ปัตตานี - ศาลจังหวัดปัตตานี พิพากษา 8 ผู้ต้องหาคดีลอบยิง นายสะมะแอ ดอเลาะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปิยามุมัง อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี หนักสุดประหารชีวิต

วันนี้ (24 ธ.ค.) ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พ.อ.ธนาวีร์ สุวรรณรัตน์ รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากกรณีคนร้ายลอบยิง นายสะมะแอ ดอเลาะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปิยามุมัง อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2560 ภายหลังเกินเหตุ เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยเข้าดำเนินคดีตามกฎหมาย

โดยเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดปัตตานี (ชั้นต้น) ได้มีคำสั่งพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.1779/61, อ.678/61, อ.1258/61 จากเหตุการณ์ลอบยิงนายสะมะแอ ดอเลาะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปิยามุมัง อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2560 ในความผิดเกี่ยวกับร่วมกันฆ่า และ พ.ร.บ.อาวุธปืน โดยพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง จำเลย คือ จำเลยที่ 1 นายอิสมาแอ มะดีเยาะ จำเลยที่ 2 นายอิบรอเฮม เจ๊ะแว จำเลยที่ 3 นายดอฮะ ซือกี จำเลยที่ 4 นายสะอุดี วามิง จำเลยที่ 5 นายกีฟลี สาเหาะ จำเลยที่ 6 นายมะซอเรย์ กามาลี จำเลยที่ 7 นายมาหามะ มะเซ็ง และจำเลยที่ 8 นายนิมะ นิแว มีผลคำสั่งพิพากษา ศาลจังหวัดปัตตานี (ชั้นต้น) ดังนี้

1) จำเลยที่ 1 นายอิสมาแอ มะดีเยาะ จำเลยที่ 2 นายอิบรอเฮม เจ๊ะแว และจำเลยที่ 4 นายสะอุดี วามิง พิพากษาให้ประหารชีวิต แต่จำเลยทั้ง 3 คน ได้ให้เป็นการประโยชน์ต่อรูปคดี จึงลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกตลอดชีวิต 2) จำเลยที่ 3 นายดอฮะ ซือกี พิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต แต่จำเลยที่ 3 ได้ให้เป็นการประโยชน์ต่อรูปคดี จึงลดโทษให้จำคุก จำนวน 38 ปี 8 เดือน
3) จำเลยที่ 6 นายมะซอเรย์ กามาลี และจำเลยที่ 8 นายนิมะ นิแว พิพากษาให้จำคุก 8 เดือน ในความผิดเกี่ยวกับฐานให้ที่พักพิงแก่จำเลยที่มีหมายจับในคดีนี้ แต่ไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาจับกุม

4) จำเลยที่ 5 นายกีฟลี สาเหาะ และจำเลยที่ 7 นายมาหามะ มะเซ็ง พิพากษายกฟ้องจำเลย เนื่องจากพยานหลักฐานยังไม่สามารถรับฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองนั้น เป็นผู้ร่วมกระทำความผิดดังกล่าว ถึงแม้จะสารภาพในชั้นสอบสวน แต่ยังไม่มีพยานหลักฐานอื่นๆ มาสืบประกอบ เพื่อให้น้ำหนักพยานโจทก์ที่จะลงโทษจำเลยทั้งสองได้

ผลจากคำพิพากษาดังกล่าว เป็นไปตามพยานหลักฐานและลักษณะฐานความผิด และเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายมุ่งบังคับใช้กฎหมายด้วยความรอบคอบ รวบรวมพยานหลักฐานอย่างรัดกุม เพื่อนำผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จนนำไปสู่คำพิพากษาดังกล่าว ทั้งนี้ ยังคงให้ความสำคัญต่อหลักการบังคับใช้กฎหมายด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม และปฏิบัติทุกขั้นตอนของการบังคับใช้กฎหมายด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดเป็นเงื่อนไขใหม่ที่อาจจะทำให้เกิดความยุ่งยากในการแก้ไขปัญหามากยิ่งขึ้น
วันนี้ (24 ธ.ค.) ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ค่ายสิรินธร ตำบลเขาตูม อำเภอยะรัง จังหวัดปัตตานี พ.อ.ธนาวีร์ สุวรรณรัตน์ รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากกรณีคนร้ายลอบยิง นายสะมะแอ ดอเลาะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปิยามุมัง อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2560 ภายหลังเกินเหตุ เจ้าหน้าที่ได้รวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถควบคุมตัวบุคคลต้องสงสัยเข้าดำเนินคดีตามกฎหมาย
โดยเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2561 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดปัตตานี (ชั้นต้น) ได้มีคำสั่งพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.1779/61, อ.678/61, อ.1258/61 จากเหตุการณ์ลอบยิงนายสะมะแอ ดอเลาะ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลปิยามุมัง อำเภอยะหริ่ง จังหวัดปัตตานี เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2560 ในความผิดเกี่ยวกับร่วมกันฆ่า และ พ.ร.บ.อาวุธปืน โดยพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง จำเลย คือ จำเลยที่ 1 นายอิสมาแอ มะดีเยาะ จำเลยที่ 2 นายอิบรอเฮม เจ๊ะแว จำเลยที่ 3 นายดอฮะ ซือกี จำเลยที่ 4 นายสะอุดี วามิง จำเลยที่ 5 นายกีฟลี สาเหาะ จำเลยที่ 6 นายมะซอเรย์ กามาลี จำเลยที่ 7 นายมาหามะ มะเซ็ง และจำเลยที่ 8 นายนิมะ นิแว มีผลคำสั่งพิพากษา ศาลจังหวัดปัตตานี (ชั้นต้น) ดังนี้
1) จำเลยที่ 1 นายอิสมาแอ มะดีเยาะ จำเลยที่ 2 นายอิบรอเฮม เจ๊ะแว และจำเลยที่ 4 นายสะอุดี วามิง พิพากษาให้ประหารชีวิต แต่จำเลยทั้ง 3 คน ได้ให้เป็นการประโยชน์ต่อรูปคดี จึงลดโทษกึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกตลอดชีวิต 2) จำเลยที่ 3 นายดอฮะ ซือกี พิพากษาให้จำคุกตลอดชีวิต แต่จำเลยที่ 3 ได้ให้เป็นการประโยชน์ต่อรูปคดี จึงลดโทษให้จำคุก จำนวน 38 ปี 8 เดือน
3) จำเลยที่ 6 นายมะซอเรย์ กามาลี และจำเลยที่ 8 นายนิมะ นิแว พิพากษาให้จำคุก 8 เดือน ในความผิดเกี่ยวกับฐานให้ที่พักพิงแก่จำเลยที่มีหมายจับในคดีนี้ แต่ไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาจับกุม
4) จำเลยที่ 5 นายกีฟลี สาเหาะ และจำเลยที่ 7 นายมาหามะ มะเซ็ง พิพากษายกฟ้องจำเลย เนื่องจากพยานหลักฐานยังไม่สามารถรับฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองนั้น เป็นผู้ร่วมกระทำความผิดดังกล่าว ถึงแม้จะสารภาพในชั้นสอบสวน แต่ยังไม่มีพยานหลักฐานอื่นๆ มาสืบประกอบ เพื่อให้น้ำหนักพยานโจทก์ที่จะลงโทษจำเลยทั้งสองได้
ผลจากคำพิพากษาดังกล่าว เป็นไปตามพยานหลักฐานและลักษณะฐานความผิด และเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายมุ่งบังคับใช้กฎหมายด้วยความรอบคอบ รวบรวมพยานหลักฐานอย่างรัดกุม เพื่อนำผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จนนำไปสู่คำพิพากษาดังกล่าว ทั้งนี้ ยังคงให้ความสำคัญต่อหลักการบังคับใช้กฎหมายด้วยความโปร่งใส เป็นธรรม และปฏิบัติทุกขั้นตอนของการบังคับใช้กฎหมายด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดเป็นเงื่อนไขใหม่ที่อาจจะทำให้เกิดความยุ่งยากในการแก้ไขปัญหามากยิ่งขึ้น


