นครศรีธรรมราช - ชาวเลปากพนังฝั่งตะวันออก จ.นครศรีฯ โอดน้อยใจการช่วยเหลือเข้าไม่ถึงพื้นที่ตกค้างอีกหลายหมู่บ้าน หลังทุกสายมุ่งสู่แหลมตะลุมพุก ขณะที่นายก อบต.เร่งส่งเครื่องจักรกู้เรือประมงถูกพายุซัดติดชายป่า
วันนี้ (8 ม.ค.) การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช จากผลกระทบพายุโซนร้อนปาบึก ยังคงเป็นไปอย่างต่อเนื่อง แต่พบว่าอีกหลายหมู่บ้านการช่วยเหลือยังเข้าไปไม่ถึง โดยเฉพาะจุดที่เดินทางเข้าถึงยากลำบาก เช่น ต.ปากพนังฝั่งตะวันออก พื้นที่ชุมชนประมงชายทะเลยังคงได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จากความเสียหายที่อยู่อาศัย อุปกรณ์การประมง และเครื่องอุปโภคบริโภคที่ขาดแคลนอย่างมาก โดยเมื่อชาวบ้านเห็นผู้สื่อข่าวได้บอกถึงความน้อยใจว่า ขบวนรถช่วยเหลือต่างมุ่งหน้าไปยังแหลมตะลุมพุก ทั้งที่ความเดือดร้อน และความเสียหายไม่ได้แตกต่างกันเลย
ส่วนความเดือดร้อนของชุมชนชาวประมงพื้นบ้านหมู่ 6 ต.ปากพนังฝั่งตะวันออก อ.ปากพนัง องค์การบริหารส่วนตำบล ได้ส่งรถแบ็กโฮเข้าช่วยกู้เรือประมงพื้นบ้านที่ถูกคลื่นลมพายุซัดไปติดชายป่า บางลำจมอยู่ใต้ทรายไม่สามารถใช้แรงงานคนได้ โดยต้องใช้แบ็กโฮลากกลับมาไว้บริเวณชายหาดอย่างทุลักทุเล
นายไสว ทองสองแก้ว ชาวประมงพื้นบ้านหมู่ 6 ต.ปากพนังฝั่งตะวันออก กล่าวว่า ไม่โทษที่การช่วยเหลือเข้าไม่ถึงหมู่บ้านริมทะเลอีกหลายหมู่บ้าน เนื่องจากอาจไม่รู้เส้นทาง ไม่รู้จักทางเข้าออกที่ค่อนข้างยาก ชาวบ้านในพื้นที่ลำบากมาก บ้านพังหลายหลัง เรือประมงถูกคลื่นซัด ชุมชนทรายท่วม นอกจากนั้น เครื่องมือประมงโดยเฉพาะตาข่ายจับปลาจำนวนมากจมอยู่ใต้ทรายต้องค้นหา บ้างถูกน้ำซัดหายไป
ขณะที่ นายประเทือง มีเลี่ยม ผู้บัญชาการเรือนจำปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้นำแรงงานซึ่งเป็นนักโทษที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์กำหนด สามารถออกมาจากเรือนจำปฏิบัติงานสาธารณะ บำเพ็ญประโยชน์แก่สังคมได้ จำนวนกว่า 30 คน ออกมาช่วยชาวประมงพื้นบ้านในการเคลื่อนย้ายเรือประมง พร้อมทั้งเคลื่อนย้ายสิ่งกีดขวาง
ส่วนชาวบ้านในพื้นที่ได้ร้องขอเครื่องใช้จำเป็น โดยเฉพาะเครื่องอุปโภคบริโภคเบื้องต้นที่สามารถสนับสนุนก่อนที่จะประกอบอาชีพได้ รวมทั้งยาสามัญที่สามารถแก้ไขปัญหาการเจ็บป่วยเบื้องต้นได้ สำหรับการออกทำประมงนั้นต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อยราว 5-7 วัน จึงสามารถออกทะเลได้อีกครั้ง เนื่องจากต้องซ่อมแซมตัวเรือ เครื่องยนต์ และเครื่องมือจับสัตว์น้ำ