xs
xsm
sm
md
lg

เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสังคมภาคใต้ เรียกร้องให้ คสช.ยุติแก้ พ.ร.บ.สสส. (มีคลิป)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


 
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เครือข่ายนักวิชาการเพื่อสังคมภาคใต้ จัดเวทีถก แถลง “แก้ พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ยั่งยืนหรือย่ำแย่” ก่อนเรียกร้องให้ คสช.ยุติการแก้ พ.ร.บ.สสส.โดยทันที

วานนี้ (8 พ.ย.) ที่ห้องประชุมสถาบันการจัดการระบบสุขภาพ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (สจรส.) ม.อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ได้มีการจัดเวที ถก แถลง “แก้ พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ยั่งยืนหรือย่ำแย่” โดยในเวทีมีการอภิปรายประเด็นที่กำลังเป็นกระแสในสังคม เรื่องการแก้ พ.ร.บ.สสส. โดยมีเครือข่ายด้านสุขภาพกว่า 30 เครือข่ายเข้าร่วมรับฟัง

รศ.ดร.ณฐพงศ์ จิตรนิรัตน์ คณบดีคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยทักษิณ กล่าวว่า ทางเครือข่ายนักวิชาการในภาคใต้ได้ติดตามประเด็นนี้จากทางสื่อมวลชนมาโดยตลอด และตั้งข้อสังเกตว่า การแก้ พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการเสริมสร้างสุขภาพ หรือ สสส. ไม่อาจพิจารณาแยกเดี่ยวๆ หรือคิดว่าเป็นเพียงการแก้ไข พ.ร.บ.สสส. อันเป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการดำเนินงาน และเจตนารมณ์ของการจัดตั้งองค์กรเท่านั้น

เพราะหลายปีมานี้ โดยเฉพาะหลังรัฐประหาร ได้มีความพยายามในการออกแบบระบบ โครงสร้าง และกลไกทางการเมืองใหม่ ทว่า เป็นการนำระบบเก่ามาปัดฝุ่นสร้างใหม่ ที่ให้ความสำคัญต่อบทบาทของอภิสิทธิ์ชน ชนชั้นนำ การขับเคลื่อนด้วยระบบราชการ กองทัพ และธุรกิจเอกชนขนาดใหญ่ ที่พัฒนาการ และเติบโตมากับระบบและเครือข่ายอุปถัมภ์ มีการออกแบบสร้างกลไกเชิงสถาบันแบบ “รัฐเร้นลึก” ที่ซ้อน ทาบทับ แทรกแซง สำแดงหน้าที่ในรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ อำนาจบริหาร นิติบัญญัติ แผนยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูปประเทศ หรือแม้กระทั่งกฎหมายโดยทั่วไป การเปลี่ยนวิธีการจัดสรรงบประมาณแบบเข้มข้นในทุกระดับ

ซึ่งถือว่ากลุ่มอภิสิทธิ์ชน ชนชั้นนำเหล่านี้ เป็นความสำเร็จอันเหลือเชื่อในการหวนคืนกลับมาทวงคืนอำนาจคืนจากประชาชน ที่ต้องยอมรับว่าเติบโตขึ้นอย่างมากมายมหาศาล ในช่วง 2-3 ทศวรรษมานี้ แต่กระนั้นการสร้างความมั่นคงให้แก่ระบบใหม่ และระบบการเมืองใหม่ รัฐอำนาจนิยม ที่นำโดยอภิสิทธิ์ชน ชนชั้นนำ ระบบราชการ กองทัพ จะพยายามในทุกวิถีทางที่จะ “ลิดรอน จำกัด กำกับ ควบคุม สั่งการ สลาย” ประชาชนและเครือข่ายใหม่ๆ เช่น การแช่แข็งการเมืองท้องถิ่น การปลดบอร์ด สสส.

การแก้ พ.ร.บ.สสส. จึงเป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างของการ “ลิดรอน จำกัด กำกับ ควบคุม สั่งการ สลาย” เครือข่ายใหม่ที่เกิดขึ้น ทั้งหมดที่กล่าวมาจึงคือรูปธรรม ยืนยัน และตอบคำถามที่ชัดเจนอยู่แล้วว่ายั่งยืนหรือย่ำแย่ และยังทำให้ย่ำแย่ลงไปกว่านี้อีก ถ้ายังอยู่ในอำนาจ หรือกลับมามีอำนาจหลังการเลือกตั้ง
 

 
รศ.ดร.ณฐพงศ์ ยังกล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม แม้ สสส.จะสร้างคุณูปการไว้มากมาย จากนวัตกรรมสุขภาพแนวใหม่ๆ ที่ทำให้ประชาชน สังคม ชุมชน ท้องถิ่น สามารถเรียนรู้ เติบโต มีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างเสริมสุขภาพ สลายการผูกขาด ลดอำนาจรัฐและทุน เพิ่มอำนาจคนเล็กคนน้อยให้ปลดปล่อยพลังอันสร้างสรรค์ออกมาจัดการตนเอง ชุมชน ท้องถิ่นของตนได้ เป็นต้น

แต่ สสส.เองก็ต้องปฏิรูปตนเองให้เป็นองค์กรแบบเปิด มีโครงสร้าง ระบบบริหาร และการตัดสินใจแบบมีส่วนร่วม ซึ่งหากทำได้เชื่อมั่นว่า เมื่อถึงวันที่ใครจะคิดจัดการ ควบคุมองค์กร สสส.ไปในทิศทางที่ขัดกับเจตนารมณ์การก่อตั้งองค์กรแล้ว มวลชนก็พร้อมจะยืนอยู่เคียงข้าง

ด้าน นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จังหวัดสงขลา เผยว่า สถานการณ์ด้านภัยคุกคามต่อสุขภาพในประเทศไทย ในปัจจุบันมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังจะเห็นว่าอัตราการป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อร้ายแรง เช่น เบาหวานอยู่ที่ 4 ล้านคนในปี 2561 และคาดว่าจะสูงขึ้นเป็น 5.2 ล้านคนในปี 2563 อีกทั้งยังมีความดันโลหิตสูง และอ้วนลงพุงอีก

ซึ่งงานของ สสส. ที่ผ่านมาคือ การมุ่งเป้าลดปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคเหล่านี้ โดย สสส.ได้งบจากภาษีเหล้าบุหรี่ปีละ 2% โดยภาษีเหล้าบุหรี่ 100% ที่เก็บได้ราวปีละ 2 แสนล้านบาท ก็จะเก็บเพิ่มจากผู้ประกอบการอีก 2% มาให้ สสส.ทำงานเพื่อสร้างเสริมสุขภาพคนไทย โดยในปี 2560 สสส.ได้รับงบ 4,400 ล้านบาท งบจำนวนนี้ 44% หรือเกือบ 2,000 ล้านบาท ถูกใช้โดยภาครัฐ ที่เหลือเป็นโครงการของมูลนิธิ มหาวิทยาลัย นักวิชาการ ชุมชน และองค์กรประชาชน และมีผลการทำงานที่น่าทึ่งมาก และต่างประเทศก็ชื่นชม

แน่นอนที่สุดว่าในความสำเร็จจำนวนมากนั้น มิใช่มาจาก สสส.เพียงองค์กรเดียว สสส.เป็นแกนสำคัญในการเชื่อมร้อยหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงประชาชนคนเล็กคนน้อย ให้ร่วมกันลุกขึ้นมาจัดการระบบสุขภาพของตัวเอง ชุมชน และไปจนถึงระดับชาติ
 

 
นพ.สุภัทร กล่าวอีกว่า กระทรวงการคลัง สนใจที่จะแก้กฎหมาย สสส. ให้ทำ 2 อย่างคือ 1.ต่อไปนี้จะจำกัดวงเงินที่ 4,000 ล้านบาทเท่านั้น หากเกินกว่านี้ต้องส่งเข้าคลัง และ 2.ให้นำระเบียบกระทรวงการคลัง มาจับในการใช้เงิน กฎกติกา ระเบียบ การดำเนินงานต่างๆ ที่ผ่านความเห็นชอบจากบอร์ด สสส. ยังต้องนำไปผ่านความเห็นชอบกับกระทรวงการคลัง อีกชั้นหนึ่ง

ซึ่งชัดเจนว่าทั้ง 2 ข้อนี้ คือปรารถนาดีที่ประสงค์ร้าย เมื่อภัยคุกคามทางสุขภาพมากขึ้น งบต่อสู้กับภัยคุกคามทำไมต้องถูกจำกัดให้คงที่ด้วย อันนี้ไม่สมเหตุสมผล บริษัทเหล้าบุหรี่ รวมถึงสินค้าทำลายสุขภาพอื่นๆ ย่อมได้ประโยชน์จากการนี้ แถมนอกจากจะลดเงินแล้ว ยังเอาระเบียบกระทรวงการคลัง มาจับในการใช้เงินแทนระเบียบ สสส.ด้วย ทำให้ภาระการบริหารจัดการสูงขึ้นอีกมาก เช่น ต้องทำเอกสารอย่างหนาเพื่อซื้อของหรือเมื่อทำกิจกรรม คนอาสามาสร้างสุขภาพก็จะเสียเวลาทำแต่เอกสาร จนไม่มีเวลามาลงทำกิจกรรมระดับชุมชน มีเวลาในการสร้างสุขภาพลดลง

“การที่กระทรวงการคลังจะแก้กฎหมายนี้ จึงเท่ากับจะรวบอำนาจกลับไปให้แก่กระทรวง กรม กองราชการ อย่าให้ สสส.มีประสิทธิภาพสูง ต้องทำให้ สสส.มีประสิทธิภาพด้อยลง อีกทั้ง คสช.รีบเร่งอย่างมากที่จะแก้กฎหมาย สสส.ให้ได้ในรัฐบาลนี้ จึงมีเลศนัยยิ่ง จึงมีข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ขอให้หยุดกระบวนการแก้ พ.ร.บ.กองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ และยุติการรับฟังการแสดงความคิดเห็นร่างกฎหมายใน www.lawamendment.go.th โดยทันที ขณะนี้มีการเคลื่อนไหวของหลายๆ จังหวัด ที่ต้องการปกป้องเจตนารมณ์ของการก่อเกิด สสส. มีการยื่นหนังสื่อคัดค้านแทบทุกวัน จึงอยากให้ คสช.ฟังเสียงเขาเหล่านั้นด้วย” นพ.สุภัทร กล่าว
 




กำลังโหลดความคิดเห็น