พัทลุง - คนร้ายจ่อยิงเจ้าของฟิชชิ่งปาร์ค ใน ต.ชุมพล อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง เสียชีวิต ขณะนอนเฝ้าบ่อตกปลาอยู่ภายในศาลาเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา สาเหตุอยู่ระหว่างการสืบสวนของเจ้าหน้าที่
วันนี้ (9 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวจังหวัดพัทลุงรายงาน ว่า ร.ต.อ.วัลลพ ยั่งยืน ร้อยเวร สภ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง รับแจ้งจากพลเมืองดี ว่า พบศพผู้หญิงถูกยิงเสียชีวิตอยู่ที่ศาลาใกล้บ่อปลา หลังโรงเรียนบ้านขัน หมู่ที่ 9 ต.ชุมพล อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง จึงเดินทางไปที่เกิดเหตุ พร้อมกับ พ.ต.อ.ธรัฐชา ถมปัด รักษาราชการแทน ผบก.ภ.พัทลุง น.ส.ศรอนงค์ สงสมพันธ์ นายอำเภอศรีนครินทร์ พ.ต.อ.ธัญญา สังข์ศิลป์ชัย ผกก.สภ.ศรีนครินทร์ หน่วยกู้ภัยพัทลุงมูลนิธิการกุศล แพทย์เวรโรงพยาบาลศรีนครินทร์ และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน
โดยในที่เกิดเหตุพบศพ นางอุไร หนูแป้น อายุ 47 ปี อยู่บ้านเลขที่ 8 หมู่ที่ 9 ต.ชุมพล อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง นอนหงายเสียชีวิตอยู่ใกล้ๆ ศาลา สภาพศพถูกจ่อยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบชนิดในระยะเผาขน ทำให้ศีรษะหายไปทั้งแถบ และที่มือข้างขวาถูกสัตว์แกะกินฝ่ามือหายไปด้วย ตรวจสอบในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่พบหัวกระสุนปืน 1 หัว จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนในที่เกิดเหตุทราบว่า นางอุไร หนูแป้น ได้ลงทุนเช่าบ่อเลี้ยงปลาเก่าของเพื่อนบ้าน และได้พัฒนาบ่อเลี้ยงปลา เปิดให้บริการตกปลา (ฟิชชิ่งปาร์ค) จนมีคนเดินทางไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากที่ลูกค้าเดินทางกลับไปแล้ว นางอุไร ได้นอนเฝ้าบ่ออยู่ที่ขนำคนเดียวทุกคืน ก่อนที่จะมีชาวบ้านมาพบศพถูกยิงเสียชีวิต เพื่อนบ้านที่อยู่บริเวณรอบๆ บ่อปลาได้ยินเสียงปืนดังขึ้นประมาณ 5 นัด เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา แต่ก็ไม่มีใครสนใจ เพราะเข้าใจว่ามีการยิงปืนเล่นในหมู่บ้านเพราะเกิดขึ้นเป็นประจำ จนกระทั่งตอนเช้า นายยงค์ นาคน้อย เพื่อนบ้านได้เดินเข้าไปเก็บกับดักปลาที่ดักไว้ในพื้นที่บ่อปลา ก็พบว่า นางอุไร เจ้าของบ่อปลาถูกยิงเสียชีวิตไปแล้ว
ส่วนสาเหตุทางเจ้าหน้าที่กำลังสืบสวน ซึ่งเน้นไปที่ประเด็นชู้สาว และการฆ่าล้างแค้น เนื่องจากเมื่อหลายปีก่อน นายสมชัย ดำด้วง สามีของนางอุไร ถูกจับกุมในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น และได้ต่อสู้กันมาจนถึงศาลฎีกา และคดีก็ยกฟ้อง เมื่อหลุดพ้นจากคดี สามีตัดสินใจบวชพระอยู่ที่วัดควนแพรกหา ต.พนมวังค์ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เมื่อประมาณ 6 เดือนที่ผ่านมา และปล่อยให้นางอุไร ต้องเฝ้าบ่อปลาเพียงคนเดียว ส่วนสาเหตุที่แท้จริงเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งสืบสวนติดตามคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป