ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - มือปราบน้ำมันเถื่อน อดีตรอง ผกก.สุคิริน ร้องสื่อ หลังศาลฎีกาพิพากษาให้ชนะคดีจับน้ำมันเถื่อนของนายทุนนักการเมืองคนดัง และให้รางวัลบำเหน็จ แต่ผ่านมา 19 ปี ยังไม่ได้รับอะไรจากกรมศุลกากร
วันนี้ (18 ต.ค.) พ.ต.อ.ยงยศ เทียมประชา อดีตรอง ผกก.สภ.สุคิริน จ.นราธิวาส ได้ร้องทุกข์ต่ิผู้สื่อข่าว ถึงกรณีที่ศาลฎีกาได้พิพากษาให้ชนะคดีจับน้ำมันเถื่อนของนายทุนนักการเมืองคนดัง จ.สตูล ตามคำพิพากษาศาลฎีกา เลขที่ 8858/2542 ลงวันที่ 21 ธันวาคม 2542 โดยให้ริบของกลางที่เป็นเรือ 2 ลำ รถบรรทุก 1 คัน และให้จ่ายสินบนรางวัลให้แก่สายลับผู้นำจับกับเจ้าพนักงานผู้จับกุมจากของกลางที่ริบ ตาม พ.ร.บ.ให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้นำความผิด พ.ศ.2489 นั้น
ปรากฏว่าผ่านไปถึง 19 ปี หลังคำพิพากษา พ.ต.ท.ยงยศ ซึ่งเป็นผู้จับกุมก็ยังไม่ได้รับเงินบำเหน็จในการปราบปรามจับกุมแต่อย่างใด ซึ่งล่าสุด กรมศุลกากรได้ส่งหนังสือตอบหนังสือขอความเป็นธรรมของ พ.ต.ท.ยงยศ หนังสือเลขที่ กค.0516/ล 725 ลงวันที่ 26 ธันวาคม 2559 แจ้งผลว่า คดีการขายของกลางสิ้นสุดแล้ว อยู่ระหว่างด่านศุลกากรสตูล ขออนุมัติกรมศุลกากรเพื่อแบ่งจ่ายเงินสินบนรางวัลแก่ผู้มีสิทธิตามกฎหมาย หากท่าน (พ.ต.ท.ยงยศ) มีข้อสงสัยประการใดโปรดติดต่อด่านศุลกากรสตูลโดยตรง
พ.ต.ท.ยงยศ กล่าวว่า ตนเองได้ส่งหนังสือเพื่อสอบถามในประเด็นที่สงสัยในหลายข้อ รวมทั้งเรื่องรางวัลนำจับ โดยหนังสือที่ส่งไปยังศุลกากรจังหวัดสตูล ลงวันที่ 5 มกราคม 2560 แต่ปรากฏว่าจนถึงวันนี้ ยังไม่มีหนังสือจากศุลกากรจังหวัดสตูล แจ้งรายละเอียดให้ทราบแต่อย่างใด ดังนั้น ตนจึงได้ส่งหนังสือขอทราบผลของกลางในคดีน้ำมันเถื่อนไปยังอธิบดีกรมศุลกากร ลงวันที่ 5 ตุลาคม 2561 แต่จนถึงบัดนี้ ก็ยังไม่มีคำตอบจากกรมศุลกากรแต่อย่างใด
คดีนี้ตนได้ร้องเรียนไปทุกหน่วยงาน รวมทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เพื่อเห็นว่าเป็นคดีที่ล่าช้า เนื่องจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับเงินนำจับเป็นผู้มีอิทธิพล และเจ้าหน้าที่ประพฤติมิชอบไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกา แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้ามารับผิดชอบให้ความเป็นธรรมกับตนเอง ทั้งที่เป็นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อชาติบ้านเมือง จึงขอร้องเรียนไปยังอธิบดีกรมศุลกากร และนายกรัฐมนตรี ผ่านทางสื่อมวลชนอีกครั้งหนึ่ง
พ.ต.ท.ยงยศ กล่าวว่า นอกจากของกลางที่เป็นเรือ 2 ลำ รถบรรทุก 1 คัน ที่ริบ และต้องจ่ายรางวัลและบำเหน็จให้ผู้เกี่ยวข้องแล้ว ยังมีน้ำมันดีเซลอีก 37,300 ลิตร ที่ด่านศุลกากรได้ขายทอดตลาดไปแล้ว ในราคา 329,994 บาท ตั้งแต่วันที่ 19/6/43 ตามเอกสารหมายเลข 7 ของกรมศุลกากร แต่จนถึงบัดนี้ ไม่ทราบว่าเงินของกลางที่ต้องจ่ายรางวัลนำจับอยู่ที่ไหน และทำไม่จึงไม่มีการจ่ายให้แก่ผู้เกี่ยวข้องตามกฎหมาย และตามคำพิพากษาของศาลฎีกา
