โดย...เมธี เมืองแก้ว
นายณรงค์ หนูเนียม นายอำเภอหาดสำราญ จ.ตรัง พร้อมกับคณะกรรมการอนุรักษ์ป่าชายเลนบ้านทุ่งกอ และคณะกรรมการแพชุมชนจ้าวสำราญ 483 ซึ่งประกอบไปด้วย ชุมชนบ้านตะเสะ หมู่ที่ 4 ต.ตะเสะ ชุมชนบ้านโคกออก หมู่ที่ 8 ต.หาดสำราญ และชุมชนบ้านทุ่งกอ หมู่ที่ 3 ต.บ้าหวี ได้เดินทางไปสำรวจ “หินลูกช้าง” แหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แห่งใหม่ของ อ.หาดสำราญ บริเวณคลองบ้านทุ่งกอ ที่เชื่อมต่อไปยังลุ่มน้ำปะเหลียน ซึ่งนับเป็นแหล่งอนุรักษ์ป่าชายเลนผืนใหญ่อันอุดมสมบูรณ์ ในเนื้อที่ประมาณ 4,200 ไร่
สำหรับการท่องเที่ยวนั้นมาได้ 2 เส้นทาง โดยเส้นทางท่าดินแดง ต้องผ่านทั้งถนนลาดยาง คอนกรีต และดินแดง นับจากแยกบ้าหวี เข้ามารวมประมาณ 3 กิโลเมตร แต่สามารถลงเรือคายัค เรือพลีส หรือเรือหางยาว ไปชมคลองหินลูกช้างที่อยู่ใกล้ๆ ได้เลย ส่วนเส้นทางท่าย่าหยัด แม้จะเดินทางด้วยรถมาได้ใกล้กว่า แต่ต้องนั่งเรือผ่านป่าชายเลนออกไปประมาณ 5 นาที จึงจะถึงคลองหินลูกช้าง ซึ่งก็แล้วแต่ความชื่นชอบของนักท่องเที่ยวที่จะเลือกเส้นทางไหน และขณะนี้หลายฝ่ายกำลังเร่งพัฒนาให้เกิดความสะดวก หรือปลอดภัยมากที่สุด
ทั้งนี้ จุดเด่นที่สุดของแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ก็คือ การเที่ยวชมก้อนหินขนาดใหญ่ที่มีลักษณะเหมือนโขลงช้างกำลังเล่นน้ำอยู่ จำนวน 6 สายๆ ละ 8-10 เชือก โดยบางเชือกอยู่ในป่าโกงกาง และบางเชือกอยู่กลางคลองน้ำเค็ม ซึ่งจากการสำรวจของกรมทรัพยากรธรณี พบว่า หินเหล่านี้ถูกพัดพามาจากเขาบ้าหวี ซึ่งมีระยะทางห่างกันหลายกิโลเมตร โดยเป็นภูเขาหินทรายที่มีการแตกหักภายในจำนวนมาก และอยู่ในช่วงยุคครีเทเชียส ถึงยุคจูราสสิก มีอายุประมาณ 66-140 ล้านปี นับเป็นจุดอันซีนที่น่าถ่ายรูป หรือเซลฟี่มากที่สุด
นอกจากนั้น ยังมีตำนาน หรือความเชื่อเล่าต่อๆ กันมาว่า ในอดีตบริเวณป่าชายเลนของ อ.หาดสำราญ มีโขลงช้างป่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ขณะที่กำลังเดินอยู่กลางคลองหินลูกช้างเพื่อที่จะขึ้นฝั่งนั้น ได้ถูกคำสาปจากทวดเจ้าไหม ซึ่งเป็นผู้ที่มีคาถาอาคม และทรงอิทธิฤทธิ์ในพื้นที่ กระทั่งกลายเป็นโขดหินโขลงช้างที่สวยงาม และแปลกตายืนนิ่งอยู่เป็นจำนวนมาก ในลักษณะหันหน้ามุ่งสู่ทิศเหนือ ซึ่งสามารถมองเห็นได้ชัดเจนที่สุดในช่วงน้ำนิ่ง หรือน้ำทะเลลงต่ำสุดคือ 5-8 ค่ำ โดยเฉพาะในช่วงก่อน 8 โมงเช้า
จากนั้น นักท่องเที่ยวยังได้ล่องเรือไปชมอุโมงค์ต้นไม้ ซึ่งเป็นป่าโกงกางโค้งเข้าหากัน ในเส้นทางที่ทะลุไปยังคลองหอยดล ระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร พร้อมเรียนรู้พันธุ์ไม้ป่าชายเลนนานาชนิดที่เป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำน้อยใหญ่ รวมทั้งชมวิถีประมงพื้นบ้าน ทั้งการดำน้ำเก็บสาหร่ายขนนก บริเวณคลองเกาะกลาง ซึ่งจะมีพ่อค้าแม่ค้าทั่วภาคใต้มารับซื้อถึงที่ในราคากิโลกรัมละ 35 บาท จนสร้างรายได้ให้ชาวบ้านคนละนับพันบาทต่อวัน ตลอดจนได้ชมกระชังเลี้ยงปลากะพง ปูนิ่ม หอยแมลงภู่ หรือการวางอวน และตกปลา
เมื่อสนุกสนานกับกิจกรรมต่างๆ ครบถ้วนแล้ว นักท่องเที่ยวก็จะขึ้นมาบนแพชุมชนจ้าวสำราญ 483 ที่สามารถจุได้ถึง 50 คน เพื่อรับประทานอาหารเที่ยง ซึ่งประกอบไปด้วยเมนูทะเลพื้นบ้านสดๆ เช่น น้ำพริกสาหร่าย แกงกะทิปู แกงหอยปากแดง คั่วปูนิ่มสับปะรด ยำหอยแครงลิง ยำผักกูดกุ้งสด หอยแมลงภู่ซีฟูด หอยโหล๊ะคั่วเกลือ ปลาเค็มทอด และของหวาน โดยขณะทานข้าว แพก็จะล่องชมธรรมชาติไปเรื่อยๆ ท่ามกลางอากาศที่แสนบริสุทธิ์ และบางครั้งอาจโชคดีได้เห็นโลมาสีชมพู หรือฝูงลิงแสมอีกด้วย
ขากลับเส้นทางท่าดินแดง นักท่องเที่ยวยังได้เที่ยวชมสะพานวอร์คเวย์ ซึ่งมีลักษณะยื่นลงสู่คลองหินลูกช้าง ระยะทาง 200 เมตร โดยบริเวณสองข้างทางตลอดแนวจะมีต้นโกงกางน้อยใหญ่ให้ผู้สนใจทำการศึกษาด้วยบรรยากาศที่ร่มรื่น ซึ่งด้วยความหลากหลายของสภาพความเป็นธรรมชาติที่นี่ จึงทำให้บริเวณหินลูกช้าง กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของ อ.หาดสำราญ อย่างรวดเร็ว จนมีกรุ๊ปนักศึกษา ข้าราชการ นักอนุรักษ์ และนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนและศึกษาดูงานอย่างไม่ขาดสาย
ทั้งนี้ คณะกรรมการจะมีการคิดค่าใช้จ่ายหัวละ 150-300 บาท ในการลงเรือล่องแพเที่ยวชม พร้อมอาหารเที่ยง 1 มื้อ โดยราคาขึ้นอยู่กับเมนูทะเลพื้นบ้านสดๆ ในทริปนั้น และจะใช้เวลาในการเที่ยวชมประมาณ 3-4 ชั่วโมง หรือ 08.00-12.00 น. ซึ่งแน่นอนว่านักท่องเที่ยวจะได้ทั้งความสนุกสนาน ความตื่นเต้น ความประทับใจ รวมทั้งความอิ่มท้องกลับบ้านไปด้วยแบบครบเครื่อง สมกับคำขวัญประจำชุมชนที่ว่า “เที่ยวสะพานวอร์คเวย์ ชมเสน่ห์ป่าโกงกาง ดำน้ำดูสาหร่ายขนนก หนึ่งมรดกหินลูกช้าง 140 ล้านปี”
สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ นายชัยศักดิ์ ศรีรัตนะ ประธานกลุ่มท่องเที่ยวชุมชนบ้านทุ่งกอ หรือ “ผู้ใหญ่เรียว” นายปิยะพงษ์ ใจตรง หมายเลขโทรศัพท์ 08-4626-1696