xs
xsm
sm
md
lg

“ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ” เปิดใจไม่ได้อยากเป็น ตร.เพื่อตามจับคนฆ่าพ่อ แต่เป็นเพราะใจรัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - “ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ” ย้ำอยากเป็นตำรวจเพราะพ่ออยากให้เป็น และมีใจรัก เปิดใจไม่ได้ตั้งใจเป็นตำรวจเพื่อตามจับคนร้ายฆ่าพ่อ เมื่อเข้ามาเป็นแล้วต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

จากกรณีเมื่อวันที่ 5 พ.ย.61 ที่ผ่านมา มีการเสนอข่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนภูธรภาค 8 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนภูธรจังหวัดชุมพร จับกุม นายบุญฤทธิ์ ครุฑละออง อายุ 54 ปี 1 ใน 3 คนร้ายที่ก่อเหตุฆ่า นายประสิทธิ์ แซ่อื้อ และนายชาณี ทองหญีต แล้วนำศพมาทิ้งไว้ที่บริเวณสระน้ำริมทาง บ้านท่าตะเภา ต.ท่าข้าม อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี โดยเหตุเกิดตั้งแต่เมื่อเดือน ธ.ค.41 ที่ผ่านมา โดยจับกุมได้ที่สวนปาล์มแห่งหนึ่ง ใน ม.2 ต.สองพี่น้อง อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ก่อนคดีหมดอายุความเพียง 1 เดือน

โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิต คือ นายประสิทธิ์ แซ่อื้อ ซึ่งเป็นบิดาของ ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ มากประดิษฐ์ อายุ 21 ปี ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 (กก.ปพ.บก.สส.ภ.8) ที่เข้าร่วมติดตามจับกุมผู้ต้องหาในครั้งนี้ด้วย พร้อมกับระบุว่า ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ ตั้งใจเข้ามาเป็นตำรวจเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายที่ฆ่าพ่อตัวเอง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ ส.ต.ต.อัษฎาวุฒิ มากประดิษฐ์ ได้เปิดใจกับสื่อมวลชนที่กองบังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ขณะกำลังเข้าพบ พล.ต.ต.ชินรัตน์ ฤทธิธาคณานนท์ ผบก.สืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่า กรณีการนำเสนอที่ระบุว่าตนเข้ามาเป็นตำรวจเพื่อต้องการจะตามจับคนร้ายที่ฆ่าพ่อตัวเองนั้นเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อน

จริงๆ แล้วตนตั้งใจเข้ามาเป็นตำรวจเพราะมีความชื่นชอบในอาชีพนี้ ประกอบกับทราบจากแม่ว่า พ่อต้องการให้ตนเข้ามาเป็นตำรวจ ซึ่งเรื่องที่พ่อของตนถูกฆ่านั้นเกิดขึ้นในขณะที่ตนมีอายุเพียงแค่ 1 ขวบเศษ ตอนนั้นตนไม่ทราบ และไม่เคยถามแม่เพราะตนคิดว่าพ่อที่เลี้ยงดูตนมาเป็นพ่อแท้ๆ แต่ตนมาทราบว่าพ่อที่แท้จริงเสียชีวิตแล้ว เมื่อตนอายุประมาณ 14-15 ปี ซึ่งตอนนั้นคิดว่าคนร้ายที่ฆ่าพ่อถูกจับกุมดำเนินคดีแล้ว

ส่วนตนตั้งใจเรียนหนังสือ และเดินตามฝันของตัวเอง และฝันของพ่อ จนกระทั่งสอบเข้ามาเป็นตำรวจ และเริ่มเข้ารับราชการตำรวจเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ก็ตั้งใจปฏิบัติตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชาทั้งหมด และถือว่าเป็นโอกาสดีที่ตนได้เข้ามาทำงานในส่วนของงานสืบสวน ซึ่งเป็นงานที่รับผิดชอบในติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีค้างเก่า โดยเฉพาะในรายที่คดีที่ใกล้หมดอายุความ

ซึ่งจากการตรวจสอบหมายจับ พบว่า หนึ่งในหมายจับนั้นมีหมายจับผู้ต้องหาคดีฆ่าพ่อของตนอยู่ด้วย และจากการสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหารายดังกล่าวเพิ่งเดินทางกลับมาอาศัยอยู่ที่ชุมพร จึงประสานงานกับทางตำรวจกองปราบปราม และชุดสืบสวนในพื้นที่ในการติดตามตามขั้นตอน และร่วมติดตามจับกุมตัวดังกล่าว ซึ่งในการติดตามจับกุมตัวผู้ต้องหานั้นเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ และทำตามขั้นตอน

หากถามว่าใช่คนที่ฆ่าพ่อตนหรือไม่ ตนเองไม่ทราบชัดแต่ทำตามหมายจับ ซึ่งจะต้องต่อสู้กันตามกระบวนการ หากกระทำจริงก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย แต่หากไม่ได้กระทำก็ต้องให้ความเป็นธรรม ทั้งนี้ ตนเองมีความภาคภูมิใจในอาชีพตำรวจ ซึ่งจะตั้งใจปฏิบัติตามหน้าที่อย่างเคร่งครัด

ขณะที่ พล.ต.ต.ชินรัตน์ ฤทธาคณานนท์ ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า การจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าวนั้นเป็นการจับตามคดีค้างเก่าตามปกติในพื้นที่ความรับผิดชอบ ในพื้นที่ภาค 8 ทั้งหมด โดยมีการจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับโดยเฉพาะขึ้น

ซึ่งทุกกองกำกับจะมีการเร่งรัดในการดำเนินการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามสืบสวนจับกุม โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น ปีใหม่ สงกรานต์ งานเดือนสิบ เป็นต้น โดยให้ทางเจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนติดตามคนร้ายที่มีหมายจับคดีค้างเก่า โดยไม่ได้เป็นการเจาะจงจับกุมแต่อย่างใด


กำลังโหลดความคิดเห็น