นครศรีธรรมราช - ชาวประมงบ้านท่าสูง เริ่มไม่มั่นใจการกู้ซากเรือบรรทุกแร่ ที่อับปางขวางร่องน้ำหลังมีความล่าช้า ยืนยันหากไม่ดำเนินการตามข้อตกลง จะมีการประท้วงด้วยการปิดร่องน้ำทางเข้าออกเดินเรือ
การปฏิบัติการกู้เรือบาธบรรทุกแร่ ชื่อว่า “เรือโชคอำนวย” ขนาดความกว้าง 12 เมตร ยาว 36 เมตร บรรทุกแร่กว่า 600 ตัน อับปางบริเวณปากร่องน้ำบ้านท่าสูงบน หมู่ที่ 4 ต.ท่าศาลา อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช ยังคงจมอยู่จุดเดิม โดยเรือลำนี้ได้อับปางช่วงฤดูมรสุมเมื่อปลายปี 2560 เป็นเวลาเกือบ 1 ปี ที่ถูกทิ้งขวางร่องน้ำแห่งนี้ ขณะที่ชาวบ้านได้เรียกร้องให้ผู้รับผิดชอบเร่งทำการกู้ซากเรือเมื่อ 5 วันก่อน แต่จนถึงวันนี้ยังไม่สามารถดำเนินการกู้เรือลำนี้ได้
การปฏิบัติการกู้เรือลำนี้ถูกดำเนินการโดยใช้งบประมาณจากเจ้าของเรือ หลังจากที่เจ้าท่าภูมิภาคนครศรีธรรมราช ได้แจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว โดยได้ว่าจ้างเรือลากขนาดใหญ่เข้าทำการลากซากเรือ แต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากกำลังเรือไม่พอ และพบว่าเรือจมอยู่ในเลนลึกกว่า 2 เมตร ทั้งยังมีรอยแตกขนาดใหญ่บริเวณกราบเรือ
ขณะที่ นายไตรรัตน์ ไชยรัตน์ นายอำเภอท่าศาลา ตัวแทนสำนักงานเจ้าท่านครศรีธรรมราช นายอำนาจ คล้ำวิชัย เจ้าของซากเรือ และผู้บริหารบริษัทแร่ได้เข้าร่วมเจรจากับ นายดลรอหมาน โต๊ะเต็บ โต๊ะอิหม่ามมัสยิดท่าสูง แกนนำชาวบ้าน รวมทั้งแกนนำเรือประมงพื้นบ้าน และเรือประมงพาณิชย์ที่ใช้ร่องน้ำเดียวกันนี้ เข้าร่วมเจรจาปรับแผนแก้ไขปัญหา
โดย นายอำนาจ คล้ำวิชัย เจ้าของซากเรือ ได้ทำบันทึกข้อตกลงว่าจะดำเนินการนำเรือโป๊ะขนาดใหญ่ 2 ลำ จาก จ.สุราษฎร์ธานี เข้าขนาบกราบซ้ายและขวา ทำการกู้ออกจากร่องน้ำให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน ให้พ้นจากร่องน้ำ ซึ่งนับจากวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยเรือจะเข้าดำเนินการในวันพรุ่งนี้ (21 ต.ค.)
ขณะที่ชาวประมงพื้นบ้าน และแกนนำได้ทำบันทึกข้อตกลงร่วมกัน แต่ยืนยันว่าไม่มีความมั่นใจในการแก้ไขปัญหาของบริษัทเหมืองแร่ และเจ้าของซากเรือ ดังนั้น เรือกู้ต้องมาถึงในวันพรุ่งนี้ตามข้อตกลง และจะต้องเริ่มปฏิบัติการทันที หากไม่ดำเนินการแก้ไขให้มีความคืบหน้าภายในวันอังคาร หรือ 23 ต.ค.นี้ ชาวบ้าน และชาวประมงที่ใช้ร่องน้ำแห่งนี้จะร่วมกันปิดร่องน้ำห้ามเรือเข้าออกทันที รวมทั้งเรือบรรทุกแร่ที่ต้องใช้ร่องน้ำแห่งนี้ขนส่งแร่ไปต่างประเทศอีกด้วย จนกว่าทุกฝ่ายจะมีความชัดเจน และคืบหน้าในการจบปัญหาซากเรือขวางร่องน้ำดังกล่าวนี้
