ยะลา - ย้อนเหตุบึ้มยะลาครบ 1 ปี “หมวดท็อป” เหยื่อไฟใต้เสียกะโหลก ร่างกายซีกซ้ายอัมพฤกษ์อ่อนแรง แต่ใจสู้ฝึกกายภาพหวังกลับมาเดินได้ ไม่ท้อขอมีชีวิตอยู่เพื่อลูกสาว หายดีเมื่อไหร่ตั้งใจกลับมารับใช้ชาติต่อ
..จากร่างกายที่เคยมีอวัยวะสมบูรณ์ครบ 32 ประการ แต่ถ้าวันนี้มีอวัยวะใดหายไปและเรียกคืนกลับมาไม่ได้...ท่านผู้อ่านทั้งหลายจะเสียใจกันไหม??
แต่เชื่อว่าใครที่เคยประสบด้วยตัวเองและก้าวผ่านพ้นมาได้ มันคงเป็นความรู้สึกที่ทรมานจิตใจอย่างหนัก หากวันหนึ่งต้องลืมตาตื่นขึ้นมารับรู้ความจริงว่า...แขน ขา นิ้วมือ ได้ขาดหายไปแล้ว
แต่ไม่ใช่กับ “ร.ต.ท.ยุทธนา เทพสถิตย์” หรือ “หมวดท็อป” อายุ 35 ปี รอง สว.กก.ตชด.14 เจ้าหน้าที่ชุดอีโอดีค่ายพระมงกุฎ เหยื่อไฟใต้เมื่อปี 60 ที่ปาฏิหาริย์มีจริง เขารอดพ้นวิกฤตออกจากไอซียู จากนั้นฝึกหายใจและทำกายภาพบำบัดเรื่อยมานับปี เพราะเขายังมีคนหนึ่งคนที่เป็นกำลังใจสำคัญให้สู้และอยู่ต่อไป เธอคือ...ลูกสาว
หากใครยังจำได้ ย้อนกลับไปเมื่อ 14 ก.ย.60 เหตุระเบิด ม.5 ต.กาบัง อ.กาบัง จ.ยะลา โจรใต้ใช้แผนลวงเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบเหตุบึ้มลูกแรก เจ้าหน้าที่อีกชุดจึงรุดเก็บกู้ แต่ดันเจอกดบึ้มซ้ำซ้อน ร่างแต่ละนายปลิวกระแทกพื้นเจ็บเกือบ 30 ราย
“ทหารพราน-อีโอดี-นักข่าว” แต่เหตุสลดใจเกิดขึ้นกับทหารพราน 2 นาย เพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตทันที
“หมวดท็อป” เป็นหนึ่งในผู้ที่บาดซึ่งเจ็บสาหัส แม่ของหมวดท็อป นางพยูร เทพสถิตย์ วัย 54 ปี บอกว่า ก่อนหน้าลูกเป็นทหารเรืออยู่ที่จ.นราธิวาส 7 ปี กระทั่งถูกเรียกตัวมาช่วยรายการ
“ท็อปไปแค่ปีเดียวเองแม่ ไม่ได้ออกพื้นที่ อยู่แต่ข้างใน ไม่ต้องห่วงท็อปครับ”
นั่นเป็นคำพูดปลอบใจจากลูกชายที่ผู้เป็นแม่เล่าให้ฟัง
“วันเกิดเหตุไม่มีลางสังหรณ์อะไรผิดปกติเลย”
แม่ของหมวดท็อปยืนยัน โดยขณะนั้น นายเทพ เทพสถิตย์ อายุ 58 ปี พ่อหมวดท็อป ทำงานอยู่ที่กรมชลประทาน อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ มีเหตุที่ใต้ก็จะเปิดดูทีวีตลอด เพราะกลัวเกิดขึ้นกับลูกชาย ซึ่งคนเป็นพ่อรีบบอกให้ภรรยาไลน์ถามลูก
“พ่อกับแม่นั่งดูข่าวอยู่นะ ท็อปออกพื้นที่ไหม”
แต่ไร้การตอบกลับ พ่อถามย้ำอีกรอบ
“ลูกอ่านไลน์ไหมแม่”
จะโทร.หาลูกก็กลัวจะรบกวนเวลางาน จึงตัดสินใจโทร.หาลูกสะใภ้ (ภรรยาหมวดท็อป) บอกว่า
“หนูโทร.หาท็อปตอน 8 โมงเช้า ท็อปออกไปข้างนอกมีเหตุระเบิดนะแม่”
คนเป็นพ่อแม่ใจคอไม่ดีแล้ว หลังจากนั้นติดต่อไม่ได้ ส่งไลน์ก็ไม่ตอบ เมื่อโทร.ย้ำอีกครั้งปลายสายมีคนรับ แต่ว่า...ไม่ใช่เสียงลูกชาย เป็นเพื่อนในทีมพูดด้วยเสียงสั่นๆ เหมือนมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น
“ท็อปโดนระเบิดครับพ่อ!!”
ทำให้แทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ รีบบอกภรรยาเก็บเสื้อผ้าลงใต้ทันที
“...หัวใจเรา...มันแทบขาด”
นางพยูร เผยให้ฟัง จาก จ.เชียงใหม่ กว่าจะถึง จ.สงขลา ช่วงเวลาเดินทางมันบีบหัวใจทุกๆ วินาที ต่างคนก็ต่างปลอบใจซึ่งกันและกัน ยังโชคดีมี น.ส.เนตรนริทร์ ถิ่นกาญจน์ หรือ “กิ๊ฟ” ภรรยาหมวดท็อป ซึ่งเป็นวิสัญญีแพทย์พยาบาล โรงพยาบาลสงขลานครินทร์หาดใหญ่ ขณะนั้นตั้งท้องได้ 8 เดือน แจ้งให้ทราบเป็นระยะๆ
ท็อป อยู่ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา สะเก็ดระเบิดฝังเข้าไปในสมอง หมอเอาออกมาได้บางส่วน แต่ต้องย้ายมาที่ รพ.สงขลานครินทร์ เพราะอาการหนักเลือดไหลซึมออกมาทั้งสมอง รูหู และเส้นประสาทตาถูกทำลาย
ทันทีที่พ่อแม่เห็นลูกชายนอนอยู่ไอซียู ทำใจไม่ได้ และแทบทุกครั้งที่ต้องร้องไห้ออกมา เพราะปกติแล้วไม่มีวันไหนที่หมวดท็อปจะไม่โทร.หาพ่อแม่ มันกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ไปแล้ว เขาจะโทร.ถามแม่ในทุกๆ วันตอนเย็น
...แม่ทำกับข้าวอะไรครับ พ่อจะกินอะไร และอีกสารพัดคำถามจากชายผู้เป็นรั้วของชาติ ซึ่งก่อนวางสายจะมีประโยค “รักพ่อกับแม่นะครับ” ทิ้งท้ายเสมอๆ...แต่ในวันนี้ประโยคเหล่านั้นไม่มีอีกแล้ว...
พ่อของหมวดท็อป เล่าว่า ลูกสะใภ้จะจับมือหมวดท็อปลูบที่ท้อง แล้วพูดว่า
“ที่รักเขามาให้กำลังใจ ตื่นเร็วๆ นะ ลูกจะคลอดวันที่ 10 พ.ย.นี้นะ (ปี 60) ดีใจไหม”
หมวดท็อป ก็จะเหลือกตาขึ้นลงตอบรับ เป็นคู่รักที่เข้มแข็งมาก เพราะถ้ามีใครอ่อนแอลงก็จะกระทบลูกในท้องไปด้วย
“ไม่กล้าเข้าไปดูลูก เพราะน้ำตามันไหล เข้าไปได้ 5 นาทีก็ต้องรีบวิ่งออกมา สงสารลูกชาย เพราะเขาเป็นลูกคนเดียว เขาเกิดวันที่ 7 ก.ย. ผมยังบอกให้ทำบุญก่อนไปทำงานอยู่เลย พอวันที่ 14 ก.ย. เขากลับโดนระเบิด แต่เขาสู้เขาพยักหน้าบีบมือผมและแม่เขา เพื่อให้รู้ว่าเขายังไหว”
โดยครอบครัวอธิษฐานขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้หมวดท็อปดีขึ้น แม่ของหมวดท็อปยอมลาออกจากงาน ขอมาอยู่ดูแลลูกชายแบบถาวรตลอด 9 เดือนที่รพ.สงขลานครินทร์หาดใหญ่ และย้ายมาพักรักษาตัวต่อที่ รพ.ตำรวจ เมื่อมิ.ย.61 ที่ผ่านมา
และแม่ของหมวดท็อปได้รับคัดเลือกให้เป็นแม่ดีเด่นประจำปี 61 ส่วนพ่อหมวดท็อป ยอมโกนหัวบวชให้ลูกชาย หลังบนไว้ที่ค่ายบางระจัน ถ้าปาฏิหาริย์มีจริงและลูกชายกลับมาเดินได้อีกครั้ง...
ขณะเดียวกัน “น้องกิ๊ฟ” ภรรยาของหมวดท็อป ก็เชื่อว่าลูกสาวในท้องน่าจะเป็นกำลังใจให้สามีหายดีได้ แก้วตาดวงใจของหมวดท็อป ที่ลืมตาดูโลกในคืนวันที่ 31 ต.ค.60 “น้องเอวา” ทายาทนักรบซึ่งมีพ่อเป็นผู้กล้า และแม่เป็นพยาบาล โดยร่างกายแข็งแรงปลอดภัยทั้งแม่และลูก
ปัจจุบัน ดวงตาข้างขวาของหมวดท็อป ยังมองเห็นเลือนรางและต้องรอผ่าตัดอีกครั้งก่อนใส่กะโหลกเทียม ซึ่งทุกวันเมื่อใกล้เวลา 19.30 น. เขาจะเตือนแม่เสมอว่า ถึงเวลาทำกายภาพบำบัดแล้ว
“พาท็อป...ไปหัดเดินหน่อย”
เพราะร่างกายซีกซ้ายอัมพฤกษ์อ่อนแรง เขาจึงอยากกลับมาแข็งแรง จิตใจที่ยังคงสู้ต่ออุปสรรคทางกายตลอดมา ซึ่งหมวดท็อปจะพูดเสมอว่า
“เอวา...พ่อรักลูกนะ”
แต่อาจจะฟังไม่ชัด และสิ่งที่มันจะเป็นไปได้ เมื่อหายดีเขาตั้งใจไว้ว่า...ขอกลับมาทำงานตามเดิม ไม่ได้ท้อแท้ เพราะยังคงรักในอาชีพที่หาญกล้า เป็นรั้วปกป้องประเทศชาติอย่างภาคภูมิใจ
ทุกวันนี้ “หมวดท็อป” พยายามเขียนบอกว่า
“ขอบคุณพ่อกับแม่ที่ดูแลครับ”
ตั้งแต่ที่เข้าโรงพยาบาล ไม่เคยทำให้รู้สึกว่าถูกทอดทิ้ง ซึ่งพ่อกับแม่ของหมวดท็อปก็ต้องแลกมาด้วยน้ำตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง เพราะยังมีลูกชายผู้ที่เข้มแข็ง และไม่เคยท้อแท้ให้เห็นแม้แต่ครั้งเดียว...