xs
xsm
sm
md
lg

เปิดใจหนุ่มบิ๊กไบค์ พา"ผู้กองดิน" นั่งซ้อนท้าย ไล่จับผู้ต้องหาซิ่ง กระบะแหกด่าน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

กระบี่ - ยกนิ้วให้ "น้องต๊ะ" หนุ่มบิ๊กไบค์ พร้อม "ผู้กองดิน" นั่งซ้อนท้าย บิ๊กไบค์ ไล่จับผู้ต้องหาซิ่ง กระบะ แหกด่านกระบี่ หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกายภรรยาที่ จ.พังงา

จากกรณี มีการเผยแพร่คลิป ขณะเจ้าหน้าที่ ตำรวจ สภ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ขับรถไล่ล่า รถกระบะหนุ่มบุรีรัมย์ ขับแหกด่านข้ามจังหวัด หลังก่อเหตุทะเลาะและทำร้ายภรรยาในพื้นที่ จ.พังงา โดยแหกด่านระหว่างพังงา และ กระบี่ โดยซิ่งแหกด่านหลายจุด เป็นระยะทางมากกว่า 100 กม. ตั้งแต่ สี่แยกนาเหนือ หมู่ 1 ต.นาเหนือ อ.อ่าวลึก ผ่านไปยัง อ.เมืองกระบี่ ก่อนวกกลับมาทาง อ.อ่าวลึก แล้วมุ่งหน้าเข้าไปยังเส้นทางเซ้าท์เทิร์นซีบอร์ด มุ่งหน้า จ.สุราษฎร์ธานี

แต่ตำรวจสกัดจับได้ด้วยการยิงยางล้อรถจนรถคนร้ายเสียหลักลงข้างทาง หมู่ 1 ต.บ้านกลาง อ.อ่าวลึก และ ได้คุมตัวมาดำเนินคดี เบื้องต้นตรวจพบปัสสาวะเป็นสีม่วง สอบสวนคนร้าย สารภาพว่าทะเลาะกับแฟนสาวที่ จ.พังงา จากนั้นเกิดโมโหขับรถออกมาก่อนชนข้าวของเสียหายแล้วมุ่งหน้าหนีมาทาง จ.กระบี่ เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหาดำเนินคดีไป 4 ข้อหา ซึ่งในคลิปการไล่ล่าพบมีรถ จักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ยี่ห้อยามาฮ่า R1 สีน้ำเงิน ซึ่งคนขับเป็นพลเมืองดี และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนั่งซ้อนท้ายขับไล่ล่าร่วมอยู่ด้วยนั้น

ล่าสุด เมื่อวันนี้ ( 7 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยัง สภ.อ่าวลึก เพื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจาก ร.ต.อ.บดินทร์ หรือ ผู้กองดิน กะลูแป รอง สวป.สภ.อ่าวลึก ซึ่งเป็นนายตำรวจที่นั่งซ้อนท้ายรถ จยย.บิ๊กไบค์ และ เป็นตำรวจที่ปรากฎในคลิปขณะใช้อาวุธปืนส่องไปที่ล้อรถของคนร้าย

โดย ร.ต.อ.บดินทร์ เล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่า ขณะกำลังเข้าเวรปฏิบัติหน้าที่ร้อยเวรสายตรวจ 191 ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุของ สภ.อ่าวลึก ว่า มีรถกระบะของผู้ต้องหา คือนายเกียรติศักดิ์ ศรีเสมา อายุ 21 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ ขับรถแหกด่านมาจากพื้นที่ ต.นาเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อกับ อ.ทับปุด จ.พังงา มุ่งหน้าไปทาง อ.เมืองกระบี่ และ รถคันดังกล่าว ขับวกกลับมาทาง อ.อ่าวลึก อีกครั้ง

หลังรับแจ้ง จึงรายให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมนำกำลังไปตั้งด่านสกัดจับ โดยตั้งด่านอยู่ทางเข้าถนนเซ้าท์เทิร์นซีบอร์ด กระทั่งรถผู้ต้องหา ขับผ่านมาด้วยความเร็ว ฝ่าด่านที่ตนตั้งดักไว้ ต่อมามีรถ จยย.บิ๊กไบค์ ซึ่งขับไล่ตามรถคนร้าย มาจอดที่ด่านและบอกให้ตนขึ้นซ้อนท้ายไล่ตามไปด้วยกัน ตนเห็นว่าคนขับบิ๊กไบค์ น่าจะมีความชำนาญในการขับขี่ ประกอบกับจังหวะดังกล่าวเป็นช่วงเร่งรีบ จึงขึ้นซ้อนท้าย แล้วไล่ตามรถผู้ต้องหาไป

ร.ต.อ.บดินทร์ กล่าวต่อว่า หลังจากขับไล่ตามมาสักระยะ ตนก็ชักอาวุธปืนออกมา ตามยุทธวิธีในการไล่จับคนร้าย เนื่องจากไม่ทราบว่าผู้ก่อเหตุในรถ หลบหนีเรื่องอะไรมา และมีอาวุธอยู่ในรถด้วยหรือไม่ แต่ยืนยันว่าไม่ได้ยิงใส่รถคนร้าย แต่ยางรถของคนร้ายระเบิดเอง จนรถมาเสียหลักลงข้างทาง ตำรวจจึงปิดล้อมจับกุมไว้ได้ ซึ่งผู้ต้องหายังอยู่ในอาการมึนเมา พูดจาไม่รู้เรื่อง จึงคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน

ซึ่งตนต้องฝากชื่นชมหนุ่มที่ขี่รถบิ๊กไบค์ ที่ช่วยเจ้าหน้าที่ไล่รถผู้ต้องหามาด้วย จนเจ้าหน้าที่ทำงานจนสำเร็จ อย่างไรก็ตามอยากฝากเตือนถึงพลเมืองดีที่พบเห็นเหตุการณ์ลักษณะนี้ หากไม่มีความชำนาญในการขับขี่รถ จยย. อย่าเสี่ยงทำแบบนี้ เพราะอาจจะเกิดอันตรายได้ เนื่องจากช่วงที่มีการไล่ล่า ต้องใช้ความเร็วสูง ผู้ขับขี่ช่วยเหลือเจ้าพนักงานจึงต้องมีความชำนาญเป็นพิเศษ

สำหรับหนุ่มบิ๊กไบค์ คันที่ขับไล่ตามคนร้ายทราบชื่อคือ นายชัยณรงค์ หรือ ต๊ะ สุขอุ่น อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 110 หมู่ 1 ต.เขาต่อ อ.ปลายพระยา เปิดร้านปะยางรถยนต์อยู่ใกล้กับป้อมตำรวจบริเวณสี่แยกนาเหนือ หมู่ 1 ต.นาเหนือ สอบถามทราบว่า เจ้าตัวเคยเป็นนักแข่งรถ จยย.ทางเรียบ เคยเข้าร่วมแข่งขันในระดับประเทศมาแล้วหลายสนาม ทั้งสนามบุรีรัมย์ สนามไทยแลนด์เซอร์กิต สนามพัทยาเซอร์กิต เป็นต้น จึงมีความชำนาญในการขับขี่ และชอบขับรถบิ๊กไบค์ เป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว

หนุ่มบิ๊กไบท์ เล่าให้ฟังว่า ก่อนจะเกิดเหตุการณ์ไล่ล่าสุดระทึก ตนนั่งกินข้าวอยู่ร้านข้าวข้างป้อมตำรวจ บริเวณจุดสกัดสี่แยกนาเหนือ ต่อมาเห็นรถกระบะคันดังกล่าว ขับมาด้วยความเร็ว ฝ่าด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่พยายามนำรถขับตามออกไป แต่ตนเห็นว่าผู้ก่อเหตุขับด้วยความเร็ว รถ จยย.ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่น่าจะตามได้ทัน ตนมีรถบิ๊กไบค์ R1 อยู่ จึงนำออกมาแล้วขับไล่ตามรถผู้ก่อเหตุ เพื่อช่วยเจ้าหน้าที่

โดยขับตามไปไกลมาก ไล่ตามรถของผู้ก่อเหตุไปติดๆ และติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อแจ้งความเคลื่อนไหวให้ทราบเป็นระยะ จนมาถึงด่านทางเข้าถนนเซ้าท์เทิร์นซีบอร์ด จึงแจ้งให้ตำรวจขึ้นซ้อนท้าย โดยอาสาจะขับไล่ตามไปให้ จนสามารถตามทันและจับกุมผู้ก่อเหตุได้ดังกล่าว ยอมรับว่าช่วงนั้นรู้สึกตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

นายชัยณรงค์ เล่าต่อว่า สิ่งที่ทำไปด้วยจิตสำนึกของพลเมืองดีเท่านั้น ไม่ได้อยากจะเด่น หรือดังอะไร ตนเห็นว่ารถตำรวจไม่สามารถไล่ตามทัน เพราะผู้ก่อเหตุขับใช้ความเร็วสูง รถตนที่ขับไล่ตามต้องใช้ความเร็วเกือบ 200 กม./ ชม. อย่างไรก็ตามอยากฝากถึงพลเมืองดีคนอื่นๆ อย่าทำตาม เพราะการขับขี่ด้วยความเร็วขนาดนี้ ต้องใช้ความชำนาญจริงๆ ตนยอมรับว่าวันเกิดเหตุ อุปกรณ์ป้องกันไม่ได้สวมใส่ด้วย เพราะเร่งรีบกับเหตุการณ์ตรงหน้า

อย่างไรก็ตามตนมีความชำนาญด้านนี้อยู่แล้ว จึงตัดสินใจทำไป ไม่ว่าสังคมจะมองในมุมไหนก็พร้อมจะยอมรับ นอกจากนี้อยากฝากเตือนไปถึงเหล่าบรรดานักบิด ที่ชอบขับรถซิ่งตามท้องถนน หากเป็นไปได้ตนอยากให้หันไปขับขี่แข่งกันในสนามแข่งที่ได้มาตรฐานจะดีกว่า เพราะการขับขี่บนท้องถนนด้วยความเร็ว และไม่มีความชำนาญ อาจจะเกิดอันตรายกับตัวเอง และบุคคลอื่นได้


กำลังโหลดความคิดเห็น