คอลัมน์ : ดูรูปสวยแถมด้วยเกร็ดความรู้ / โดย...สกนธ์ รัตนโกศล
“ฟักเขียว” หรือจะเรียกกันสั้นๆ ว่า “ฟัก” ก็ได้ มีชื่อท้องถิ่นอื่นๆ ว่า มะฟักหอม (แม่ฮ่องสอน), ฟักขี้หมู ฟักจิง มะฟักขม มะฟักหม่น มะฟักหม่นขม (ภาคเหนือ), บักฟัก (ภาคอีสาน), ฟัก ฟักขาว ฟักเขียว ฟักเหลือง ฟักจีน แฟง ฟักแฟง ฟักหอม ฟักขม (ภาคกลาง), ขี้พร้า (ภาคใต้), ตังกวย (จีน), ดีหมือ ลุ่เค้ส่า (ชาวกะเหรี่ยง), หลู่ซะ (กะเหรี่ยงเชียงใหม่), หลู่สะ (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน), หลึกเส่ (กะเกรี่ยงแดง), สบแมง (เมี่ยน), ฟักหม่น ผักข้าว (คนเมืองล้านนา) เป็นต้น
มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Winter melon, White gourd, Winter gourd, Ash gourd ชื่อวิทยาศาสตร์ Benincasa hispida (Thunb.) Cogn. จัดอยู่ในวงศ์แตง (CUCURBITACEAE) จัดเป็นพืชล้มลุกจำพวกไม้เถา เช่นเดียวกับบวบ มะระ หรือแตงชนิดอื่นๆ มีถิ่นกำเนิดไม่แน่นอน ระหว่างทวีปเอเชีย แอฟริกา และอเมริกา เพาะปลูกกันมากในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออก และเอเชียใต้ ลักษณะของผลจะเป็นรูปทรงกระบอก ปลายมน มีสีเขียวแก่ จะเรียกว่า “ฟัก” ถ้าเป็นพันธุ์เล็ก ผิวมีสีเขียวอ่อนๆ เราจะเรียกว่า “แฟง” หรือ “ฟักแฟง” แต่ถ้าเป็นพันธุ์ที่ลักษณะของผลค่อนข้างกลม สีเขียวแก่ๆ จะเรียกว่า “ฟักหอม” หรือถ้าเป็นพันธุ์ที่รสขมเราจะเรียกว่า “ฟักขม” เป็นต้น
“ฟัก” จัดเป็นผักพื้นบ้านที่รู้จักกันดีมาตั้งแต่ดั้งเดิม และเป็นผักชนิดแรกที่เด็กเริ่มหัดกิน ช่วยในเรื่องระบบย่อยอาหาร.และบำรุงร่างกายได้ดี
ลักษณะของฟักเขียว ต้นฟักเขียวเป็นพืชอายุสั้น ลำต้นยาวหลายเมตร ลำต้นมีสีเขียว มีขนหยาบขึ้นปกคลุมอยู่ทั่วทั้งต้น เป็นพืชที่แตกกิ่งก้านสาขามาก ขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เมล็ด สามารถปลูกได้ดีในดินร่วนปนทราย ปลูกเพียง 3 เดือนก็สามารถเก็บผลผลิตได้
“ใบฟักเขียว” ลักษณะของขอบใบหยักเป็นเหลี่ยม แยกออกเป็น 5-11 แฉกคล้ายฝ่ามือ ปลายใบแหลม ขอบใบหยักแบบซี่ฟัน โคนใบเว้าเป็นรูปหัวใจกว้างๆ ใบออกเรียงสลับกันตามข้อต้น ผิวใบหยาบ มีขนปกคลุมทั้งสองด้าน ใบมีสีเขียวเข้ม แผ่นใบกว้างประมาณ 10-20 เซนติเมตร และยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร ส่วนก้านใบยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร
“ดอกฟักเขียว” ออกดอกตามง่าม ดอกเป็นดอกเดี่ยว มีสีเหลือง ดอกเพศผู้ และดอกเพศเมียจะอยู่ต้นเดียวกัน เมื่อดอกบานเต็มที่จะกว้างประมาณ 6-12 เซนติเมตร โดยดอกเพศผู้จะมีก้านดอกยาว 5-15 เซนติเมตร มีกลีบรองดอกโคนเชื่อมติดกัน ปลายแยกเป็นกลีบ 5 กลีบ กลีบเป็นรูปไข่หัวกลับ ยาวประมาณ 3-5 เซนติเมตร มีเส้นมองเห็นได้ชัดเจน มีเกสรตัวผู้ 3 อันติดอยู่ใกล้กับปากท่อดอก และอับเรณูจะหันออกไปด้านนอก ส่วนดอกเพศเมียก้านดอกจะสั้น มีกลีบรองดอก และกลีบดอกลักษณะเหมือนดอกเพศผู้ เป็นรูปไข่หัวกลับ หรือเป็นรูปทรงกระบอก ยาวประมาณ 2-4 เซนติเมตร มีขนยาวปกคลุมอยู่หนาแน่น มีท่อรังไข่สั้น ปลายท่อแยกออกเป็น 3 แฉก
“ผลฟักเขียว” ลักษณะของผลเป็นรูปกลมยาว หรือเป็นรูปไข่แกมขอบขนาน หรือขอบขนานค่อนข้างยาว ผลมีความกว้างประมาณ 10-20 เซนติเมตร และยาวประมาณ 20-40 เซนติเมตร ผลอ่อนมีขน ส่วนผลแก่ผิวนอกมีนวลเป็นแป้งสีขาวเคลือบอยู่ เปลือกแข็งมีสีเขียว เนื้อด้านในมีสีขาวปนเขียวอ่อน ฉ่ำน้ำ เนื้อแน่นหนา เนื้อตรงกลางฟู หรือพรุน และมีเมล็ดสีขาวอยู่ภายในจำนวนมาก
“เมล็ดฟักเขียว” ลักษณะของเมล็ดเป็นรูปไข่ เมล็ดแบน มีความกว้างประมาณ 5-7 มิลลิเมตร และยาวประมาณ 10-15 มิลลิเมตร ผิวเรียบมีสีขาว หรือสีน้ำตาลอ่อน
ส่วน “สรรพคุณของฟักเขียว” ประกอบด้วย ช่วยขับความร้อนภายในร่างกายและถอนพิษไข้ต่างๆ ช่วยแก้อาการธาตุพิการ ช่วยขับปัสสาวะและเป็นยาระบาย ช่วยรักษาโรคหวัด แก้อาการไอ และขับเสมหะออกจากลำคอ ช่วยป้องกันโรคเบาหวาน หรือน้ำตาลในเลือดสูงได้ดี ช่วยรักษาและป้องกันโรคลมบ้าหมู ช่วยขับพยาธิ และแก้อาการบวมน้ำในร่างกาย ดีต่อระบบลำไส้ ทำให้ขับถ่ายได้เป็นปกติ ป้องกันโรคริดสีดวงทวาร ช่วยรักษาอาการดีซ่าน หรือแพ้ผดผื่น ช่วยป้องกันและรักษาโรคบิดได้ ช่วยแก้อาการฟกช้ำ หรือโดนแมลงกัดต่อย
ด้าน “ประโยชน์ของฟักเขียว” ได้แก่ “ผล” สำหรับในบ้านเรานั้นผลฟักเขียวจะนิยมนำมาใช้ประกอบอาหารเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นอาหารประเภทคาวและหวาน เช่น ต้ม ผัด แกง หรือทำเป็นขนมหวานในช่วงเทศกาลต่างๆ เช่น ฟักเชื่อม กวนแยม ฟักเขียวแช่อิ่มแห้ง ขนมฟักเขียว ขนมจันอับสำหรับไหว้ตรุษจีน ใช้บริโภคทั้งแบบดิบและแบบสุก และสามารถบริโภคได้ทั้งผลอ่อนและผลแก่ โดยผลอ่อนจะมีรสชาติที่เข้มกว่าผลแก่ และมีน้ำมากกว่า “ยอดอ่อน” สามารถนำมาลวกหรือต้มกับกะทิ ใช้รับประทานคู่กับน้ำพริกได้ “ใบอ่อน” และ “ตาดอก” สามารถนำไปนึ่งหรือใส่แกงจืดเพื่อช่วยเพิ่มรสชาติได้ “เมล็ด” สามารถใช้รับประทานได้ และยังอุดมไปด้วยน้ำมันและโปรตีน แต่ต้องทำให้สุกก่อนนำมารับประทาน “ขี้ผึ้ง” ที่หุ้มผลสามารถนำมาใช้ทำเทียนได้
อย่างไรก็ตาม มี “ข้อควรระวัง” ในการนำพืชอาหารชนิดนี้ไปใช้ผิดประเภท โดยเฉพาะไม่ควรนำไปเกี่ยวข้องกับแวดวงการเมือง หรือความขัดแย้งใดๆ
นอกจากนี้ ยังมี “ข้อควรระวังในการรับประทานฟักเขียว” ด้วย โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาในอาการแน่นหน้าอกควรหลีกเลี่ยง หรือมีอาการท้องร่วง ท้องเสีย ไม่ควรรับประทานฟักเขียวนะขอรับ
บรรณานุกรม
- https://www.เกร็ดความรู้.net/ฟักเขียว/
- https://medthai.com/ฟักเขียว/