ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สั่งย้ายเกือบยกโรงพัก สังเวยพิษลักลอบขนไม้หวงห้ามที่สุราษฎร์ฯ ตรวจพบตำรวจในพื้นที่มีเอี่ยวนำไม้ไปสร้างบ้าน ตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง ยังพบไม้บางส่วนนำไปสร้างวัด และบ้านไม่มีเลขที่
จากเมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรวิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี ได้จับกุมคดีความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ โดยจับกุมผู้ต้องหา 6 คน พร้อมของกลางรถยนต์บรรทุก 10 ล้อ จำนวน 5 คัน และไม้หวงห้ามแปรรูป ปริมาตร 51.29 ลูกบาศก์เมตร ตามคดีอาญาที่ 14/2562 โดยกล่าวหาว่า ทำไม้ มีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครองปริมาตรเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร
ต่อมา จากการสืบสวนขยายผล เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้ไปตรวจสอบ พบพื้นที่ถูกบุกรุกแผ้วถาง และมีร่องรอยการแปรรูปไม้ จึงได้รับคำร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาที่ 17/2562 กล่าวหาว่า บุกรุกก่นสร้างแผ้วถางป่า ทำไม้มีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครองปริมาตรเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร และตรวจพบว่า ห่างจากพื้นที่ที่ถูกบุกรุก 1.5 กิโลเมตร มีบ้านกำลังก่อสร้างและมีไม้แปรรูปกองในบ้านดังกล่าว ปริมาตร 2.57 ลูกบาศก์เมตร จึงได้ทำการตรวจยึดและร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาที่ 18/2562 กล่าวหาว่า ทำไม้และมีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครองปริมาตรเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร และเนื่องจากรณีดังกล่าวทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อป่าไม้ และมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงได้มีคำสั่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่ง ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ 30/2562 ลงวันที่ 16 มกราคม 2562 ร่วมกันทำการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว จากการสืบสวน ทราบว่า มีการนำไม้บางส่วนไปทำการก่อสร้างในอำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 3 จุด โดยจุดที่ 1 ที่วัดเกาะกลาง หมู่ที่ 2 ตำบลน้ำรอบ อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี จุดที่ 2 ที่บ้านไม่มีเลขที่ บ้านทุ่งหลวง หมู่ที่ 3 ตำบลน้ำรอบ อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีการก่อสร้าง และยกเสา ทำโครงสร้างไม้ และจุดที่ 3 ที่บ้านไทรงาม หมู่ที่ 4 ตำบลท่าสะท้อน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีการก่อสร้าง และยกเสา ทำโครงสร้างไม้ซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจสอบไม้
ทั้งนี้ จากการสืบสวนทราบว่า น่าจะมีข้าราชการตำรวจ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้างบ้านจุดที่ 3 ดังนั้น เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงมีประสิทธิภาพและเกิดความยุติธรรม ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีคำสั่งที่ 35/2562 ลงวันที่ 17 มกราคม 2562 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทำไม้ หรือปล่อยปละละเลยไม่สนใจในการสืบสวนปราบปรามจับกุม หรือเป็นผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดไม่กวดขันกำกับดูแลความประพฤติและพฤติกรรมข้าราชการตำรวจ และเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการรวม ทั้งเพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
จึงมีคำสั่งที่ 36/2562 ลงวันที่ 17 มกราคม 2562 ให้ พ.ต.อ.เอกกฤศ โอสถาพันธ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรพุนพิน พ.ต.ท.วิลาศ ศรชัย รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรพุนพิน พ.ต.ท.ศักราช สาครไพศาล รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจภูธรพุนพิน พ.ต.ท.โอภาส สิงห์นุ้ย สารวัตรป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจภูธรพุนพิน พ.ต.ท.กู้เกียรติ หนูนิล สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรพุนพิน และ ร.ต.อ.ปรีชา สมนุ่น รองสารวัตรป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจภูธรพุนพิน ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และมีคำสั่งมอบหมายให้ข้าราชการตำรวจที่มีความเหมาะสมรักษาราชการแทนในตำแหน่งดังกล่าวจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
จากกรณีดังกล่าว เป็นการจับกุมของหลายหน่วย มีทั้งทหาร ฝ่ายปกครอง ตำรวจ สำหรับกรณีที่อาจมีตำรวจมีส่วนร่วมรู้เห็นเกี่ยวข้องนั้น ทางตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ดำเนินการทางปกครองและอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งผู้มีชื่อเกี่ยวข้อง และผู้บังคับบัญชาที่มีหน้าที่กำกับดูแลการกระทำผิดกฎหมายในพื้นที่ ตลอดจนความประพฤติของข้าราชการตำรวจในปกครองโดยละเอียด หากพบความบกพร่อง หรือการกระทำผิดจะดำเนินการทั้งทางปกครอง วินัย และอาญาอย่างเด็ดขาด
จากเมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรวิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี ได้จับกุมคดีความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ โดยจับกุมผู้ต้องหา 6 คน พร้อมของกลางรถยนต์บรรทุก 10 ล้อ จำนวน 5 คัน และไม้หวงห้ามแปรรูป ปริมาตร 51.29 ลูกบาศก์เมตร ตามคดีอาญาที่ 14/2562 โดยกล่าวหาว่า ทำไม้ มีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครองปริมาตรเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร
ต่อมา จากการสืบสวนขยายผล เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร และเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ได้ไปตรวจสอบ พบพื้นที่ถูกบุกรุกแผ้วถาง และมีร่องรอยการแปรรูปไม้ จึงได้รับคำร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาที่ 17/2562 กล่าวหาว่า บุกรุกก่นสร้างแผ้วถางป่า ทำไม้มีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครองปริมาตรเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร และตรวจพบว่า ห่างจากพื้นที่ที่ถูกบุกรุก 1.5 กิโลเมตร มีบ้านกำลังก่อสร้างและมีไม้แปรรูปกองในบ้านดังกล่าว ปริมาตร 2.57 ลูกบาศก์เมตร จึงได้ทำการตรวจยึดและร้องทุกข์ไว้ตามคดีอาญาที่ 18/2562 กล่าวหาว่า ทำไม้และมีไม้หวงห้ามแปรรูปไว้ในครอบครองปริมาตรเกิน 0.20 ลูกบาศก์เมตร และเนื่องจากรณีดังกล่าวทำให้เกิดความเสื่อมเสียต่อป่าไม้ และมีผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติ
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงได้มีคำสั่งตั้งคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ตามคำสั่ง ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ 30/2562 ลงวันที่ 16 มกราคม 2562 ร่วมกันทำการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว จากการสืบสวน ทราบว่า มีการนำไม้บางส่วนไปทำการก่อสร้างในอำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 3 จุด โดยจุดที่ 1 ที่วัดเกาะกลาง หมู่ที่ 2 ตำบลน้ำรอบ อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี จุดที่ 2 ที่บ้านไม่มีเลขที่ บ้านทุ่งหลวง หมู่ที่ 3 ตำบลน้ำรอบ อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีการก่อสร้าง และยกเสา ทำโครงสร้างไม้ และจุดที่ 3 ที่บ้านไทรงาม หมู่ที่ 4 ตำบลท่าสะท้อน อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีการก่อสร้าง และยกเสา ทำโครงสร้างไม้ซึ่งอยู่ในระหว่างการตรวจสอบไม้
ทั้งนี้ จากการสืบสวนทราบว่า น่าจะมีข้าราชการตำรวจ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในการสร้างบ้านจุดที่ 3 ดังนั้น เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงมีประสิทธิภาพและเกิดความยุติธรรม ตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีคำสั่งที่ 35/2562 ลงวันที่ 17 มกราคม 2562 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องกับการทำไม้ หรือปล่อยปละละเลยไม่สนใจในการสืบสวนปราบปรามจับกุม หรือเป็นผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดไม่กวดขันกำกับดูแลความประพฤติและพฤติกรรมข้าราชการตำรวจ และเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการรวม ทั้งเพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
จึงมีคำสั่งที่ 36/2562 ลงวันที่ 17 มกราคม 2562 ให้ พ.ต.อ.เอกกฤศ โอสถาพันธ์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรพุนพิน พ.ต.ท.วิลาศ ศรชัย รองผู้กำกับการป้องกันปราบปราม สถานีตำรวจภูธรพุนพิน พ.ต.ท.ศักราช สาครไพศาล รองผู้กำกับการสืบสวน สถานีตำรวจภูธรพุนพิน พ.ต.ท.โอภาส สิงห์นุ้ย สารวัตรป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจภูธรพุนพิน พ.ต.ท.กู้เกียรติ หนูนิล สารวัตรสืบสวน สถานีตำรวจภูธรพุนพิน และ ร.ต.อ.ปรีชา สมนุ่น รองสารวัตรป้องกันปราบปรามสถานีตำรวจภูธรพุนพิน ไปปฏิบัติราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และมีคำสั่งมอบหมายให้ข้าราชการตำรวจที่มีความเหมาะสมรักษาราชการแทนในตำแหน่งดังกล่าวจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
จากกรณีดังกล่าว เป็นการจับกุมของหลายหน่วย มีทั้งทหาร ฝ่ายปกครอง ตำรวจ สำหรับกรณีที่อาจมีตำรวจมีส่วนร่วมรู้เห็นเกี่ยวข้องนั้น ทางตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้ดำเนินการทางปกครองและอยู่ระหว่างตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งผู้มีชื่อเกี่ยวข้อง และผู้บังคับบัญชาที่มีหน้าที่กำกับดูแลการกระทำผิดกฎหมายในพื้นที่ ตลอดจนความประพฤติของข้าราชการตำรวจในปกครองโดยละเอียด หากพบความบกพร่อง หรือการกระทำผิดจะดำเนินการทั้งทางปกครอง วินัย และอาญาอย่างเด็ดขาด
