xs
xsm
sm
md
lg

เสียงเสน่ห์! ชาวสตูลแห่เล่นกีฬาพื้นบ้านประชันเสียง “ไก่แจ้” สร้างมูลค่าไก่พื้นเมือง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 
สตูล - เสน่ห์ไก่แจ้! ชาวสตูลแห่เล่นกีฬาพื้นบ้านกลางสวนยางพารา แข่งขันประชันเสียง “ไก่แจ้” สร้างมูลค่าไก่พื้นเมืองราคางาม เริ่ม 2,000-10,000 บาท แถมช่วยยกระดับเศรษฐกิจฐานราก

หลายคนคงคุ้นตากับการแข่งขันนกกรงหัวจุกทางภาคใต้ แต่ภาพการแข่งขันประชันเสียง “ไก่แจ้” คงหาดูได้ยาก สำหรับที่ จ.สตูล นั้น กลายเป็นกีฬาพื้นบ้านที่กำลังฮิตติดชาร์ตไปแล้ว สำหรับการแข่งขันประชันเสียงไก่แจ้ โดยไก่ไม่เจ็บตัวเหมือนแข่งไก่ชน ซึ่งทำให้เพลิดเพลินทั้งไก่ และคนเลี้ยง

การแข่งขันเริ่มขึ้นครั้งใด นับเป็นการได้พบปะกันระหว่างคนที่ชื่นชอบไก่เหมือนกัน อย่างที่สนามสี่แยกเจ๊ะบิลัง ต.พิมาน อ.เมือง จ.สตูล นายอนุรักษ์ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อายุ 43 ปี ได้เปิดสนามแข่งขันประชันเสียงไก่แจ้ชิงเงินรางวัล

เจ้าของสนาม กล่าวว่า การแข่งขันไก่ถือว่ามาแรงในตอนนี้ เป็นการแข่งขันประชันเสียง ซึ่งเป็นการละเล่นพื้นบ้านอย่างหนึ่ง ชาวบ้านชื่นชอบเพราะการแข่งขันชัดเจน ไก่ขันแต่ละครั้งจะนับง่าย รางวัลก็ชัดเจน จะให้คะแนนโดยไก่ขัน 1 ครั้ง นับเป็น 1 ดอก ในเวลา 1 นาที โดยจะแบ่งจับตามเวลากำหนด
 

 
สำหรับไก่ 1 ตัว แข่งขัน 4 รอบ ตัวไหนขันมากที่สุดในช่วงเวลาที่มีการจับเวลาจะได้คะแนนมากสุด ก็รับรางวัลที่ 1 ไปครอง สำหรับผู้เข้าร่วมแข่งขันมาจากทั่วไปใน จ.สตูล หากทำตั๋วบัตรแพงๆ มีผู้เล่นเยอะ เหล่าบรรดานักเลงไก่แจ้ ก็จะแห่มาร่วมประชันเสียงด้วย เพราะเงินรางวัลก็จะสูงขึ้นคุ้มค่าต่อค่าเดินทาง

อีกหนึ่งสนามประชันเสียงไก่แจ้ ซึ่งเป็นสวนยางพาราบ้านเขาจีน ต.คลองขุด อ.เมือง จ.สตูล ที่ถูกจัดให้เป็นสนามไก่อีกแห่งหนึ่ง ภายหลังกรีดยางในตอนเช้า บรรยากาศร่มรื่น เจ้าของสนามตอกเสาเรียงรายให้ไก่ขันยืนสวยงาม ผู้เข้าแข่งขันร่วมเชียร์สุดใจ เรียกชื่อไก่ตนเองอย่างมีความสุข

โดยผู้เข้าร่วมแข่งขันอีกราย กล่าวด้วยความชื่นชมไก่ที่เลี้ยงว่า ไก่ตัวนี้ชื่อ “แจ็คสเปโรว์” ลงสนามมา 3 ครั้งแล้ว ครั้งแรกขันได้ 5 ดอก (5 คะแนน) ครั้งที่ 2 ได้ 4 ดอก ครั้งนี้ได้ 8 ดอก ได้ที่ 1 ยังไม่ทราบว่าได้รางวัลเท่าไหร่
 

 
ด้าน นายวารินทร์ หลิมประเสริฐ ผู้ร่วมแข่งขัน กล่าวว่า สำหรับไก่แจ้นั้นเลี้ยงมาระยะหนึ่งแล้ว เมื่อก่อนเลี้ยงไก่สวยงามอยู่ ตอนนี้ได้หันมาเลี้ยงไก้แจ้ เพราะมีเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนไก่ทั่วไป มีหูขาว หงอน ขาแข้งดำอมเขียว อีกอย่างคือ เป็นสัตว์ที่จับต้องได้ การเลี้ยงก็เหมือนไก่ทั่วไป มีข้าวเปลือก มีหัวอาหาร อาบน้ำ 10 วันครั้งหนึ่ง ในส่วนเสน่ห์ของเสียงนั้น ผู้เลี้ยงรายนี้บอกว่า หากเป็นคนที่ชื่นชอบในไก่แจ้ก็จะเข้าใจดีว่าฟังแล้วมีความสุข สำหรับการแข่งขันในครั้งนี้นำมาตัวเดียว แข่งขันกันแบบสนุกๆ เพราะเป็นกิจกรรมในการอนุรักษ์ไก่แจ้ของไทย

ส่วนตัวแล้วชอบไก่ตรงที่สีสัน การจับต้องได้ เล่นได้ อุ้มได้ พาไปเที่ยวได้ ตอนนี้ใน จ.สตูล มีหลายสนามในต่างอำเภอก็มี ผู้เล่นชอบ อีกทั้งยังกระตุ้นเศรษฐกิจไปด้วย บ้านไหนมีไก่เยอะๆ จะได้ขาย ในส่วนอุปกรณ์ เช่น ซุ้มไก่ ก็สามารถทำขายได้ ตลาดเพิ่มขึ้นเพราะมีผู้เลี้ยงมากขึ้น
 

 
สำหรับกติกาแต่ละสนามไม่เหมือนกัน หากค่าสมัครแพงก็จะมีเงินรางวัลเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งเป็นค่าเลี้ยงดูไก่ บางสนาม (รับไก่ 60 ตัว ค่าสมัครตัวละ 100 บาท) ค่าเลี้ยงดูไก่ 700 บาท ที่ 2 ค่าเลี้ยงดูไก่ 600 บาท ที่ 3 ค่าเลี้ยงดูไก่ 500 บาท ที่ 4 ถึงที่ 10 ได้ค่าเลี้ยงดูไก่ 400 บาท

โดยกติกาการแข่งขันไก่แจ้ 4 ยกรวมดอก จับขัน 1 นาทีต่อไก่ 1 ตัว เมื่อไก่ตกลงจากราวกรรมการเท่านั้นจะเป็นคนยกไก่ขึ้นราว ไก่ต้องอยู่บนราวถึงจะนับดอก ลงมาขันบนพื้นไม่นับ เจ้าของไก่คนใดฝ่าฝืนไม่เคารพกติกาจะถูกตัดสิทธิ ห้ามใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เปิดเสียงไก่ตัวเมีย คำตัดสินของกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด

นอกจากนี้ บางสนามอย่างสนามแข่งไก่แจ้บ้านเขาจีน ยังกำหนดค่าสมัครสูงถึงตัวละ 500 บาท ชิงเงินรางวัลที่ 1 สูงถึง 4,000 บาท รางวัลที่ 2-12 รางวัลละ 2,000 บาท รวม 12 รางวัล ทำให้นาทีนี้ไก่แจ้ในพื้นที่ จ.สตูล และหลายจังหวัดข้างเคียงมีราคาสูง เริ่มต้นตั้งแต่ตัวละ 2,000 บาท ไปแตะที่ 10,000 บาทก็มี หลายพื้นที่จึงหันมาเพาะเลี้ยงพันธุ์ไก่แจ้มากยิ่งขึ้น
 



กำลังโหลดความคิดเห็น