สุราษฎร์ธานี - ชาวบ้านในพื้นที่รอยที่ต่อสุราษฎร์ฯ-นครศรี เดือดร้อนหนัก มีทั้งบ้านพังทั้งหลัง ไฟฟ้าดับ ถนนขาด กว่า 100 ครัวเรือนได้รับผลกระทบ เคราะห์ซ้ำน้ำป่าระลอก 2 ท่วมเส้นทางรถเล็กสัญจรลำบาก

วันนี้ (6 ม.ค.) ว่าที่ ร.ท.สมชาย เรืองจันทร์ นายอำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมคณะได้เข้าตรวจสอบที่บ้านของนายสุวิทย์ บุญเหลือ บ้านปากฮาย หมู่ที่ 10 ต.คลองสระ ที่ถูกน้ำป่าที่ไหลมาจากพื้นที่เขาหลวง อ.นพพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช ลงคลองหวาด กระแสน้ำได้เปลี่ยนทิศทางเข้ากัดเซาะพื้นที่ริมฝั่งคลอง ทำให้ต้นปาล์มน้ำมันที่มีอายุกว่า 10 ปี ล้มไปจำนวนมากนอกจากนั้น ตัวบ้านได้ถูกกระแสน้ำพัดหายไปทั้งหลัง แต่โชคดีอพยพออกจากพื้นที่ไปก่อนเกิดเหตุจึงทำให้ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย
สำหรับพื้นที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 20 หมู่บ้าน ในพื้นที่ 6 ตำบล ประกอบด้วย ตำบลคลองสระ ป่าร่อน ช้างซ้าย ช้างขวา ท่าอุแท และตำบลพลายวาส ซึ่งทางอำเภอกำลังเร่งสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือต่อไป แต่ยังต้องเตือนประชาชนที่อาศัยในจุดเสี่ยงต้องระมัดระวังเรื่องน้ำป่าไหลลาก เนื่องจากต้นน้ำยังมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง

นายธรรมรงค์ มณีโชติ นายก อบต.คลองสระ กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นคืนวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา มีน้ำป่าจำนวนมากได้ไหลหลากลงคลองหวาดความแรงของกระแสน้ำได้กัดเซาะถนนสายถ้ำหลอด ที่เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างหมู่ที่ 7 ต.กรุงชิง อ.นพพิตำ จ.นครศรีธรรมราช กับหมู่ที่ 10 บ้านปากฮาย ต.คลองสระ ขาดยาวกว่า 1,000 เมตร ทำให้รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้
สำหรับถนนสายนี้เป็นเส้นทางสำคัญที่เด็กนักเรียนใช้เดินทางไปโรงเรียน และชาวบ้านประมาณ 100 ครัวเรือน ใช้เป็นเส้นทางสายหลักที่เชื่อมต่อ 2 หมู่บ้าน และใช้นำพืชผลการเกษตรออกสู่ตลาด นอกจากนั้น ยังมีเสาไฟฟ้าหักโค่นสายไฟขาด ชาวบ้านไม่มีไฟฟ้าใช้มาตั้งแต่วันที่ 4 ที่ผ่านมา ได้สรุปความเสียหายต่อนายอำเภอ และทางผู้ว่าราชการจังหวัดรับทราบ กำลังรอการแก้ไขฟื้นฟูต่อไป

และในเช้าวันนี้ได้มีน้ำป่าจากเทือกเขาหลวงไหลหลากลงท่วมเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างบ้านปากฮาย กับบ้านห้วยตง ชุมชนหน้าเจ้า อ.นพพิตำ ระดับน้ำสูงประมาณ 50 เซนติเมตร รถผ่านไม่ได้ยกเว้นรถจักยานยนต์และรถยนต์ขับคลื่น 4 ล้อยกสูง
นายสุนทร โสมฤทธิ์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 บ้านปากฮาย เปิดเผยว่า ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะใช้เส้นทางนี้สัญจรไปมาและขนสินค้าพืชผลการเกษตร เมื่อวานนี้น้ำได้ลดระดับกลับสู่ภาวะปกติแล้ว แต่เมื่อประมาณเที่ยงคืนที่ผ่านมา มีฝนตกหนักบนเทือกเขาหลวง น้ำกว่า 20 สายที่รวมตัวไหลลงคลองหวาด จึงทำให้มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การใช้ทางยังมีความเสี่ยงสูง

วันนี้ (6 ม.ค.) ว่าที่ ร.ท.สมชาย เรืองจันทร์ นายอำเภอกาญจนดิษฐ์ จังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมคณะได้เข้าตรวจสอบที่บ้านของนายสุวิทย์ บุญเหลือ บ้านปากฮาย หมู่ที่ 10 ต.คลองสระ ที่ถูกน้ำป่าที่ไหลมาจากพื้นที่เขาหลวง อ.นพพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช ลงคลองหวาด กระแสน้ำได้เปลี่ยนทิศทางเข้ากัดเซาะพื้นที่ริมฝั่งคลอง ทำให้ต้นปาล์มน้ำมันที่มีอายุกว่า 10 ปี ล้มไปจำนวนมากนอกจากนั้น ตัวบ้านได้ถูกกระแสน้ำพัดหายไปทั้งหลัง แต่โชคดีอพยพออกจากพื้นที่ไปก่อนเกิดเหตุจึงทำให้ไม่มีผู้ใดได้รับอันตราย
สำหรับพื้นที่อำเภอกาญจนดิษฐ์ มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 20 หมู่บ้าน ในพื้นที่ 6 ตำบล ประกอบด้วย ตำบลคลองสระ ป่าร่อน ช้างซ้าย ช้างขวา ท่าอุแท และตำบลพลายวาส ซึ่งทางอำเภอกำลังเร่งสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือต่อไป แต่ยังต้องเตือนประชาชนที่อาศัยในจุดเสี่ยงต้องระมัดระวังเรื่องน้ำป่าไหลลาก เนื่องจากต้นน้ำยังมีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง
นายธรรมรงค์ มณีโชติ นายก อบต.คลองสระ กล่าวว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นคืนวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา มีน้ำป่าจำนวนมากได้ไหลหลากลงคลองหวาดความแรงของกระแสน้ำได้กัดเซาะถนนสายถ้ำหลอด ที่เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างหมู่ที่ 7 ต.กรุงชิง อ.นพพิตำ จ.นครศรีธรรมราช กับหมู่ที่ 10 บ้านปากฮาย ต.คลองสระ ขาดยาวกว่า 1,000 เมตร ทำให้รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้
สำหรับถนนสายนี้เป็นเส้นทางสำคัญที่เด็กนักเรียนใช้เดินทางไปโรงเรียน และชาวบ้านประมาณ 100 ครัวเรือน ใช้เป็นเส้นทางสายหลักที่เชื่อมต่อ 2 หมู่บ้าน และใช้นำพืชผลการเกษตรออกสู่ตลาด นอกจากนั้น ยังมีเสาไฟฟ้าหักโค่นสายไฟขาด ชาวบ้านไม่มีไฟฟ้าใช้มาตั้งแต่วันที่ 4 ที่ผ่านมา ได้สรุปความเสียหายต่อนายอำเภอ และทางผู้ว่าราชการจังหวัดรับทราบ กำลังรอการแก้ไขฟื้นฟูต่อไป
และในเช้าวันนี้ได้มีน้ำป่าจากเทือกเขาหลวงไหลหลากลงท่วมเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างบ้านปากฮาย กับบ้านห้วยตง ชุมชนหน้าเจ้า อ.นพพิตำ ระดับน้ำสูงประมาณ 50 เซนติเมตร รถผ่านไม่ได้ยกเว้นรถจักยานยนต์และรถยนต์ขับคลื่น 4 ล้อยกสูง
นายสุนทร โสมฤทธิ์ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 10 บ้านปากฮาย เปิดเผยว่า ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะใช้เส้นทางนี้สัญจรไปมาและขนสินค้าพืชผลการเกษตร เมื่อวานนี้น้ำได้ลดระดับกลับสู่ภาวะปกติแล้ว แต่เมื่อประมาณเที่ยงคืนที่ผ่านมา มีฝนตกหนักบนเทือกเขาหลวง น้ำกว่า 20 สายที่รวมตัวไหลลงคลองหวาด จึงทำให้มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การใช้ทางยังมีความเสี่ยงสูง