ศูนย์ข่าวภาคใต้ - ครู กศน. ต.บางเหรียง อ.ควนเนียง จ.สงขลา เป็นหูตาสอดส่องทุจริตในหน่วยงาน สุดท้ายถูกประเมินไม่ผ่านต้องพ้นจากราชการทั้งที่เป็นครูมาเกือบ 20 ปี เผยภารกิจสุดท้าย ได้อัดคลิปเสียงยืนยันพฤติกรรมกลโกงผู้บริหาร ถึงขั้นตำหนิเจ้าหน้าที่เหตุ “ไม่รับเงินส่วนต่าง” จากห้างร้าน อ้างทุกที่ทำเหมือนกันหมดยกเว้น อ.ควนเนียง สุดอึ้งกับวาทะ “เงินที่ได้มา ผอ.ไม่ได้เอาไปไหน แต่ต้องเอาไว้ซื้อน้ำกับทำบุญ”
วันนี้ (8 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้รับการร้องเรียนจากนายไพบูลย์ เขียดทอง อดีต ครู กศน.ตำบล ต.บางเหรียง อ.ควนเนียง จ.สงขลา ว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการประเมินผลการปฏิบัติงานในฐานะพนักงานราชการจากผู้บริหาร กศน.อำเภอควนเนียง ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง ที่ประเมินผลการปฏิบัติงานให้มีคะแนนไม่ผ่านทั้ง 2 ครั้ง
ซึ่งพนักงานราชการที่มีคะแนนการประเมินอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเกณฑ์ตามที่ราชการกำหนดนั้น จะต้องถูกให้พ้นจากราชการ แต่ตามขั้นตอนของทางราชการได้เปิดโอกาสให้พนักงานราชการผู้ถูกประเมินว่าไม่ผ่านมีสิทธิ์ที่จะยื่นอุทธรณ์การประเมินดังกล่าวได้ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด คือ 30 วัน ซึ่งนายไพบูลย์ ได้ไปยื่นอุทธรณ์ต่อ สำนักงาน กศน.จ.สงขลา เรียบร้อยแล้วเมื่อ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา
นายไพบูลย์ เขียดทอง หรือ “ครูช่าง” ซึ่งเป็นฉายานามที่ครู กศน.ทั่วประเทศรู้จักกัน ในขณะที่เด็กนักเรียนและชาวบ้านในชุมชน ต.บางเหรียง อ.ควนเนียง จ.สงขลา เรียกว่า “ครูเล่” ได้เปิดเผยกับ “MGR Online ภาคใต้” ว่าตนเองรับราชการมาตั้งแต่ 18 พ.ค.2541 จนมาถูกประเมินไม่ผ่านเมื่อ 30 ก.ย.2561 ที่ผ่านมา
รวมระยะเวลา 19 ปี 4 เดือน สาเหตุที่ไม่ผ่านการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะพนักงานราชการ ที่จะมีการประเมินผลการทำงานเพื่อประกอบการพิจารณาต่ออายุสัญญาจ้างพนักงานราชการของหน่วยเหนือ การถูกประเมินให้ไม่ผ่านและจะต้องถูกให้พ้นจากราชการในครั้งนี้ เป็นไปท่ามกลางความงุนงงสงสัยของบรรดาศิษย์เก่า กศน.ต.บางเหรียง ที่โทรศัพท์มาสอบถามด้วยความตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตน จนถึงขั้นต้องออกจากราชการเช่นนี้
“ลูกศิษย์บางคนจบไปได้เรียนต่อตอนนี้ทำงานเป็นถึงทนายความก็มี ส่วนตัวผมนี้ก็เคยเป็นเยาวชนด้อยโอกาสที่ได้รับโอกาสเข้าเรียนหนังสือใน กศน. จนจบม.6 ตรงนี้เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้ผมอยากจะตอบแทน กศน.ต.บางเหรียง บ้านเกิด ให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ก่อนอื่นขอบอกถึงทัศนคติส่วนตัวและในฐานะของความเป็นครูก่อนว่าผมไม่เห็นด้วยกับการทุจริตคอร์รัปชั่นทุกรูปแบบไม่ว่าจะมากหรือน้อย มันควรหมดสิ้นไปจริงๆ จากประเทศไทยได้แล้ว รัฐบาลทุกรัฐบาลบอกว่าจะเอาจริงกับเรื่องนี้ขอให้ข้าราชการชั้นผู้น้อยกับประชาชนทุกคน ช่วยกันเป็นหูเป็นตา แต่พอเป็นหูเป็นตากลับพบว่ากลไกของระบบราชการไม่สามารถปกป้องหูตาเหล่านั้นได้”
นายไพบูลย์ หรือ “ครูเล่” กล่าวและว่า ตนเองมั่นใจว่าสาเหตุที่ถูกผู้บริหารประเมินผลให้ไม่ผ่านเป็นผลมาจากการวิพากษ์วิจารณ์พฤติกรรมของผู้บริหารรายหนึ่งซึ่งส่อไปในทางทุจริตต่อราชการในการจัดซื้อจัดจ้างวัสดุครุภัณฑ์เข้าสำนักงาน ซึ่งในการประชุมของ กศน. อำเภอควนเนียง ช่วงก่อนที่ตนเองจะถูกประเมินให้ออกจากราชการนั้น ตนได้บันทึกเสียงการประชุมไว้ ในขณะที่ผู้บริหารรายนี้กำลังตำหนิเจ้าหน้าที่ฝ่ายพัสดุคนหนึ่งถึงกรณีที่ไม่เรียกรับหรือยอมรับ “ส่วนต่าง” จากห้างร้านให้เหมือนกับที่ “กศน.เกือบทุกแห่งใน จ.สงขลา เขาทำกัน” ซึ่งในรายละเอียดของคำอุทธรณ์ที่ “ครูเล่” ยื่นต่อ กศน. จ.สงขลา ระบุถึงเรื่องนี้ว่า..
“สาเหตุเพราะจากกรณีที่เกิดการโต้แย้งกันระหว่าง นายศิริพงศ์ บัวแดง กับ นายไพบูลย์ ในที่ประชุมประจำสัปดาห์ เรื่องการที่นายศิริพงศ์ บัวแดง ในฐานะ ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอควนเนียง มอบนโยบายและบังคับให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ “จัดหาเงิน” (ทุจริต) เงินงบประมาณแผ่นดิน ดังรายละเอียดในเทปเสียง (แผ่น CD) และข้อความที่ถอดจากเทปเสียง (แผ่นCD) ที่ส่งมาพร้อมนี้ (1) และ (3)”
สาเหตุจากข้อขัดแย้งในการโต้แย้งข้างต้น ซึ่งเป็นแรงจูงใจ “เป็นเหตุจูงใจ” ให้นายศิริพงศ์ บัวแดง “ตั้งธง” ให้การประเมินผลการปฏิบัติงานของนายไพบูลย์ เขียดทอง ครู กศน.ตำบลบางเหรียงใน ปีงบประมาณ 2561 ต้องไม่ผ่านการประเมินตามเกณฑ์ ที่กำหนดฯ ส่งผลให้นายไพบูลย์ เขียดทอง ต้องพ้นจากราชการดังรายละเอียดคำสั่ง กศน.จังหวัดที่148/2561ลงวันที่ 27 กันยายน 2561 นั้นแสดงว่า นายศิริพงศ์ บัวแดง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่มี “ความเป็นกลาง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริตและกดดันให้ผู้ใต้บังคับบัญชาต้องทำการทุจริตด้วยนั้น นายไพบูลย์มีหลักฐานเป็นคลิปบันทึกเสียงความยาวประมาณ 17 นาที ซึ่งเป็นหลักฐานอีกชิ้นหนึ่งยื่นให้กับคณะกรรมการอุทธรณ์พิจารณา โดยใจความตอนหนึ่งซึ่งเป็นคำพูดของ นายศิริพงศ์ บัวแดง ผู้อำนวยการ กศน.อำเภอควนเนียงในระหว่างการประชุมได้กล่าวเป็นภาษาใต้ในเชิงตำหนิพนักงานฝ่ายพัสดุคนหนึ่งโดยมีใจความว่า..
“...ก็ให้ทำเหมือนอำเภอเพื่อนๆ เค้ามั่งนะ ทำอะไร ไม่ใช่ว่าแลอำเภอข้างเคียงก็ไม่แล ทำตามใจตัวเอง อยู่อำเภออื่นที่ผ่านมาเขาเข้าใจเรื่องนี้ว่าส่วนต่างที่ได้มานี่ ผอ. ไม่ได้เอาไปไหนนะ บอกทุกที่ ที่อยู่ ว่าส่วนต่างที่ได้มา พอเวลาทอดกฐิน ทอดผ้าป่าในปีงบประมาณหนึ่ง ประเทศไทยนั้นนะ ศาสนาพุทธมีเดือนไหนนะ เดือนตุลา เดือนพฤศจิกา เค้าต้องมีเรี่ยไรกันม่าย เค้าก็ต้องเรี่ยไรมา ถึงเค้ามาเรี่ยไรแล้วนั้นเราไม่ให้หรือ เราก็ต้องให้ ถึงให้ ให้ตามอัธยาศัย ให้ 10 บาท 20 บาท ต่ออำเภอนั้นมันก็ให้ได้ แต่คิดว่ามันเหมาะสมม่าย อำเภอเค้าให้สี่หลัก ไม่ใช่สามหลัก ห้าหลัก อำเภอใหญ่เค้าก็ให้มากตามงบประมาณที่ได้”
“ถึงพอของเราคนหนึ่ง เบี้ยงบประมาณก็ได้มาหีดหนึ่ง ให้เท่านั้นแหละ หีดหนึ่งพอ ทำบุญเอาหน้าทำทำไหร ทำบุญเอาหน้านั่นมันก็ถูกนะเค้าไม่บังคับ แต่เราก็เป็นหน่วยงานหนึ่งใน กศน.เหมือนกัน อำเภอหนึ่งเหมือนกันที่สงขลาไม่ใช่เอาหน้า แต่ทำให้พอเหมือนๆ เพื่อนเค้า ว่าให้กฐินนี้พันหนึ่ง กฐินโน้นพันหนึ่ง สองพันเท่าๆ กัน”
“นั้นบอกวัตถุประสงค์ให้ฟังก่อน ว่าเงินส่วนต่างที่เกิดจากส่งเสริมการขาย จากร้านค้านั้น ผอ.คนนี้ไม่เคยคิดจะเอาเป็นของตนเอง ทำเพื่อส่วนรวม นั่นแหละ ซื้อน้ำกินต้องซื้อเองมั้ย 5 ขวด 10 ขวด นั้น น้ำกินสำนักงานนั้น ตั้งของไหว้เจ้าที่ พวงมาลัยนั้น เบี้ยไหน ยังม้ายเบี้ยสำนักงานตัวนี้ ก็ม้าย ถึงถ้า ผอ.อยู่นิ่งเฉย ดูดาย สูทำไปเถอะเรื่องของสู ตามอัธยาศัย ต่างคนต่างทำ มันอีเป็นองค์กรเดียวกันม้าย ทีนี้ คนยังเบี้ยมากกะทำไปแหละ คนม้ายเบี้ยกะนั่งถ้าแลเพื่อน”
“นั่นก็คือบอกให้ฟังซะก่อนว่าหลักคิดที่เอาเงินส่วนต่างตรงนี้มาช่วยทำอะไร ให้มันเป็นไปด้วยความราบรื่นของหน่วยงานทั้งหมด ดอกไม้ไหว้เจ้าที่ วันจันทร์ วันพระมีบ้างไหม อยู่มาหกเดือน เจ็ดเดือนแล้วกะม้าย น้ำกินบางทียังแต่ถังคลุมพลาสติก คลุมผ้า ถังเปล่า น้ำหาม้าย ม้ายเบี้ยซื้อ กาวทำพรือกาว ขายกระดาษหนังสือพิมพ์ก่อน นั่นแหละความน่าเวทนาของการบริหารที่ทำการที่ผอ.คนนี้นั่งอยู่ น้ำกินสักหีดก็หาม้าย เราทำงานแล้วตัดสินใจโดยการ...”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในคลิปบันทึกเสียงดังกล่าวเมื่อนายศิริพงศ์ บัวแดง ผู้อำนวยการ กศน. อำเภอควนเนียง พูดถึงประเด็นดังกล่าวได้สักระยะหนึ่ง นายไพบูลย์ หนึ่งในพนักงานราชการ กศน.ต.บางเหรียง ที่เข้าร่วมประชุม ได้ยกมือขึ้น ขออนุญาตแสดงความคิดเห็น โดยเปิดเผยกับ “MGR Online ภาคใต้” ว่าตนเองรู้สึกทนฟังประโยคเหล่านั้นอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เนื่องจากขัดกับความเป็นครูที่ย้ำกับนักเรียนเสมอให้มีความซื่อสัตย์สุจริต โดยนายไพบูลย์ ได้กล่าวกับผู้อำนวยการ กศน. อำเภอควนเนียง ตามที่ระบุในคำอุทธรณ์ว่า..
“ตามความคิดผมนะ ผอ. ถ้าเหมือนแหลงถึงแล้ว ถ้าเหมือนว่ามันต่างกัน ก็มันไม่แตกต่างกับคอรัปชั่นหรือว่าโกง ในขณะที่เราสอนเด็กว่าอย่างงั้น แม้ว่าข้ออ้างไปทำบุญ ทำไรก็แล้วแต่ แต่ว่าเบี้ยทำบุญ สมมุติว่าเบี้ยขายยาเสพติด นี่แหละไปทำบุญ มันอิได้บุญมั้ย ตรงนั้นผมว่าไม่เห็นด้วยตรงนั้นนะ นี้ส่วนตัวผม เพราะว่าเราไปสอนเด็กว่า อย่าโกงพันโน้นพันนี้ ประเทศไทยในขณะที่เราด่าคนรุ่นก่อน ประเทศไทยเป็นพันนี้เพราะว่าเราเป็นพันนั้น ถึงเราอีทำแบบนั้นต่อไปก็ไม่รู้ ผม ว่ามันแลว่าเราแหลงไหรไม่กล้าสบตาคน แม้ว่าเรามีข้ออ้าง ที่ว่ามันแลดูดี ว่าซื้อน้ำไว้ทำบุญพันนี้แหละ แต่ถ้าเหมือนว่าของมันแพงขึ้น ผมว่าก็คือโกงนั่นแหละ”
ซึ่งเมื่อได้ฟังคำพูดประโยคดังกล่าวของนายไพบูลย์ เขียดทอง ครูโรงเรียน กศน. ต.บางเหรียง นายศิริพงศ์ บัวแดง ผู้อำนวยการ กศน. อำเภอควนเนียง ที่เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของนายไพบูลย์ ได้กล่าวรับว่า
“อืมถูก แต่ว่าเราเอาไปไหนส่วนนั่นนะ ส่วนต่างเอาไปไหนเพื่อความถูกกับส่วนรวมม้าย”
นายไพบูลย์ เขียดทอง หรือ “ครูเล่” กล่าวกับ “MGR Online ภาคใต้” ว่าพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริตในการจัดซื้อจัดจ้างวัสดุ-ครุภัณฑ์ รวมถึงการใช้จ่ายงบประมาณเกิดขึ้นใน กศน.เกือบจะทุกแห่งซึ่งหลายๆ แห่งเจ้าหน้าที่ที่ดูแลงานด้านนี้โดยตรงอาจกำลังถูกกดดันให้กระทำการอันทุจริต เพราะพนักงานราชการจะถูกประเมินทุกๆ ปี และต่อสัญญาใหม่ 4 ปี ครั้ง ใครไม่ผ่านจะถูกพ้นจากราชการ
ทำให้การประเมินกลายเป็นเครื่องมือที่ผู้บริหารใช้ในการกดดันพนักงานราชการให้ทำผิดกฎหมายเสียเอง ทั้งที่การประเมินควรจะเป็นไปเพื่อสร้างประสิทธิภาพการทำงาน อันจะทำให้ประชาชนผู้เสียภาษีและประเทศชาติได้ประโยชน์ แต่การประเมินกลับถูกใช้เป็นเครื่องมือแห่งอำนาจ, กลั่นแกล้ง, และกำจัดคนที่ไม่พึงปรารถนา เพื่อให้ได้มาซึ่งลาภยศอันฉ้อฉล จึงอยากให้รัฐบาล คสช.ที่มีนโยบายการปราบปรามการทุจริตในเรื่องนี้อย่างจริงจัง
“ในเมื่อเขาอยากให้โกง หากใครไม่ทำตามก็อาจจะโดนเช่นผม ผมเป็นครูไม่ใช่พนักงานฝ่ายพัสดุ เขาจึงกดดันผมให้ทำเรื่องแบบนั้นไม่ได้ แต่คนเป็นครูในเมื่อสอนนักเรียนอยู่ทุกวันว่าให้เป็นคนดี แต่องค์กรที่เคี่ยวเข็ญเด็กให้เป็นคนดีกลับมีเรื่องทุจริตที่เป็นความเลวร้ายของประเทศ รู้เห็นอยู่ตำตาแบบนี้ ผมเป็นครูหากไม่ท้วงติงบ้าง จะเอาอะไรไปสอนเด็กให้เป็นคนดี ที่ผ่านมาผมพยายามท้วงติงเรื่องแบบนี้เท่าที่จะมีโอกาส ก็ทำหน้าที่เหมือนกับที่ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พูดออกทีวีร้องขอให้ประชาชนกับข้าราชการชั้นผู้น้อยช่วยเป็นหูเป็นตาให้กับรัฐบาลในการตรวจสอบการทุจริต ตอนนี้ผมในฐานะประชาชนและอดีตครู กศน. คนหนึ่งทำตามหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว ผลที่ได้คือผมถูกกลั่นแกล้งให้พ้นจากราชการ ท่านนายกฯ คิดอย่างไรกับเรื่องนี้ครับ” นายไพบูลย์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการถูกให้พ้นจากราชการของ “ครูเล่” หรือ “ครูช่าง” ซึ่งเป็นที่รู้จักของชาวบ้าน ต.บางเหรียง อ.ควนเนียง จ.สงขลา และครู กศน.ทั่วประเทศว่าเป็นผู้หนึ่งที่ทุ่มเทให้กับสถาบันการศึกษาเล็กๆ อย่าง กศน.ตำบลบางเหรียง ทำให้ชาวบ้านและศิษย์เก่าจำนวนหนึ่งจะเคลื่อนขบวนไปประท้วงเรื่องนี้ที่ กศน. จ.สงขลา แต่นายไพบูลย์ ได้ขอร้องไว้ เพราะอยากให้คณะกรรมการอุทธรณ์ได้พิจารณาเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนตามข้อเท็จจริงไม่ใช่ตัดสินเพราะถูกกดดันจากการประท้วง แต่ตนเข้าใจความรู้สึกของชาวบ้านและศิษย์เก่าทุกคนที่ทราบเรื่องและขอกล่าวขอบคุณทุกคนที่แสดงความเป็นห่วง
(ฟังคลิปเสียง,และอ่านข้อเท็จจริงเพิ่มเติมจากเอกสารตามรูปภาพท้ายข่าวด้านล่าง)