเป็นข้อเท็จจริงตามข้อร้องเรียนให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อเอาผิดทั้งทางอาญาและวินัยอย่างเด็ดขาด เพื่อไม่ให้ผู้ที่ทุจริตอยู่ในหน้าที่ตำแหน่งราชการอย่างเด็ดขาด
นายวิบูลย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น ในส่วนของคุณภาพของการเรียนการสอนที่โรงเรียนดังกล่าวก็ได้รับการร้องเรียนว่าไม่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ปกครองนักเรียน จากที่เคยมีนักเรียนมากกว่า 100 คน จนถึงเวลานี้เหลือไม่ถึง 100 คนแล้ว จึงต้องมีการตรวจสอบด้วยว่าการเรียนการสอนของคณะครูที่โรงเรียนดังกล่าวได้มาตรฐานของกระทรวงศึกษาธิการหรือไม่อย่างไร จังหวัดชุมพรจะดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะเด็กคืออนาคตของชาติ
ด้าน น.ส.วลัยลักษณ์ ล้านเกตุบุตร อดีตครูปฐมวัยผู้ร้องเรียน กล่าวกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า หลังจากที่ตนร้องเรียน ป.ป.ช.ชุมพร จนเป็นข่าวทางสื่อมวลชน ตนได้รับคำเตือนจากญาติพี่น้องให้ระวังตัวเนื่องจากกลัวว่าจะได้รับอันตราย ทำให้ต้องย้ายที่อยู่จากบ้านที่อาศัยไปหาที่พักพิงแห่งใหม่ เพื่อความปลอดภัยทั้งของตนเอง และของพ่อแม่ด้วย แต่ไม่ขอบอกว่าจะไปอยู่ที่ไหน เพราะบ้านตนกับโรงเรียนดังกล่าวอยู่ไม่ไกลกัน
นอกจากเรื่องการทุจริตที่ตนเปิดเผยแล้ว ยังมีประเด็นเรื่องผู้ที่เป็นครูซึ่งเป็นพวกของฝ่ายผู้บริหารบางคนก็ไม่มีใบรับรองวุฒิครูอีกจำนวนหนึ่งที่ยังสอนอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ ที่ผ่านมาก็ไม่ได้ดำเนินการให้เป็นตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการแต่อย่างใด
จากกรณี น.ส.วลัยลักษณ์ ล้านเกตุบุตร อายุ 26 ปี อดีตครูปฐมวัย โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.สวี จ.ชุมพร หอบหลักฐานเข้าร้องเรียนต่อสำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดชุมพร ถึงพฤติกรรมทุจริตของผู้บริหารโดยปลอมลายเซ็นครูที่ลาออกไปนานร่วมปีแล้ว แต่ยังมีกาเซ็นชื่อรับเงินเดือนทุกเดือนตามข่าวที่นำเสนอมาแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 15.00 น.วันนี้ (18 ม.ค.) นายวิบูลย์ รัตนาภรณ์วงศ์ ผวจ.ชุมพร เปิดเผยว่า หลังทราบข่าวจากสื่อมวลชนแล้ว ตนได้สอบถามไปยังผู้เกี่ยวข้องสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดชุมพร พร้อมทั้งสั่งการให้ชี้แจงรายละเอียดให้จังหวัดทราบโดยด่วนแล้ว ซึ่งถ้าพบว่าเป็นข้อเท็จจริงตามข้อร้องเรียนให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อเอาผิดทั้งทางอาญาและวินัยอย่างเด็ดขาด เพื่อไม่ให้ผู้ที่ทุจริตอยู่ในหน้าที่ตำแหน่งราชการอย่างเด็ดขาด
นายวิบูลย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนั้น ในส่วนของคุณภาพของการเรียนการสอนที่โรงเรียนดังกล่าวก็ได้รับการร้องเรียนว่าไม่ได้รับความไว้วางใจจากผู้ปกครองนักเรียน จากที่เคยมีนักเรียนมากกว่า 100 คน จนถึงเวลานี้เหลือไม่ถึง 100 คนแล้ว จึงต้องมีการตรวจสอบด้วยว่าการเรียนการสอนของคณะครูที่โรงเรียนดังกล่าวได้มาตรฐานของกระทรวงศึกษาธิการหรือไม่อย่างไร จังหวัดชุมพรจะดูแลเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะเด็กคืออนาคตของชาติ
ด้าน น.ส.วลัยลักษณ์ ล้านเกตุบุตร อดีตครูปฐมวัยผู้ร้องเรียน กล่าวกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า หลังจากที่ตนร้องเรียน ป.ป.ช.ชุมพร จนเป็นข่าวทางสื่อมวลชน ตนได้รับคำเตือนจากญาติพี่น้องให้ระวังตัวเนื่องจากกลัวว่าจะได้รับอันตราย ทำให้ต้องย้ายที่อยู่จากบ้านที่อาศัยไปหาที่พักพิงแห่งใหม่ เพื่อความปลอดภัยทั้งของตนเอง และของพ่อแม่ด้วย แต่ไม่ขอบอกว่าจะไปอยู่ที่ไหน เพราะบ้านตนกับโรงเรียนดังกล่าวอยู่ไม่ไกลกัน
นอกจากเรื่องการทุจริตที่ตนเปิดเผยแล้ว ยังมีประเด็นเรื่องผู้ที่เป็นครูซึ่งเป็นพวกของฝ่ายผู้บริหารบางคนก็ไม่มีใบรับรองวุฒิครูอีกจำนวนหนึ่งที่ยังสอนอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ ที่ผ่านมาก็ไม่ได้ดำเนินการให้เป็นตามระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการแต่อย่างใด
