กระบี่ - ลูกแคลงใจ พยาบาลฉีดยาพ่อไม่ถึง 5 นาที เสียชีวิต ขณะเข้ารับการรักษาภายในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดกระบี่ รุกร้องศูนย์ดำรงธรรม ช่วยไขปม

เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (19 ธ.ค.) นายบุญชัย จีนหนู อายุ 34 ปี อาชีพทำธุรกิจส่วนตัว อยู่บ้านเลขที่ 22/1 หมู่ 3 ต.ทุ่งไทรทอง อ.ลำทับ จ.กระบี่ พร้อมด้วย นายกฤตย์พล ปัจฉิม นิติกรศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดกระบี่ เดินทางเข้าพบ นพ.เฉลิมพล โอสถพรมมา รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ ที่สำนักงานสาธารณสุข จ.กระบี่ เพื่อสอบถามความคืบหน้า หลังจากก่อนหน้านี้ ยื่นเรื่องร้องเรียนให้มีการตรวจสอบการรักษาของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่รักษาพ่อของตนเอง คือ นายสุมิตร จีนหนู อายุ 59 ปี ภารโรงโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน อ.เขาพนม จ.กระบี่ เสียชีวิต ทั้งๆ ที่ตัวคนตายก่อนจะเข้ารับการรักษา ยังเดินไปโรงพยาบาลได้
นายบุญชัย เปิดเผยว่า หลังจากที่พ่อเข้ารับการรักษาด้วยอาการวิงเวียนศีรษะ พ่อก็เสียชีวิตกะทันหันภายในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล จึงเกิดข้อสงสัยในการเสียชีวิตของพ่อ จึงได้ขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดในวันเกิดเหตุของโรงพยาบาล พบว่า ในคืนเกิดเหตุ หลังจากพ่อไปถึงก็ได้เดินลงจากรถ ขึ้นนอนบนเตียงของผู้ป่วย แล้วมีเจ้าหน้าที่เข็นเข้าไปที่ห้องฉุกเฉิน
โดยช่วงเกิดเหตุไม่มีแพทย์เวรอยู่ในห้องฉุกเฉิน มีเพียงพยาบาลเข้าเวร 5 คน จากนั้นพยาบาลปิดม่านก่อนจะเข้าไปฉีดยาให้ผู้ตาย ไม่ถึง 5 นาที และไม่นานก็เกิดความวุ่นวายขึ้นเนื่องจากคาดว่าพ่อช็อกหลังถูกฉีดยา จากนั้นหัวหน้าเวรพยาบาลโทร.ตามแพทย์เวรเข้ามาดู แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้

นายบุญชัย เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. พ่อของตนบอกว่ามีอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ญาติๆ ที่บ้านจึงพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล โดยตัวของพ่อยังเดินได้ปกติ เมื่อไปถึงโรงพยาบาล พยาบาลพาพ่อเข้าไปรับการรักษาที่ห้องฉุกเฉิน ประมาณ 20 นาที จากนั้นพยาบาลมาแจ้งให้ญาติทราบว่าพ่อเสียชีวิตแล้ว
โดยอ้างเหตุผลว่า ช็อกจากการแพ้อาหารอย่างรุนแรง พี่ชายของตนพร้อมหลานสาว ที่พาพ่อไปโรงพยาบาล ก็ตกใจเพราะก่อนนี้พ่อยังไม่มีอาการรุนแรงใดๆ ยังพูดคุยได้ปกติ เดินได้ปกติ แต่เพียงหลังเข้าไปรักษาไม่ถึง 20 นาที พ่อก็เสียชีวิต
นายบุญชัย เล่าต่อว่า หลังจากนั้น ตนพยายามตรวจสอบเหตุการณ์ต่างๆ ว่าเป็นมายังไง มีการรักษายังไงจนเป็นเหตุให้พ่อเสียชีวิต พร้อมทั้งขอภาพกล้องวงจรปิดในคืนเกิดเหตุ ทราบว่า ทันทีที่พ่อเข้าห้องฉุกเฉินได้ประมาณไม่เกิน 5 นาที เจ้าหน้าที่พยาบาลที่เข้าเวร ได้ฉีดยาตัวหนึ่งให้แก่พ่อ จนเกิดอาการช็อกและเสียชีวิตในทันที ก่อนหน้านี้ ได้เข้าสอบถามจาก ผอ.รพ.ดังกล่าว ทางโรงพยาบาลแจ้งให้ตนไปเรียกร้องสิทธิจากประกันสังคมเอาเอง พอตนไปสอบถามทางประกันสังคม บอกว่าเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวกับประกันสังคม ให้ตนนำเรื่องไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมแทน ตนจึงนำเรื่องนี้เข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.กระบี่ และที่ สนง.สาธารณสุข จ.กระบี่ ก่อนจะกลับไปบำเพ็ญกุศลศพพ่อ

ซึ่งตนไม่อยากให้เผาศพพ่อ เกรงว่าหน่วยงานราชการอาจจะไม่ให้ความเป็นธรรม แต่สุดท้ายญาติผู้ใหญ่ขอให้เผาศพพ่อจึงให้เผาศพไปตามประเพณี แต่ตนกับพี่น้อง 3 คน ลงความเห็นกันว่าจะเอาเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เนื่องจากภาพจากกล้องวงปิดมันฟ้องว่าการรักษาของโรงพยาบาลไม่น่าจะถูกต้อง อยากให้หน่วยงานต้นสังกัด ตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่างโดยเร็ว
นพ.เฉลิมพล โอสถพรมมา รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวตนยังไม่ทราบว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร หลังรับเรื่องแล้วก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามข้อร้องเรียน อาจจะต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ มาตรวจสอบร่วมกัน โดยจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะต้องตรวจสอบจากหลายๆ ประเด็น ทั้งเรื่องการใช้ยา ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวอะไรหรือไม่ และการรักษามีความถูกต้องหรือไม่ ซึ่งต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบ โดยจะเร่งตรวจสอบให้เร็วที่สุดและจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (19 ธ.ค.) นายบุญชัย จีนหนู อายุ 34 ปี อาชีพทำธุรกิจส่วนตัว อยู่บ้านเลขที่ 22/1 หมู่ 3 ต.ทุ่งไทรทอง อ.ลำทับ จ.กระบี่ พร้อมด้วย นายกฤตย์พล ปัจฉิม นิติกรศูนย์ดำรงธรรม จังหวัดกระบี่ เดินทางเข้าพบ นพ.เฉลิมพล โอสถพรมมา รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ ที่สำนักงานสาธารณสุข จ.กระบี่ เพื่อสอบถามความคืบหน้า หลังจากก่อนหน้านี้ ยื่นเรื่องร้องเรียนให้มีการตรวจสอบการรักษาของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ที่รักษาพ่อของตนเอง คือ นายสุมิตร จีนหนู อายุ 59 ปี ภารโรงโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน อ.เขาพนม จ.กระบี่ เสียชีวิต ทั้งๆ ที่ตัวคนตายก่อนจะเข้ารับการรักษา ยังเดินไปโรงพยาบาลได้
นายบุญชัย เปิดเผยว่า หลังจากที่พ่อเข้ารับการรักษาด้วยอาการวิงเวียนศีรษะ พ่อก็เสียชีวิตกะทันหันภายในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาล จึงเกิดข้อสงสัยในการเสียชีวิตของพ่อ จึงได้ขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดในวันเกิดเหตุของโรงพยาบาล พบว่า ในคืนเกิดเหตุ หลังจากพ่อไปถึงก็ได้เดินลงจากรถ ขึ้นนอนบนเตียงของผู้ป่วย แล้วมีเจ้าหน้าที่เข็นเข้าไปที่ห้องฉุกเฉิน
โดยช่วงเกิดเหตุไม่มีแพทย์เวรอยู่ในห้องฉุกเฉิน มีเพียงพยาบาลเข้าเวร 5 คน จากนั้นพยาบาลปิดม่านก่อนจะเข้าไปฉีดยาให้ผู้ตาย ไม่ถึง 5 นาที และไม่นานก็เกิดความวุ่นวายขึ้นเนื่องจากคาดว่าพ่อช็อกหลังถูกฉีดยา จากนั้นหัวหน้าเวรพยาบาลโทร.ตามแพทย์เวรเข้ามาดู แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตไว้ได้
นายบุญชัย เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมา ช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. พ่อของตนบอกว่ามีอาการวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน ญาติๆ ที่บ้านจึงพาไปหาหมอที่โรงพยาบาล โดยตัวของพ่อยังเดินได้ปกติ เมื่อไปถึงโรงพยาบาล พยาบาลพาพ่อเข้าไปรับการรักษาที่ห้องฉุกเฉิน ประมาณ 20 นาที จากนั้นพยาบาลมาแจ้งให้ญาติทราบว่าพ่อเสียชีวิตแล้ว
โดยอ้างเหตุผลว่า ช็อกจากการแพ้อาหารอย่างรุนแรง พี่ชายของตนพร้อมหลานสาว ที่พาพ่อไปโรงพยาบาล ก็ตกใจเพราะก่อนนี้พ่อยังไม่มีอาการรุนแรงใดๆ ยังพูดคุยได้ปกติ เดินได้ปกติ แต่เพียงหลังเข้าไปรักษาไม่ถึง 20 นาที พ่อก็เสียชีวิต
นายบุญชัย เล่าต่อว่า หลังจากนั้น ตนพยายามตรวจสอบเหตุการณ์ต่างๆ ว่าเป็นมายังไง มีการรักษายังไงจนเป็นเหตุให้พ่อเสียชีวิต พร้อมทั้งขอภาพกล้องวงจรปิดในคืนเกิดเหตุ ทราบว่า ทันทีที่พ่อเข้าห้องฉุกเฉินได้ประมาณไม่เกิน 5 นาที เจ้าหน้าที่พยาบาลที่เข้าเวร ได้ฉีดยาตัวหนึ่งให้แก่พ่อ จนเกิดอาการช็อกและเสียชีวิตในทันที ก่อนหน้านี้ ได้เข้าสอบถามจาก ผอ.รพ.ดังกล่าว ทางโรงพยาบาลแจ้งให้ตนไปเรียกร้องสิทธิจากประกันสังคมเอาเอง พอตนไปสอบถามทางประกันสังคม บอกว่าเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวกับประกันสังคม ให้ตนนำเรื่องไปร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมแทน ตนจึงนำเรื่องนี้เข้าร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.กระบี่ และที่ สนง.สาธารณสุข จ.กระบี่ ก่อนจะกลับไปบำเพ็ญกุศลศพพ่อ
ซึ่งตนไม่อยากให้เผาศพพ่อ เกรงว่าหน่วยงานราชการอาจจะไม่ให้ความเป็นธรรม แต่สุดท้ายญาติผู้ใหญ่ขอให้เผาศพพ่อจึงให้เผาศพไปตามประเพณี แต่ตนกับพี่น้อง 3 คน ลงความเห็นกันว่าจะเอาเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด เนื่องจากภาพจากกล้องวงปิดมันฟ้องว่าการรักษาของโรงพยาบาลไม่น่าจะถูกต้อง อยากให้หน่วยงานต้นสังกัด ตรวจสอบเรื่องนี้ให้กระจ่างโดยเร็ว
นพ.เฉลิมพล โอสถพรมมา รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวตนยังไม่ทราบว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร หลังรับเรื่องแล้วก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามข้อร้องเรียน อาจจะต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ มาตรวจสอบร่วมกัน โดยจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะต้องตรวจสอบจากหลายๆ ประเด็น ทั้งเรื่องการใช้ยา ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวอะไรหรือไม่ และการรักษามีความถูกต้องหรือไม่ ซึ่งต้องอาศัยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการตรวจสอบ โดยจะเร่งตรวจสอบให้เร็วที่สุดและจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย