สองสามีภรรยาอดีตครูโวยแจ้งความตำรวจกร่างเมายิงใส่บ้านไม่คืบ ชาวบ้านผวาปิดบ้านเงียบ

ชุมพร - สองสามีภรรยาอดีตข้าราชการครูโวยแจ้งความถูกตำรวจเมายิงปืนใส่บ้านบาดเจ็บยังลอยนวล แม่มือยิงอ้างลูกชายโมโหทะเลาะกับเมีย บอกชาวบ้านว่าอย่าให้ลูกหลานส่งเสียงดัง หวั่นเครียดใช้ปืนยิงกราดได้ พบมีประวัติรักษาทางประสาทต้องกินยาประจำ ทำชาวบ้านผวาปิดบ้านเงียบทั้งซอย

วันนี้ (12 ธ.ค.) นายประชา ดึงสุวรรณ อายุ 63 ปี อดีตข้าราชการ อยู่บ้านเลขที่ 318/97-98 ซอยหลังสวน 8 หมู่บ้านอวยชัย 1 ถนนหลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร นำผู้สื่อข่าวเข้าตรวจสอบภายในบ้าน หลังถูกตำรวจที่อาศัยอยู่ในซอยเดียวกันเมาสุรายิงปืนเข้ามาถูกกระจกหน้าต่างจนเป็นรูโบ๋ทะลุเข้ามาในห้องนอนจนเศษกระจกกระเด็นมาบาดแขนซ้ายได้รับบาดเจ็บ ส่วนภรรยา คือ นางเยาวลักษณ์ ดึงสุวรรณ อายุ 63 ปี อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งใน อ.หลังสวน โชคดีก้มตัวลงดูหลานกระสุนเฉี่ยวหัวทำให้รอดตายหวุดหวิด เหตุเกิดเมื่อกลางดึงของวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเห็นหน้าตาผู้ก่อเหตุอย่างชัดเจน และช่วงสายตนเข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.หลังสวน ท้องที่เกิดเหตุแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ดำเนินการใดๆ ยังปล่อยให้ผู้ก่อเหตุเดินเย้ยหยันอยู่ในหมู่บ้านจึงหวั่นชีวิตไม่มีความปลอดภัย เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นตำรวจ และพกปืนตลอดเวลาแถมมีอาการทางประสาท มีประวัติเคยเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสวนสราญรมย์มาแล้ว

นายประชา กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อ พ.ต.ต.ระนอง ชุมพินิจ สว.(สอบสวน) สภ.หลังสวน อ.หลังสวน จ.ชุมพร ท้องที่เกิดเหตุ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงดึกเวลาประมาณ 02.00 น.ของคืนวันที่ 11 ธ.ค. ขณะที่กำลังตื่นมาดูหลานอายุ 8 เดือนที่ส่งเสียงร้องเพราะหิวนม พร้อมกับภรรยาคือ นางเยาวลักษณ์ ดึงสุวรรณ อายุ 63 ปี อดีตผู้อำนวยการ โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งใน อ.หลังสวน ช่วงที่กำลังชงนมให้หลานได้ยินเสียงเอะอะโวยวายกลางถนนหน้าบ้าน จึงมองผ่านหน้าต่างบ้านออกไปเห็นผู้ชายคนหนึ่งจำได้ว่าเป็นตำรวจระดับชั้นประทวน สังกัดโรงพักแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านกันอยู่ฝั่งถนนตรงข้ามอยู่ในอาการเมาสุราพร้อมตะโกนว่า “นามสกุลตระกูลดึงสุวรรณมีอะไรดี” ซึ่งเป็นนามสกุลของตนจึงทำท่าจะออกไปดู แต่นางเยาวลักษณ์ ภรรยาบอกว่าอย่าออกไปเขาเป็นตำรวจมีปืน

นายประชา กล่าวว่า ขณะที่ตนยืนดูตำรวจนายดังกล่าวอยู่ที่ขอบหน้าต่างภายในห้องนอนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด กระสุนปืนทะลุกระจกหน้าต่างที่ตนกำลังยืนอยู่ไม่ถึง 1 ฟุต เศษกระจกแตกกระเด็นเกลื่อนที่นอนและเจาะเข้าที่แขนด้านซ้ายตนได้รับบาดเจ็บ ส่วนกระสุนเฉียดศีรษะของนางเยาวลักษณ์ ภรรยาตนที่กำลังก้มตัวลงดูหลานพอดีทำให้รอดตายอย่างหวุดหวิด ตนจึงโทร.แจ้ง 191 หลังจากนั้นไม่นานตำรวจสายตรวจรถจักรยานยนต์และรถยนต์ของ สภ.หลังสวน มาถึงเข้ามาระงับเหตุ และพาตำรวจนายดังกล่าวออกไป คืนเกิดเหตุตำรวจตรวจสอบจุดยิงบริเวณริมถนนคอนกรีตหน้าบ้านฝั่งตรงข้าม พบลูกกระสุนที่ยังไมได้ยิงตกอยู่เป็นกระสุนหัวตะกั่ว และหัวทองแดงขนาด 9 มม. จำนวน 2 นัด และพบหัวกระสุนที่ยิงผ่านกระจกเข้ามาในบ้านตนตกอยู่ในตะกร้าเครื่องแป้งที่ตั้งอยู่บนโต๊ะใกล้ที่นอน 1 หัว เจ้าหน้าที่ได้เก็บไว้เป็นหลักฐานแล้ว

นายประชา กล่าวว่า เหตุเกิดกลางดึกคืนวันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนไปแจ้งความระบุชื่อผู้ก่อเหตุชัดเจนเพราะบ้านอยู่ฝั่งถนนคอนกรีตตรงข้ามห่างกันไม่กี่เมตร และมีแสงไฟฟ้าบนถนนก็เปิดสว่างจ้าทั่วซอย แต่ทุกวันนี้ตำรวจนายดังกล่าวยังอยู่บ้าน และไปทำงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และพกปืนติดตัวตลอดเวลา หลังเกิดเหตุแม่ของตำรวจที่ก่อเหตุมาเยี่ยมตนและบอกว่าไม่มีอะไรหรอกเขาแค่โมโหทะเลาะกับภรรยาเท่านั้น และยังเตือนตนว่าอย่าให้เด็กๆ ไปวิ่งเล่นส่งเสียงดังบริเวณหน้าบ้านเพราะเขาเครียดอยู่ ทำให้ตนรู้สึกว่าอยู่ไม่มีความปลอดภัยแล้ว

ด้าน นางเยาวลักษณ์ กล่าวว่า บ้านดังกล่าวอยู่ด้วยกัน 8 คน มีเด็กอายุ 8 ขวบและ 8 เดือนอยู่ด้วย นอกนั้นเป็นลูกสาว ลูกเขย ลูกชาย ตนโชคดีมากช่วงที่ตำรวจนายดังกล่าวยิงปืนทะลุกระจกหน้าต่างเข้ามาในบ้านตนได้ก้มลงดูหลานที่อยู่บนที่นอน ถ้าหากตนยืนตัวตรงกระสุนจะเจาะเข้าที่หัวตนอย่างแน่นอนเพราะตรงกับวิถีกระสุนพอดี ตอนนี้ชาวบ้านทั้งซอยผวากันหมดแล้ว ต่างปิดบ้านเงียบกลัวความไม่ปลอดภัยเนื่องจากแม่ของตำรวจที่ก่อเหตุมาบอกว่าอย่าให้ลูกหลานออกไปวิ่งเล่นบนถนน หรือส่งเสียงดังเพราะลูกชายเขากำลังเครียดอาจจะใช้ปืนกราดยิงได้ เนื่องจากผู้ก่อเหตุเคยเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสวนสราญรมย์ และต้องกินยาประจำ ขณะที่ตำรวจก็ไม่ดำเนินการใดๆ เลยซึ่งถ้าเป็นบุคคลที่มีประวัติเข้ารักษาอาการทางประสาทก็ควรนำตัวไปรักษาและไม่ควรให้พกปืนอยู่อย่างนี้ ทำให้ชาวบ้านต้องอยู่กันอย่างหวาดผวาเช่นนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้พยายามติดต่อสอบถามไปยัง พล.ต.ต.สหรัฐ ศิกดิ์ศิลปชัย ผบก.ภ.จ.ชุมพร และ พ.ต.อ.นิรันดร์ กันจู ผกก.สภ.หลังสวน เพื่อขอสัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าของคดี แต่ได้รับคำตอบว่าติดประชุมเรื่องเร่งด่วน และได้สอบถามนายตำรวจ สภ.หลังสวน ท้องที่เกิดเหตุเกี่ยวกับคดีดังกล่าวก็ได้รับการปฏิเสธที่จะให้ข่าวได้ ขณะที่บ้านของผู้ก่อเหตุวันนี้ปิดบ้านเงียบไม่มีใครอยู่แม้แต่คนเดียว