ปัตตานี - ส่อเป็นเรื่องฉาว! กำลังพลร้อง “แม่ทัพภาค 4” ตรวจสอบพฤติกรรม “ผบ.ร้อย 4406” ผ่านโซลเชียล พบใช้อำนาจไม่เป็นธรรม ทั้งลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ ก่อนนำออกไปนอกพื้นที่ จี้ถามชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
วันนี้ (12 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีมีการเผยแพร่ข่าวสารทางสื่อสังคมออนไลน์ โดยมีการร้องเรียนของกำลังพลว่า ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการบังคับใช้อำนาจต่อกำลังพลในพื้นที่ และกล่าวหาว่าผู้ใต้บังคับบัญชาติดหนี้ชาวบ้าน เพื่อหักเงินเบี้ยเลี้ยงของกำลังพลในพื้นที่ จึงเรียกร้องให้แม่ทัพภาคที่ 4 ดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง เช่น กรณีการตัดไม้ในพื้นที่ ย้ายออกไปนอกพื้นที่นั้น ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่อย่างไร โดยใช้ชื่อ “ร้อยโท อ.” (นามสมมติ) ผบ.ร้อย 4406 ทำพฤติกรรมมิชอบ จึงอยากได้คำชี้แจงจากผู้บังคับบัญชากรม 44
โดยมีเนื้อหาดังนี้
1.กองร้อย 4406 เดิมตั้งอยู่บ้านโคกนิบง อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี ปัจจุบันย้ายตั้งอยู่ อ.ทุ่งยางแดง ผบ.ร้อย “ร้อยโท อ.” รายนี้ มีพฤติกรรมออกคำสั่ง (บังคับไม่สามารถปฏิเสธได้) ให้กำลังพลไปช่วยขนไม้บนเขา ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานทางราชการ เป็นไม้ส่วนตัวของร้อยโท อ. เพื่อขนกลับบ้าน จ.นครศรีธรรมราช หลายครั้งที่ใช้อำนาจบังคับให้กำลังพลที่กลับมาจากลาดตระเวนให้ไปช่วยขนไม้ทันที การขนไม้แต่ละครั้งใช้เวลาขนประมาณครึ่งวัน และหลายครั้งกำลังพลจำต้องทิ้งงานราชการเพื่อไปขนไม้ให้ ผบ.ร้อย ตามคำสั่ง ช่วงกันยายน-ตุลาคม 2561 เป็นช่วงขนไม้จำนวนมากที่สุดและถี่ที่สุด ที่สำคัญกว่านั้น ได้ใช้รถของทางราชการในการขนไม้ ซึ่งนำมาใช้นอกราชการ แต่ทางร้อยโท อ. อ้างว่าได้รับอนุมัติจากผู้บังคับบัญชาแล้ว ทั้งเรื่องการขอใช้รถทางราชการ และเรื่องการใช้กำลังพลขนไม้ส่วนตัว คำถามคือ การใช้กำลังพลหลายสิบนายไปทำงานส่วนตัว นอกเหนือจากงานราชการในหน่วยทำได้หรือไม่ และไม้ที่ให้กำลังพลไปขนนั้นเป็นไม้ที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
2.ผบ.ร้อย มีพฤติกรรมส่อมิชอบ โดยการนำญาติของตัวเองมาอยู่ในกองร้อย (ขอสงวนชื่อ-นามสกุล) มีชื่อในกองร้อย แต่เจ้าตัวไม่เคยประจำในกองร้อย จะมาเฉพาะเวลามีผู้บังคับบัญชามาตรวจเยี่ยมกองร้อยเท่านั้น รับเงินเดือน รับเบี้ยเสี่ยงภัย แต่ไม่ได้ลงมาปฏิบัติหน้าที่เหมือนกำลังพลคนอื่นๆ
3.ผบ.ร้อย มีพฤติกรรมเป็นผู้มีอำนาจ คัดเกณฑ์กำลังพลที่ตัวเองไว้ใจให้ช่วยสอดส่องภายในกองร้อย ว่าใครเอาเรื่องพฤติกรรมมิชอบของตนไปพูด และยังข่มขู่กำลังพลทั้งกองร้อยว่า ถ้ารู้ว่าใครไปร้องเรียนกับผู้บังคับบัญชา ผบ.ร้อย จะปลดกำลังพลคนนั้นทันที ทำให้กำลังพลจึงยอมรับสภาพ ไม่กล้าร้องเรียน ที่ผ่านมา เคยมีชาวบ้านใกล้ฐานได้ไปร้องเรียนถึงพฤติกรรมร้อยโท อ. แต่เรื่องก็เงียบไป หากบริสุทธิ์ใจจริงทำไมจึงต้องกลัวการถูกร้องเรียน หากกำลังพลไม่ได้รับความยุติธรรม แต่โดนดักเอาไว้แล้วว่าถ้าใครร้องเรียนจะปลดคนคนนั้น แล้วกำลังพลจะไปเรียกร้องความยุติธรรม และความเป็นธรรมได้จากใคร
4.พฤติกรรมของพ่อครัวกองร้อย 4406 มีพฤติกรรมค้าขายยาเสพติด ตั้งแต่พื้นที่บ้านโคกนิบง อ.ไม้แก่น ผบ.ร้อย รับทราบทุกอย่าง แต่ไม่ดำเนินการเนื่องจากเป็นคนสนิท
5.กองร้อย 4406 ที่ตั้งเดิม อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี ช่วงนั้น ผบ.ร้อย ได้เก็บเงินกำลังพลทุกนาย เพื่อเป็นค่าสร้างฐานเพิ่มเติม และได้บอกกำลังพลว่าจะแบ่งคืนให้กำลังพล หากขายฐานให้ นย.ได้จะนำมาคืนกำลังพล แต่ถึงตอนนี้กำลังพลยังไม่ได้รับเงินจากการขายฐาน และยังไม่มีคำชี้แจงจาก ผบ.ร้อย แต่อย่างใด ส่วนนี้กำลังพลต้องการทราบรายละเอียด
6.เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ทางกรม 44 ได้มีการเข้ามาสุ่มตรวจยาเสพติดในกองร้อง 4406 พบกำลังพลของกองร้อย 4406 จำนวน 6 นาย ตรวจพบสารเสพติดจากการตรวจปัสสาวะ ประเภทเมทแอมเฟตามีน จำนวน 5 นาย และกัญชา จำนวน 1 นาย ผบ.ร้อย ได้ทำการปลดกำลังพลทั้ง 6 นาย แต่เอกสารรายละเอียดปลดกำลังพลทั้ง 6 นาย สร้างความคาใจให้กำลังพล โดย ผบ.ร้อย เขียนบันทึกอ้างว่ากำลังพลทั้ง 6 นาย ได้เป็นหนี้สวัสดิการกองร้อย และเป็นหนี้ร้านค้าใกล้ๆ กับกองร้อย แต่กำลังพลทั้ง 6 นาย ยืนยันว่าไม่ได้เป็นหนี้กองร้อย และร้านค้าแต่อย่างใด ตามที่ร้อยโท อ. อ้างอิงในเอกสาร ที่ผ่านมาไม่ทราบว่าทาง ผบ.ร้อย ได้ใช้วิธีโดยชอบหรือไม่ แต่ที่ชัดเจนคือ กรณีของกำลังพลทั้ง 6 นาย ซึ่ง ผบ.ร้อย สร้างหลักฐานเท็จ ให้กำลังพลที่ถูกปลดออก โดยนำเงินที่ระบุเข้ากระเป๋าตัวเอง กำลังพลได้มีการร้องเรียนไปที่กรม 44 แต่เรื่องก็เงียบไป
หากกำลังพลไม่ได้รับความยุติธรรม แต่โดนผู้บังคับบัญชาใช้อำนาจบีบบังคับเอาไว้แล้วว่าถ้าใครร้องเรียนจะปลดคนคนนั้น แล้วกำลังพลจะไปเรียกร้องความยุติธรรม และความเป็นธรรมได้จากใคร ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับการร้องเรียนจากกำลังพล และชาวบ้าน อยากให้ทางกรม 44 เข้าตรวจสอบ และตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงของ “ร้อยโท อ.” ผบ.ร้อย ทพ.ที่ 4406 ขอให้ทางกองทัพภาคที่ 4 เข้าร่วมตรวจสอบด้วย
จักขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
ขณะที่ล่าสุด พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวแล้ว ซึ่งจะขอตรวจสอบข้อมูลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน
