คอลัมน์ : จากนาบอนถึงริมฝั่งเจ้าพระยา
โดย : ยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที ผู้ดำเนินรายการสภากาแฟ NEWS 1
ผมเองจบประวัติศาสตร์ ไม่ได้จบด้านการเกษตร
เรียนมาทางสายสังคมศาสตร์ ด้านประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้!
ในเรื่องการเกษตรส่วนใหญ่รับรู้และเรียนรู้จากปราชญ์ชาวนา ปราชญ์เกษตร ปราชญ์ชาวบ้านเสียเป็นส่วนใหญ่จากการทำข่าว
เกือบสามสิบปีแล้วที่ต้องลงไปทำข่าวพี่น้องชาวนาประท้วง รถอีแต๋น รถอีต๊อกปิดถนนอยู่บ่อย จนคุ้นเคยกับผู้นำชาวนาหลายต่อหลายรุ่น
เคยติดตามผู้เชี่ยวชาญข้าว เพื่อสำรวจการทำนา ตั้งแต่ภาคกลางถึงภาคอีสาน เพื่อเก็บข้อมูล วิธีการปลูกข้าว ตรวจสอบดูปริมาณน้ำฝน ดูเงื่อนเวลาการปลูก เพื่อคาดการณ์ผลผลิตในฤดูกาลนั้นๆ เมื่อลงไปสัมผัส จึงได้ข้อสรุปว่า
“ต้นทุนปลูกข้าวแพงขึ้นทุกปี” อีกทั้ง “ชาวนาพึ่งปุ๋ย พึ่งยา พึ่งสารเคมี” และ “ชาวนาพึ่งตนเองไม่ได้แล้ว”
เคยเห็นชาวนาเขียนรำพึงชีวิตไว้ที่กระดานฝาบ้านในชนบทว่า
“ทำนาปีมีหนี้กับซัง ทำนาปรังเหลือซังกับหนี้ ทำนาทั้งปีได้ทั้งหนี้ได้ทั้งซัง”
ภาพที่เห็นในชนบทตามท้องไร่ท้องนาในภาคกลาง มีแต่ป้ายโฆษณาขายปุ๋ย ขายยาฆ่าแมลง
เพื่อให้ฉีดกันจนแผ่นดินตาย แม่ธรณีเจ็บป่วย!
ยี่สิบกว่าปีผ่านมาแล้ว ลงไปทำข่าวในพื้นที่ชนบท จ.อยุธยา จ.สุพรรณ มีข่าวชาวนาล้มตายในท้องนา เพราะการฉีดยาฆ่าเพลี้ย
กรรมกรแบกข้าวเปลือกล้มทั้งยืน เพราะแบกข้าวเปลือกที่มีฝุ่นผงยาฆ่าเพลี้ย
มีการตรวจเลือดชาวนาใน จ.พิจิตร เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ในร่างกายอุดมไปด้วยสารฆ่าหญ้า และยาฆ่าแมลง
เส้นทางสายนี้ของชาวนาไทยมาถึงจุดอับจนแล้ว
เก็บความอับจน ความอับทึบของสติปัญญาชีวิตคนทำสื่อที่หาคำตอบไม่พบอยู่หลายปี?!
วันหนึ่งมีโอกาสได้ไปสังเกตการณ์ สัมภาษณ์ อ.วิวัฒน์ ศัลยกำธร ที่มาบเอื้อง ซึ่งท่านได้ถ่ายทอดประสบการณ์การตามเสด็จฯ เพื่อจดสิ่งที่มีพระราชาดำริ เมื่อเสด็จฯ ไปตามชนบททุ่งนาป่าเขา
เกษตรกร และชาวนาอับจนปัญญา แต่ศาสตร์ของพระราชากลับตกผลึกเป็นแสงสว่างให้แก่การเกษตร ไม่จำเป็นต้องพึ่งปุ๋ย พึ่งยา พึ่งสารเคมี
ผมเองบอก อ.ยักษ์ ด้วยความดีใจ หลังจากไปเรียนรู้ถึงศาสตร์ของพระราชาที่มาบเอื้อง ณ ตำบลหนองบอนแดง ว่า ปัญหาของชาวนา ความสิ้นหวัง ความอับจน ทำนาปีมีหนี้กับซัง ทำนาปรังเหลือซังกับหนี้
บอกกับ อ.ยักษ์ ว่า คำตอบอยู่ที่นี่ คำตอบของความยากจนของชาวนาอยู่ที่มาบเอื้อง...
บริเวณหน้าศูนย์การเรียนรู้กสิกรรมธรรมชาติ โรงเรียนคืนชีวิตให้แผ่นดินมีคาถา ซึ่งเป็นการอัญเชิญพระราชดำรัสมาเขียนไว้ที่หน้าห้องเรียนว่า...
“ความขาดแคลนไม่ได้เป็นอุปสรรค หากมีปัญญาและความเพียร”
ยี่สิบกว่าปีมาแล้วที่ศูนย์กสิกรรมธรรมชาติมาบเอื้อง สอนผู้คน สอนชาวนา สอนเกษตรกร เพื่อฟื้นฟูแผ่นดิน
จากสิบเป็นร้อย จากร้อยเป็นพัน เป็นหมื่น ผมเชื่อว่าคนที่ผ่านการฝึกอบรมจากที่นี่เกินหลักแสนคนแล้ว
“มาบเอื้อง” สอนคนให้ฟื้นฟูแผ่นดินด้วยความรู้ของในหลวงรัชกาลที่ ๙
ซึ่งเป็นหลักสูตรที่ง่ายๆ เข้าใจไม่ยาก จดจำได้จากการลงมือทำ สำหรับคนที่ไม่รังเกียจโคลนตมยิ่งเข้าใจง่าย
แต่จะเข้าใจยากกับบรรดาคนที่มีการศึกษาสูงๆ ถือโมหะมาจากความรู้การเกษตรที่ต้องพึ่งเคมี
อ.เบ้ หรือ จักรภฤติ บรรเจิดกิจ เป็นลูกชาวนา จบปริญญาตรีด้านสังคมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง
ไม่ได้จบเกษตรมาเลย อ.เบ้ ถือเป็นคนหนุ่มสาวที่พกพาความอับจนอยู่ในหัวใจเช่นกัน เมื่อมองไปท้องไร่ท้องนาในชนบทของตัวเองที่ จ.พิจิตร
อ.เบ้ มีโอกาสได้มาอบรมเรียนรู้กับ อ.ยักษ์ การฟื้นฟูแผ่นดินเพื่อคืนชีวิตให้แผ่นดิน อ.เบ้ มีโอกาสเรียนรู้เรื่องข้าวกับ อ.เดชา ศิริภัทร
จนทุกวันนี้ “สมาคมการเกษตรของไต้หวัน” ต้องมาหิ้วตัวไปจากเมืองไทย เพื่อให้ทั้ง 2 คนเดินสายสอนเกษตรกรทั่วทั้งไต้หวันมาเป็นเวลาหลายปี เพื่อเปลี่ยนไต้หวันให้เป็น Organic Land, Organic Country
อย่าได้ถามว่า อ.เดชา ศิริภัทร กับ อ.เบ้-จักรภฤติ บรรเจิดกิจ ว่าท่านสอนอะไร
แต่อยากจะบอกในคุณวิเศษคาถา และวาจาอันมีปาฏิหาริย์ที่พวกเขามีกันว่า ได้สอนชาวนาให้สามารถปลูกข้าวด้วย
“เม็ดละหม้อ กอละเกวียน”
พวกเขาใช้ข้าวหนึ่งเมล็ดปลูกแบบปักดำ แล้วจะได้หนึ่งกอใหญ่ หรือได้ข้าวราว 120 รวง แล้วใน 1 รวงได้ข้าวราว 280 เมล็ด ข้าวหนึ่งกอจึงได้ข้าวสามหมื่นกว่าเมล็ด
ข้าวสามหมื่นกว่าเมล็ดปักดำในผืนนาที่อุดมสมบูรณ์ ชาวนาโรงเรียนชาวนาพิจิตรเริ่มต้นจากข้าวหนึ่งเมล็ด ระยะเวลาไม่ถึงปี พวกเขาสามารถได้ข้าวถึงสองเกวียนครึ่ง หรือประมาณข้าวเปลือก 2,500 กิโลฯ
นี่คืองานวิจัยที่พวกเขาทำมาแล้ว ปลูกจริง ทำได้จริง โรงเรียนชาวนาพิจิตรจึงเป็นแหล่งรวมชาวนาหัวไวใจสู้
สารเคมีตั้งแต่ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี ฮอร์โมน สารเร่ง ยาฆ่าหนอน ยาฉีดเพลี้ย ฯลฯ พวกเขาไม่รู้จักมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว!!
จุลินทรีย์จาวปลวกเพื่อย่อยฟางข้าว ฮอร์โมนเพิ่มผลผลิตจากยอดหญ้า กลุ่มชาวนาของโรงเรียนชาวนาที่นี่มีโรงงานที่ผลิตปุ๋ยเองให้ใช้ทั้งวันทั้งคืน
ไส้เดือนตัวเท่านิ้วชี้เต็มท้องทุ่งนา เมื่อไส้เดือนเต็มนาปูปลาก็อ้วนพี ต้นทุนการทำนาของพวกเขาไม่ถึง 2,000 บาทต่อไร่ แหล่งอาหารมีกินเต็มนา
ชีวิตใหม่ของชาวนาเริ่มต้นที่มาบเอื้อง ต.หนอนบอนแดง
ขอให้ได้ผลผลิต “ข้าวเม็ดละหม้อ กอละเกวียน” คาถาทำขวัญข้าวยามที่ข้าวตั้งท้อง สิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นเรื่องไร้ความจริงเลย
เมื่อแม่ธรณีสมบูรณ์ แม่โพสพก็สมบรูณ์ มีหรือที่ชาวนาจะไม่ได้อานิสงส์จากการฟื้นฟูแผ่นดินให้มีชีวิต
5 ธันวาคมของทุกปีถือเป็น “วันดินโลก” จากมติที่ประชุมขององค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ
หากมีโอกาสของชีวิต อยากชวนคนไทยไปเรียนรู้ศาสตร์พระราชาที่มาบเอื้อง หรือกลุ่มเครือข่ายกสิกรรมธรรมชาติที่มีที่ตั้งอยู่ตามศูนย์เรียนรู้ตามภาคต่างๆ ของประเทศ
แล้วท่านจะรู้ว่า “จารุเตโชพราหมณ์” กับ “คเชนทรสิงหบัณฑิต” ในพระราชนิพนธ์เรื่องพระมหาชนก มีตัวตนจริงในยุคสมัยแห่งเรา!!!!