สุราษฎร์ธานี - เดินหน้าพัฒนาระบบไฟฟ้า (สายเคเบิลใต้น้ำ) ไปยัง 3 เกาะดังของสุราษฎร์ธานี เพื่อรองรับการท่องเที่ยว ขณะที่สภาชายฝั่งฯ ออกโรงเตือนลอดใต้น้ำต้องระวังไม่ให้กระทบทรัพยากรชายฝั่ง และปลูกปะการังชดเชย

เช้าวันนี้ (24 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมสภาวัฒนธรรมชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี (หลังเก่า) นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชากรจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายวิชัย สมรูป ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีการประชุมเรื่องพิจารณาให้ความเห็นชอบการดำเนินโครงการพัฒนาระบบไฟฟ้า ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้มีโครงการวางสายเคเบิลใต้น้ำไปยังพื้นที่เกาะนกเภา เกาะแตน และเกาะเต่า ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยจะดำเนินการวางสายเคเบิลใต้น้ำของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย จะต้องมีการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE)
นายพงศกร ยุทธโกวิทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนระบบไฟฟ้า ผู้แทนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าวว่า เรื่องการพัฒนาการบริหารไฟฟ้าเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะเกาะต่างๆ ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมเที่ยวและสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการที่อยู่บนเกาะ ที่ผ่านมา ระบบไฟฟ้าไม่มีเสถียรภาพ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้รับคำร้องจากประชาชนให้ช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวมานานหลายปีแล้ว เมื่อทางจังหวัดได้เห็นชอบจะได้เร่งดำเนินการต่อไป
นายวิชัย สมรูป คณะกรรมการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า พื้นที่ปะการัง ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประมาณ 20,000 ไร่ ส่วนมากกระจายตัวอยู่ตามเกาะต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณเกาะเต่า เกาะแตน มีปะการัง รวมกันประมาณ 10,000 ไร่ หรือประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ของปะการังทั้งจังหวัด ซึ่งสถานภาพที่พบมีทั้งที่ยังสมบูรณ์ดี เสื่อมโทรมปานกลาง และเสื่อมโทรมมากปะปนกันอยู่

ต่อมา ระยะหลังประชาชนกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวและส่วนภาคราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ได้มีการตื่นตัวให้ความสำคัญในการอนุรักษ์และคุ้มครองปะการัง ประกอบกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ออกกฎเหล็กมีโทษหนัก ถึงจำคุกและปรับสูงหากมีการฝ่าฝืนจึงทำให้ปะการังมีการฟื้นตัวเร็วขึ้น
ในขณะที่ นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในฐานะประธานกรรมการ ทช.จังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ทางจังหวัดต้องมองภาพหลายมิติควบคู่กันไป การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ประปา ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเมืองท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยเฉพาะการท่องเที่ยวทางทะเลมีจุดขายคือ ปะการัง หาดทรายและท้องทะเล ดังนั้น จะต้องรักษาและฟื้นฟูให้มีความสมบูรณ์อย่างยั่งยืน
หากจะมีการพัฒนารองรับการท่องเที่ยวในอนาคต การพัฒนาย่อมที่จะส่งผลกระทบไปบ้าง และมีแนวทางที่จะฟื้นฟูชดเชยส่วนที่ได้รับผลกระทบ ก็เชื่อว่าทุกฝ่ายคงยอมรับได้ เพื่อให้การพัฒนาและการอนุรักษ์ไปด้วยกันได้ตามแนวทางพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งโครงการที่จะพัฒนาระบบไฟฟ้าไปยังเกาะต่างๆ ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ประชุมได้มีมติความเห็นชอบ ซึ่งทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะได้ดำเนินการต่อไปตามขั้นตอนต่างๆ ซึ่งระบบไฟฟ้าในพื้นที่เกาะจะมีความมั่นคงเพื่อรองรับการท่องเที่ยวต่อไป
เช้าวันนี้ (24 ธ.ค.) ที่ห้องประชุมสภาวัฒนธรรมชั้น 3 ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี (หลังเก่า) นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชากรจังหวัดสุราษฎร์ธานี นายวิชัย สมรูป ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้มีการประชุมเรื่องพิจารณาให้ความเห็นชอบการดำเนินโครงการพัฒนาระบบไฟฟ้า ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้มีโครงการวางสายเคเบิลใต้น้ำไปยังพื้นที่เกาะนกเภา เกาะแตน และเกาะเต่า ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยจะดำเนินการวางสายเคเบิลใต้น้ำของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะต้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย จะต้องมีการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE)
นายพงศกร ยุทธโกวิทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนระบบไฟฟ้า ผู้แทนการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าวว่า เรื่องการพัฒนาการบริหารไฟฟ้าเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะเกาะต่างๆ ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวนิยมเที่ยวและสร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการที่อยู่บนเกาะ ที่ผ่านมา ระบบไฟฟ้าไม่มีเสถียรภาพ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคได้รับคำร้องจากประชาชนให้ช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวมานานหลายปีแล้ว เมื่อทางจังหวัดได้เห็นชอบจะได้เร่งดำเนินการต่อไป
นายวิชัย สมรูป คณะกรรมการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งสุราษฎร์ธานี เปิดเผยว่า พื้นที่ปะการัง ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประมาณ 20,000 ไร่ ส่วนมากกระจายตัวอยู่ตามเกาะต่างๆ โดยเฉพาะบริเวณเกาะเต่า เกาะแตน มีปะการัง รวมกันประมาณ 10,000 ไร่ หรือประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ของปะการังทั้งจังหวัด ซึ่งสถานภาพที่พบมีทั้งที่ยังสมบูรณ์ดี เสื่อมโทรมปานกลาง และเสื่อมโทรมมากปะปนกันอยู่
ต่อมา ระยะหลังประชาชนกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวและส่วนภาคราชการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่ได้มีการตื่นตัวให้ความสำคัญในการอนุรักษ์และคุ้มครองปะการัง ประกอบกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้ออกกฎเหล็กมีโทษหนัก ถึงจำคุกและปรับสูงหากมีการฝ่าฝืนจึงทำให้ปะการังมีการฟื้นตัวเร็วขึ้น
ในขณะที่ นายวิชวุทย์ จินโต ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ในฐานะประธานกรรมการ ทช.จังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ทางจังหวัดต้องมองภาพหลายมิติควบคู่กันไป การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน ประปา ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับเมืองท่องเที่ยว แต่อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยเฉพาะการท่องเที่ยวทางทะเลมีจุดขายคือ ปะการัง หาดทรายและท้องทะเล ดังนั้น จะต้องรักษาและฟื้นฟูให้มีความสมบูรณ์อย่างยั่งยืน
หากจะมีการพัฒนารองรับการท่องเที่ยวในอนาคต การพัฒนาย่อมที่จะส่งผลกระทบไปบ้าง และมีแนวทางที่จะฟื้นฟูชดเชยส่วนที่ได้รับผลกระทบ ก็เชื่อว่าทุกฝ่ายคงยอมรับได้ เพื่อให้การพัฒนาและการอนุรักษ์ไปด้วยกันได้ตามแนวทางพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งโครงการที่จะพัฒนาระบบไฟฟ้าไปยังเกาะต่างๆ ของจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ประชุมได้มีมติความเห็นชอบ ซึ่งทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจะได้ดำเนินการต่อไปตามขั้นตอนต่างๆ ซึ่งระบบไฟฟ้าในพื้นที่เกาะจะมีความมั่นคงเพื่อรองรับการท่องเที่ยวต่อไป