พัทลุง - “จะร้อยพันแม้นหมื่นเสียงตะโกน ฤาจะสู้เสียงแข่งโพนที่เมืองลุง” ททท.เตรียมจัดกิจกรรมแข่งขันตีโพน ร่วมกับสำนักงานเทศบาลเมืองพัทลุง ในงานประเพณีแข่งโพน-ลากพระ ระหว่างวันที่ 19-25 ต.ค.นี้
ที่ศาลาทรงไทย โรงเรียนวัดแจ้ง ต.ชัยบุรี อ.เมืองพัทลุง ลุงผัน กลิ้งคล้าย อายุ 76 ปี และลุงอ้วม นิ่มดำ อายุ 72 ปี สองนักแข่งขันตีโพนรุ่นเก่าของ จ.พัทลุง ซึ่งทั้ง 2 คนแข่งขันตีโพนชนะเลิศได้ถ้วยรางวัลพระราชทาน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ มาแล้วจำนวนหลายใบ ปัจจุบันทั้ง 2 คน หันมาหุ้มโพนเพื่อส่งเข้าแข่งขัน และสอนเยาวชนรุ่นหลังเข้าแข่งขันตีโพน นอกจากนั้น ยังได้ทำโพนลูกขนาดเล็กจากกะลามะพร้าว หุ้มด้วยหนังวัวหรือหนังควาย เรียกว่า “กลองพรก” เป็นของที่ระลึก หรือเป็นของเล่นเด็กๆ
ซึ่งในวันนี้ได้มีการสาธิตการหุ้มโพนแบบโบราณ และสาธิตการหุ้มโพนขนาดเล็กจากกะลามะพร้าว พร้อมด้วยวิธีการตีโพนเพื่อการแข่งขัน โดยลุงผัน กลิ้งคล้าย และลุงอ้วม นิ่มดำ สองนักแข่งขันตีโพนรุ่นเก่า ลงมือตีกันอย่างไม่ยอมแพ้ สร้างความสนุกสนานให้แก่ผู้ชมจำนวนมาก นอกจากนั้น เยาวชนจำนวน 5 คน ยังได้ตีโพนโชว์ความสามารถ ซึ่งสามารถตีได้เป็นระยะเวลานานไม่แพ้ผู้ใหญ่เลยทีเดียว
ด้าน นางลดาวัลย์ ช่วยชาติ ผอ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ททท.ต้องการส่งเสริมจังหวัดพัทลุง แหล่งท่องเที่ยวเมืองรองให้โดดเด่น เนื่องจาก จ.พัทลุง มีวิถีชีวิตขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นที่เด่นหลายอย่าง สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศเข้ามาท่องเที่ยวชม เช่น โอทอปนวัตวิถีหมู่บ้านทำโพน ต.ชัยบุรี ที่มียอดนักตีโพน ผลิตโพน ทั้งใบใหญ่และใบเล็ก เพื่อการแข่งขันในงานประเพณีแข่งโพน-ลากพระ จ.พัทลุง และจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว สำหรับปีนี้งานประเพณีแข่งโพน-ลากพระ จ.พัทลุง จัดขึ้นวันที่ 19-25 ตุลาคม 2561 บริเวณหน้าสำนักงานเทศบาลเมืองพัทลุง ซึ่งปีนี้นอกจากการแข่งขันโพนแล้ว บนเวทีจะมีการประกวดเทพีโพน ซึ่งผู้ที่จะสมัครเข้าประกวดนั้นต้องมีน้ำหนักเกิน 80 กิโลกรัม
ประเพณีแข่งขันตีโพนจะเริ่มตั้งแต่ช่วงปลายเดือน 10 จนถึงวันแรม 1 ค่ำเดือน 11 จัดควบคู่ไปกับประเพณีลากพระในวันออกพรรษา เหล่านักตีโพนต่างขะมักเขม้นกับการประดิษฐ์เพื่อให้ได้โพนที่เสียงดีที่สุด เลือกเอาไม้เนื้อแข็ง ตาลโตนด จำปาป่า ขนุนป่า แกะเป็นรูกลมกลวงคล้ายอกไก่ ใช้หนังควายแก่ ซึ่งเป็นที่นิยมด้วยความเหนียวทนทานเป็นหนังหุ้ม โพนของ จ.พัทลุง จึงมีชื่อเสียงโด่งดัง ดังกึกก้อง สร้างความครึกครื้น ด้วยความพิถีพิถันในการประดิษฐ์ เกิดเป็นคำกล่าวที่ว่า “จะร้อยพันแม้นหมื่นเสียงตะโกน ฤาจะสู้เสียงแข่งโพนที่เมืองลุง”
การแข่งขันโพน นอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความเกี่ยวพันกับพิธีการทางศาสนาแล้ว กิจกรรมการละเล่นชนิดนี้ ยังช่วยให้มองเห็นการแสวงหาความสุข ความบันเทิงใจ อีกทั้งยังเป็นสื่อในการประสานความสัมพันธ์ทางสังคม ทำให้ชาวบ้านมีโอกาสพบปะสัมพันธ์กัน เป็นกิจกรรมการละเล่นที่สำคัญ นำมาสู่การสร้างสรรค์ความสามัคคีในชุมชน จึงควรอนุรักษ์ให้การละเล่นชนิดนี้คงอยู่สืบไป
