นครศรีธรรมราช - ผู้ปกครองสุดทนร้องวิกฤตทางเท้าหน้าโรงเรียนอนุบาลนครศรีธรรมราช หลังถูกพ่อค้าแม่ค้ายึดเป็นที่ขายของ เด็กเลิกเรียนต้องเดินบนผิวจราจรหวั่นอุบัติเหตุทำเจ็บตาย
วันนี้ (15 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานปัญหาการครอบครองบาทวิถี หรือทางเท้าริมถนนสำหรับผู้คนเดินสัญจร ยังคงเป็นปัญหาเช่นเดียวกับหลายที่ แต่พื้นที่หน้าโรงเรียนอนุบาลนครศรีธรรมราช กำลังกลายเป็นวิกฤต นักเรียนที่เลิกเรียนกลับไม่สามารถเดินบนทางเท้าได้ ต้องเดินลงมาบนผิวถนนจราจร หลังจากที่พ่อค้าแม่ค้าใช้เป็นพื้นที่ค้าขายจนแทบไม่สามารถใช้เดินได้
ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนอนุบาลนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโรงเรียนชั้นอนุบาลและประถมประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช จึงได้เข้าร้องกับผู้สื่อข่าวถึงปัญหานักเรียนไม่สามารถใช้ทางเท้าหน้าโรงเรียนหลังเลิกเรียนได้ ซึ่งเป็นทางที่นักเรียนต้องเดินไปยังจุดเรียนพิเศษบริเวณด้านหลังโรงเรียนจำนวนหลายร้อยคนในช่วงเลิกเรียน ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนประมาณหลัง 15.30 น.เป็นต้นไปของทุกวัน
ในขณะที่เจ้าหน้าที่จราจรต่างพยายามมาช่วยอำนวยความสะดวกการจราจร และดูแลความปลอดภัย การหยุด-จอดรถเพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดขึ้นกับนักเรียนอย่างเต็มที่ เนื่องจากลำพังเพียงอำนาจเจ้าพนักงานจราจรไม่สามารถดำเนินการกับพ่อค้าแม่ค้าที่มายึดพื้นที่ทางเท้าขายสินค้าช่วงเด็กเลิกเรียนได้
ผู้ปกครองนักเรียนชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนอนุบาลนครศรีธรรมราช รายหนึ่งเปิดเผยว่า ผู้ปกครองโดยเฉพาะชั้นเด็กเล็กหนักใจกับปัญหานี้มาก เนื่องจากช่วงเลิกเรียนการจราจรที่หนาแน่นอยู่แล้ว นักเรียนกลับมาเจอปัญหาไม่มีทางเดิน เด็กเล็กไม่ค่อยมีความระมัดระวัง บางครั้งเมื่อเจอเพื่อนจะวิ่งเล่นกัน จึงเกรงว่าจะเกิดอันตรายจากการจราจรที่อาจบาดเจ็บ และล้มตายขึ้นได้ตลอดเวลา
เข้าใจว่าโรงเรียนไม่อยากที่จะไปทะเลาะกับบรรดาพ่อค้าแม่ค้า เมื่อไปขอร้องให้ขยับพื้นที่ หรือย้ายสถานที่ขายของให้พ้นจากทางเท้า พ่อค้าแม่ค้าจะอ้างว่าไปรังแกคนจนจะขายของหารายได้อีก แต่กลับแยกกันไม่ออกว่าเป็นพื้นที่ทางเท้าสำหรับเด็ก หรือพื้นที่ขายของ ส่วนเจ้าหน้าที่เทศกิจเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ที่รับผิดชอบพื้นที่โดยตรง กลับไม่เห็นมีการแก้ไขปัญหานี้เลย
“ตำรวจจราจรต่างพยายามแก้ไขปัญหาบนผิวจราจร ทั้งการหยุดการจอดอย่างดียิ่ง แต่ปัญหาบนทางเท้าตำรวจจราจรไม่สามารถแก้ไขได้ เนื่องจากไม่มีอำนาจโดยตรง เป็นหน้าที่ของเทศบาลนครนครศรีธรรมราช ขณะที่โรงเรียนไม่ได้แก้ไขอะไร ผู้ปกครองที่มารับนักเรียนต้องช่วยกันดูแลลูกหลานไปตามมีตามเกิดต้องระวังเอาเอง หากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อไปแล้วต้องมาติดตามดูกันต่อไปว่าใครจะมารับผิดชอบแก้ไขหรือไม่ หากตั้งใจจะแก้ไขให้เป็นพื้นที่ปลอดภัยของเด็กๆ จะขอบคุณมาก” ผู้ปกครองรายนี้กล่าวทิ้งท้าย