สุราษฎร์ธานี - ผอ.โรงเรียนแจงยิบเด็กพิเศษดับปริศนา พร้อมยื่นมือช่วยค่าทำศพ 5 หมื่น แต่พ่อ-แม่เด็กยังไม่รับ ขอรอผลการชันสูตรจากโรงพยาบาลว่าลูกตายตอนไหน
จากกรณี ด.ช.วงศธร นิลเศษ อายุ 14 ปี เด็กพิเศษ เสียชีวิตขณะอยู่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่งใน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โดยที่ครูไม่ยอมส่งรักษาจนเป็นที่มาของการเสียชีวิต ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในพิธีสวดพระอภิธรรมศพ ด.ช.วงศธร หรือ น้องพี นิลเศษ อายุ 14 ปี ที่วัดวัดเขากุมแป ม.6 ต.ช้างขวา อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นคืนที่ 3 บรรยากาศเป็นไปอย่างเศร้าสลด โดยมี นายประพันธ์ นิลเศษ อายุ 38 ปี /น.ส.พัชรินทร์ ถั่วเถื่อน อายุ 41 ปี พ่อและแม่ของน้องพีพร้อมญาติๆและ คณะครูจากโรงเรียนนครศรีธรรมราชปัญญานุกูล เดินทางมาร่วมแสดงความเสียใจและฟังพระสวดพระอภิธรรม
นางสาวเพียงใจ หงส์ทอง อายุ 53 ปี ผอ.โรงเรียนนครศรีธรรมราชปัญญานุกูล อ.ทุ่งส่ง จ.นครศรีธรรมราช กล่าวชี้แจงกับผู้สื่อข่าว ว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 16 พ.ย.ที่ผ่านมา ทางโรงเรียนได้มีการซักซ้อมร้องเพลง น้องพีได้รับเลือกเป็นนักร้องของโรงเรียนที่จะเดินทางไปแข่งขันที่จังหวัดตรัง ช่วงบ่ายก็ยังฝึกร้องเพลงอยู่แต่สังเกตว่าน้องพีมีอาการซึมๆบ่นว่าง่วงนอน เมื่อไปสัมผัสตัว พบตัวร้อนและรู้สึกว่ามีไข้นิดหน่อย ตอนเย็นก็ได้สั่งให้คุณครูดูแลให้ทานข้าวและกินยาแก้ไข้โดยในเบื้องต้นให้ยาพารา โดยมีครูเวรหอนอนดูแล 24 ชม.
เช้าขึ้นมาในวันเสาร์อาการก็ปกติ และทำกิจวัตรประจำวันตามปกติหลังจากทานข้าวแล้วก็ให้ยาลดไข้ ต่อมาวันอาทิตย์ตอนบ่ายน้องพีมีอาการไข้สูงขึ้นกว่าเดิม ครูเวรหอก็ได้ไปเช็ดตัวให้ยาดูแลทั้งคืน เช้าวันจันทร์ครูหอก็ได้ส่งเด็กต่อให้ครูเวร พร้อมบอกครูเวรว่าเด็กไม่สบาย ครูเวรได้ส่งต่อไปเรือนพยาบาล เรือนพยาบาลก็ได้รวบรวมเด็กที่ไม่สบายมีอาการตัวร้อนจำนวน 9 คนส่งตรวจรักษาที่สถานีกาชาดศิรินทรที่ 12 (ทุ่งส่ง) ซึ่งอยู่ใกล้กับโรงเรียน ซึ่งทุกวันจันทร์จะมีแพทย์จากโรงพยาบาลทุ่งส่งเดินทางมาตรวจรักษาที่สถานีกาชาด โดยมีครูควบคุมไป 2 คน
สำหรับน้องพี แพทย์ตรวจพบว่ามีไข้สูงถึง 38 โดยมีอาการไอแห้งๆมีน้ำมูก แพทย์วินิจฉัย ว่าเป็นหวัดให้ยาตามอาการโดยกำชับว่าหากกินยา 2 วันไม่ดีขึ้นก็ให้นำตัวไปตรวจเลือดที่โรงพยาบาลทุ่งสง หลังจากแพทย์ตรวจเด็กทั้ง 9 คนแล้วครูก็ได้นำเด็กกลับโรงเรียนในโรงเรียนในเวลา 11.00 น. ทางครูก็ได้นำเด็กมาพักที่เรือนพยาบาลที่มีเจ้าหน้าที่ดูแลอาการ
ช่วงเวลา 12.00 น.พี่เลี้ยงได้นำข้าวมาให้น้องพีกิน โดยน้องพีกินข้าวได้ไม่กี่คำถึงแม้พี่เลี้ยงพยายามให้กินมากๆเพื่อจะได้กินยา หลังจากกินยาแล้วก็ได้นอนพักรวมกับเด็กที่ป่วย โดยมีพี่เลี้ยงดูแล เมื่อเวลา 14.00 น.พี่เลี้ยงได้ไปแจ้งกับครูหอว่าน้องพีไม่ยอมให้เช็ดตัว ครูหอได้มาเยี่ยมน้องที่เรือนพยาบาลก็พบว่าน้องมีอาการตอบสนองได้ตามปกติ ซึ่งทางโรงเรียนได้พยายามติดต่อผู้ปกครองตั้งแต่วันอาทิตย์ที่เด็กมีอาการไข้สูง เพื่อจะให้ ผู้ปกครองไปรับเด็กกลับมาดูแล แต่ติดต่อไม่ได้จึงได้ติดต่อมาทาง อบต.ช้างขวาให้ช่วยติดต่อผู้ปกครองให้ด้วยแต่ไม่ทราบว่าทาง อบต.จะดำเนินให้หรือไม่
ซึ่งต่อมาในเวลา 14.00 น.เศษของวันที่ 19 พ.ย.ทางโรงเรียนสามารถติดต่อผู้ปกครองเด็กได้และบอกให้รีบเดินทางมาดูลูก และในเวลาประมาณ 15.00 น. พี่เลี้ยงได้มาเช็ดตัวให้น้องพีแล้วก็เลยไปเช็ดตัวให้เด็กที่ป่วยรายอื่นๆที่นอนพักอยู่ในเรือนพยาบาล ต่อมาในเวลาประมาณ 16.00 น.ครูเวรจะจัดส่งเด็กกลับขึ้นหอพัก ส่วนที่เรือนพยาบาลในเวลากลางคืนจะไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแล ซึ่งครูได้เรียกทุกคนลุกขึ้น แต่พบว่าน้องพีไม่ลุกจึงได้เดินมาดูพร้อมกับปลุกแต่เด็กไม่มีอาการตอบสนอง ดูเหมือนเด็กช็อกแน่นิ่งไปแล้ว พี่เลี้ยงได้พยายามปั้มหัวใจพร้อมนำตัวส่งโรงพยาบาลทุ่งสง
ต่อมาพบว่าน้องเสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งทาง ผอ.โรงเรียนได้ย้ำกับผู้สื่อข่าวว่าพยายามปฎิบัติตามแพทย์สั่งทุกขั้นตอน ผู้สื่อข่าวได้ถามในเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาดำเนินการอย่างไร ทาง ผอ.รร.ได้ระบุว่าดูความเหมาะสมไม่มีหลักเกณฑ์อะไร
นายประพันธ์ นิลเศษ และ น.ส.พัชรินทร์ ถั่วเถื่อน พ่อและแม่ของน้องพี กล่าวว่า วันนี้ทางโรงเรียนได้มาติดต่อขอมอบเงินช่วยเหลือเป็นค่าใช้จ่ายในการบำเพ็ญกุศลศพเป็นจำนวนเงิน 50,000 บาท แต่ทางครอบครัวยังไม่ขอรับจะขอรอผลการตรวจชันสูตรศพของโรงพยาบาลมหาราชก่อน เนื่องจากยังติดใจว่าลูกชายเสียชีวิตในขณะที่อยู่ในระหว่างการดูแลรับผิดชอบของโรงเรียนหรือไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เนื่องจากก่อนหน้านี้ทางโรงเรียนไม่ยินยอมเปิดเผยรายละเอียดว่าลูกชายเสียชีวิตอย่างไร ดูเหมือนจะปัดความรับผิดชอบ ประกอบกับทางแพทย์ รพ.ทุ่งสง ระบุว่าลูกชายน่าจะเสียชีวิตมานานกว่า 1 ชั่วโมงก่อนจะมาถึงโรงพยาบาล ดังนั้นจะขอคืนความยุติธรรมให้บุตรชายต่อไป