ตรัง - เฒ่าวัย 75 ปี ชาว อ.เมืองตรัง ป่วยโรครุมเร้า คิดสั้นไม่อยากเป็นภาระลูกหลาน ผูกคอเสียชีวิตกับต้นชมพู่ข้างบ้าน ลูกชายสุดท้องเผยก่อนเกิดเหตุเพียง 4 ชม. พ่อลั่นอยากบริจาคร่างกายเป็นอาจารย์ใหญ่
วันนี้ (4 ต.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. พ.ต.ต.ปัญญา ไล่คง สารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองตรัง ได้รับแจ้งเหตุมีคนผูกคอเสียชีวิต บริเวณข้างบ้านเลขที่ 198 หมู่ 6 ต.บางรัก อ.เมืองตรัง หลังรับแจ้งจึงได้ประสานหน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง แพทย์เวร รพ.ศูนย์ตรัง ชุดตำรวจสายตรวจชุมชน รุดเข้าตรวจสอบยังที่เกิดเหตุบริเวณต้นชมพู่ข้างบ้านหลังดังกล่าว พบร่างของ นายเสริญ จิตราวุธ อายุ 75 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 ถ.หนองยวน ต.ทับเที่ยง อ.เมือง จ.ตรัง สภาพสวมเสื้อกล้ามสีดำ กางเกงขาสั้นสีน้ำเงินลายสกอต โดยได้ใช้เชือกไนลอนผูกคอตัวเองเสียชีวิตอยู่กับต้นชมพู่ สภาพลิ้นจุกปาก บริเวณพื้นดินพบเก้าอี้พลาสติกล้มอยู่ 1 ตัว เจ้าหน้าที่ทำการชันสูตรพลิกศพในเบื้องต้น ไม่พบบาดแผล หรือร่องรอยการถูกทำร้ายแต่อย่างใด คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 ชั่วโมง
จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายมีโรคประจำตัวรุมเร้าหลายโรค ก่อนหน้านี้ประมาณ 1-2 เดือน ได้ไปทำบอลลูนหัวใจเนื่องจากโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ แล้วก็กลับมาพักอยู่ที่บ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านของลูกชาย จนกระทั่งมี น.ส.อรทัย รอดสุด อายุ 17 ปี ซึ่งเป็นหลานสะใภ้ กำลังจะออกมาล้างจานบริเวณหน้าบ้านใกล้กับจุดเกิดเหตุ ปรากฏว่าพบผู้ตายผูกคอเสียชีวิตอยู่กับต้นชมพู่แล้ว จึงได้แจ้งให้ญาติพี่น้องทราบ ก่อนจะแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ให้เข้ามาตรวจสอบ
ขณะที่ นายสมชัย จิตราวุธ อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นลูกชายคนสุดท้องของผู้ตาย กล่าวว่า ปกติพ่อเป็นคนอารมณ์ดี ไม่เครียด แต่มาระยะหลังเริ่มกินอาหารได้น้อยลง แต่กินจุกจิก เมื่อกินเยอะจะมีอาการอ้วก กระทั่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา หรือประมาณ 4 ชั่วโมงก่อนเกิดเหตุ ตนเองยังพูดคุยอยู่กับผู้เป็นพ่อเป็นปกติ โดยไม่มีอาการน้อยใจ หรือซึมเศร้า และพ่อได้พูดกับตนว่าอยากจะบริจาคร่างกายและอวัยวะให้แก่ทางโรงพยาบาล มอบให้เป็นร่างอาจารย์ใหญ่เพื่อใช้ในการศึกษา แต่ตนเองไม่ได้คิดอะไร หลังจากนั้น ตนก็ได้ออกไปทำงานตามปกติ จนกระทั่งทราบข่าวว่าพ่อผูกคอเสียชีวิตแล้ว
อย่างไรก็ตาม คาดสาเหตุเบื้องต้นน่าจะมาจากผู้ตายน้อยใจในเรื่องโรคประจำตัว จึงคิดสั้นตัดสินใจผูกคอตนเอง เพื่อไม่อยากให้เป็นภาระของลูกหลาน ซึ่งทางญาติไม่ได้ติดใจในสาเหตุการเสียชีวิต ได้นำร่างไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
